<< Back
" ย่ำแดนมังกร วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2524 "
(น.320) ภูเขาแถวนี้แย่ สูงและท่าทางเหมือนป่าหินไม่ค่อยมีต้นไม้ ทางรถค่อนข้างจะชัน เวลาเลี้ยวเสียงรถนำดังเอี๊ยดๆ ลั่น
พอดีถึงร้านขายของ มองดูไม่เห็นมีของชนกลุ่มน้อยเท่าไร มีเพียงเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลายปักยาวๆ ยังกับที่ใช้เป็นสายคล้องกีตาร์หรือสายคล้องกล้องถ่ายรูป นอกจากนั้นมีผ้าแพร เสื้อผ้า หมวก เครื่องดนตรี ฯลฯ
ดูเหมือนจะมีแม้แต่ไพ่ เขาอธิบายว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ชนกลุ่มน้อยซื้อของ แต่ดูจากลักษณะของของที่ขายนั้นคงจะไม่ให้คนกลุ่มน้อยซื้ออย่างเดียว คงจะมีของที่สำหรับขายชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
และขายชนกลุ่มน้อยบ้างนิดหน่อย ข้าพเจ้าให้ป้าจันจัดซื้อผ้าไหมสำหรับฝากท่านผู้สูงอายุต่างๆ และซื้อหมวก (สีเขียว) ใส่ใบหนึ่ง เห็นทิพย์ซื้ออีกใบ เลยมีหมวกแบบนั้นสองคน มีรองเท้าแบบจีนฮ่อด้วย
ตอนข้าพเจ้าเดินออกจากร้าน กสิณยืนอนู่แล้วชี้ให้ข้าพเจ้าดูว่าถังที่ต่อจากห้องน้ำเป็นอย่างนี้ เป็นอันได้เห็นครบทั้งระบบ ได้ความว่าคุณวิไลสั่งเอาไว้
อีกร้านหนึ่งเป็นร้านขายของชาวเขาเหมือนกัน ไม่ได้ซื้ออะไรเพราะแพงทุกอย่าง แต่ได้จดราคาบางอย่างไว้ เช่น กล้องยาสูบทำด้วยเงิน หรือ German silver ก็ไม่ทราบ ราคา 23-38 หยวน
ที่ห้อยคอ ราคา 33-82 หยวน มีดสั้น 7.64 หยวน เข็มขัดเงิน 204-278 หยวน สร้อยคอเป็นพวงๆ 248 หยวน กำไลเต็มข้อมือ 87.40 หยวน ฯลฯ ใครๆ เขาบอกกันว่า ถ้ามีเงินให้เตรียมแลกให้หมด เพราะว่าเขาจะไม่ให้แลกถ้าเกินเวลา
(น.321) อีกร้านหนึ่งเป็นร้านขายของเก่า พอเข้าไปเขาจะแจกการ์ดเล็กๆ ข้างหน้าเขียนว่า Yunnan Antiuqe Store
ข้างในเป็นรายชื่อของราชวงศ์ต่างๆ ของจีน ตั้งแต่ราชวงศ์ เซี่ย ถึงราชวงศ์ เหม็ง และ เช็ง บอกชื่อกษัตริย์ทุกองค์ ข้าพเจ้าใช้ดูแผ่นนี้อยู่ตลอดจนทุกวันนี้ เขาเขียนถ่ายอักษรอย่างเก่า
เดี๋ยวนี้เขามีวิธีถ่ายอักษรอย่างใหม่ข้าพเจ้าอ่านได้เฉพาะแบบใหม่ เลยต้องให้อาจารย์สารสินช่วยเขียน และเขียนภาษาไทยไว้ด้วย จะขโมยลอกมาลงไว้ในที่นี้ดังนี้
THE CHINESE DYNASTIES
เซี่ย HSIA (XIA) B.C. 2250-1766
ซาง SHANG (SHANG) B.C. 1766-1122
โจว CHOU (ZHOU) B.C. 1122-770
ชุนชิว SPRING AND AUTUMN ANNALS (CHUNQIU) B.C. 770-476
จ้านกว๋อ WARRING STATES (ZHANGUO) B.C. 476-221
ฉิน CHIN (QIN) B.C. 221-206
ฮั่น HAN (HAN) B.C. 206-A.D. 220
ซานกว๋อ THREE KINGDOMS (SANGUO) A.D. 220-265
จิ้น TSIN (JIN) A.D. 265-420
หนานเป่ยเฉา SOUTHERN AND NORTHERN DYNASTIES (NANBEI CHAO) A.D. 420-589
สุย SUI (SUI) A.D. 589-618
ถัง TANG (TANG) A.D. 618-907
(น.322)
อู่ไต้ FIVE DYNASTIES (WUDAI) A.D. 907-960
ซ่ง SUNG (SONG) A.D. 960-1279
หยวน YUAN (YUAN) A.D. 1279-1368
หมิง MING DYNASTY A.D. 1368-1644
หงอู่ HUNG WU (HONG WU) A.D. 1368-1399
เจี้ยนเหวิน CHIEN WEN (JIAN WEN) A.D. 1399-1403
หย่งเล่อ YUNG LO (YONG LE) A.D. 1403-1425
หงซี HUNG HIS (HONG XI) A.D. 1425-1426
เซวียนเต๋อ HSUAN THE (XUAN DE) A.D. 1426-1436
เจิ้งถ่ง CHENG TUNG (ZHENG TONG) A.D. 1436-1450
จิ่งไท่ CHING TAI (JING TAI) A.D. 1450-1457
เทียนซุ่น TUEN SHUN (TIAN SHUN) A.D. 1457-1465
เฉิงฮว่า CHENG HUA (CHENG HUA) A.D. 1465-1488
หงจื้อ HUNG CHIN (HONG ZHI) A.D. 1488-1506
เจิ้งเต๋อ CHENG THE (ZHENG DE) A.D. 1506-1522
เจียจิ้ง CHIA CHING (JIA JING) A.D. 1522-1567
หลงชิ่ง LUNG CHING (LONG QING) A.D. 1567-1573
ว่านลี่ WAN LI (WAN LI) A.D. 1573-1620
ไท่ชาง TAI CHANG (TAI CHANG) A.D. 1620-1621
เทียนฉี่ TIEN CHI (TIAN QI) A.D. 1621-1628
ฉงเจิน CHUNG CHEN (CHONG ZHEN) A.D. 1628-1644
ชิง CHING DYNASTY (QING) A.D. 1644-1911
ซุ่นจื้อ SHUN CHIH (SHUN ZHI) A.D. 1644-1662
คังซี KANG SHI (KANG XI) A.D. 1662-1723
หย่งเจิ้ง YUNG CHENG (YONG ZHENG) A.D. 1723-1736
เฉียนหลง CHIEN LUNG (QIAN LONG) A.D. 1736-1796
(น.323)
เจียชิ่ง CHIA CHIANG (JIA QING) A.D. 1796-1821
เต้ากวาง TAO KUNG (DAO GUANG) A.D. 1821-1851
เสียนเฟิง HSIEN FENG (XIAN FENG) A.D. 1851-1862
ถงจื้อ TUNG CHIH (TONG ZHI) A.D. 1862-1875
กวางซู่ว์ KUANG HSU (GUANG XU) A.D. 1875-1909
เซวียนถ่ง HSUAN TUNG (XUAN TONG) A.D. 1909-1911
อีกหน้าหนึ่งบอกว่าร้านนี้ขายอะไรบ้าง เช่นภาพเขียน ผ้าปัก หยก สำริด สำเนาจารึก หมึกแท่ง เครื่องถ้วย เครื่องปั้นดินเผา งาช้าง ไม้แกะสลัก ถมปัด เครื่องเขิน พู่กันโบราณ ตราโบราณ ฯลฯ ที่เห็นมีเงินจีนโบราณกลมๆ กุญแจ (ประแจ) มีเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วยเป็นเบอร์ 4 ตัว
ดูแล้วภุชชงค์บอกว่าไม่เก่าเท่าไรนัก ของต่างๆ มีอายุไม่เก่ากว่าศตวรรษที่ 18
ดูเสร็จแล้วก็ขึ้นรถกลับบ้าน ต้องรีบหน่อยเพราะคืนนี้เราจะดูงิ้วกัน
มาถึงบ้านก็รับประทานอาหารสักประเดี๋ยวหนึ่ง คุณหวังพาเจ้าหน้าที่บางคนถือขนมเค้กสีเหลืองแต่งหน้าสวยงาม เขียนว่า Happy Birthday แล้วมอบให้ท่านผู้หญิง เสร็จแล้วเขาก็ขอตัวไปจัดการเรื่องงิ้ว
คราวนี้ถึงตอนกินเค้ก จำเป็นต้องมีส้อม เพราะจะรับประทานเค้กด้วยตะเกียบคงไม่ไหว ตอนจะขอส้อมจากคนเสิร์ฟโต๊ะ ท่านผู้หญิงหันไปถามอาจารย์สารสิน ตอนนี้อาจารย์สารสินไม่อยู่
(น.324) เพราะต้องไปเข้าโรงงิ้วก่อน ข้าพเจ้าเลยบอกว่า “ไม่ต้องสารสินหรอกฉันเอง” แล้วก็เรียก “ถงจื้อ” (สหาย) พอ ถงจื้อ มาแล้ว ข้าพเจ้าก็ชูนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง รวม 3 นิ้ว แล้วปักลงไปบนโต๊ะ ถงจื้อ ร้อง ฮ้อ แล้วไปเอาส้อมมาแจก ที่ต้องแสดงภาษาใบ้เพราะข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าส้อมภาษาจีนว่าอะไร
เมื่อถึงเวลาคุณเฉินก็พาข้าพเจ้าและพวกที่เหลือไปโรงงิ้วคนอื่นๆ รออยู่แล้ว
เริ่มต้นการแสดงเขาจะมีคนประกาศเป็นผู้หญิง ประกาศเสียงดังและสูงตามลักษณะของผู้ประกาศทั้งหลาย ทำให้มีความคิดสังเกตว่าคนจีนเขาตั้งเสียง 1 เท่ากับเสียงตรีของไทย และต่อจากนั้นก็สูงไปเรื่อยๆ
เสียงหนึ่งของจีนข้าพเจ้าได้ยินเป็นเสียงตรี เสียง 2 ได้ยินเป็นเสียงจัตวา เสียง 3 ตกมานิดหน่อยแล้วขึ้นได้ยินเป็นเสียงเอก เสียงสี่นั้นเป็นเสียงตกแต่รู้สึจะตกจากที่สูงข้าพเจ้าได้ยินเป็นเสียงโท ทั้งนี้รู้สึกว่าไม่เหมือนกันเท่าไร
โปรมแกรมวันนี้มี 2 เรื่อง เขาแจกเรื่องย่อไว้ก่อนแล้ว (แต่บางคนก็ดูไม่รู้เรื่องเท่าไรนัก) และข้าพเจ้าโชคดีที่มีอาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์ยูนนานที่เคยมาเมืองไทย (ซึ่งข้าพเจ้าได้พบในงานเลี้ยงคืนก่อน) คอยอธิบาย คุณเฉินบอกว่าคุณเฉินเองฟังไม่ออกและไม่รู้เรื่อง
เรื่องแรกเรื่องการเอาชนะ เจียวจ้าน มีเรื่องย่อว่าในสมัยราชวงศ์ ซ้อง เกิดมีศึกทางชายแดนทางภาคเหนือ หยางเหยนเจา ซึ่งเป็นแม่ทัพได้ส่งนายพล เมิ่งเหลียง (หนวดสีแดง) กลับไปที่เมืองหลวงเพื่อไปขอกำลังเพิ่ม เมิ่งเหลียงเลือกเด็กรับใช้ในครัว
(น.325) คนหนึ่งชื่อ หยางผายเฟิง เป็นแม่ทัพ นายพลอีกคนคือ นายพล เจียวจ้าน (หนวดดำ) ดูถูกหยางผายเฟิงว่าเป็นผู้หญิงจะทำอะไรได้ จึงทดลองประลองยุทธ์กัน หยางผายเฟิงเก่งจริงๆ
กระโดดตีลังกาไปมา หยางผายเฟิงแกล้งทำแพ้ 3 ครั้ง อีกครั้งจึงจะชนะ ในระหว่างการแสดงมีดนตรี เวลาคนแสดงร้องอะไรออกมาคำหนึ่งก็จะมีเสียงตีม้าล่อดังแผ่งๆๆๆ อยู่สักพัก ก็มีดนตรีประกอบ
มีปี่ ซออู้ พิณรับ ท่าทางงิ้วชอบทำท่าชี้นิ้วสองนิ้ว คงจะเป็นทำนองวิทยายุทธ์ หรือเลียะพะ หรือจะเป็นมวยจีนก็ไม่ทราบ มีสู้ด้วยทวน ที่ตลกคือมีการเคาะพุงกันด้วย เผลอๆ ก็ร้องดังไอ๊ย่า
สำหรับไอ้ตัวหนวดยาวเวลาครุ่นคิดก็ต้องมีการลูบหนวดด้วย ผู้ชายรู้สึกจะใส่หน้ากากบางส่วน บางคนก็บอกว่าไม่ได้ใส่ เป็นการแต่งหน้าผู้หญิงไม่ได้ใส่แต่ใช้วิธีแสดงความรู้สึกด้วยการกลอกตาไปมา
การร้องงิ้วต้องมีการลากเสียงจนคุณเฉินซึ่งไม่ชอบงิ้วบอกว่ารำคาญ ฟังไม่รู้เรื่อง คุณหลี่เม่าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
เรื่องที่สองเป็นเรื่อง ไป๋เฉ่าซาน หรือภูเขาหญ้าร้อยชนิด เรื่องนี้มาจากงิ้วเรื่อง “พญาปราบนกปีศาจ” เรื่องมีอยู่ว่า ไป๋เฉ่าซาน เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าไม้และสมันไพร
มีน้ำห้วยน้ำซับมาก ทำให้ผืนดินชุ่มชื้น วันดีคืนดีก็มีฝูงปีศาจเข้ามาสิงสู่ทำให้พื้นที่กลับแห้งแล้ง นำความพินาศมาสู่หมู่บ้านทั้งหลายในแถบใกล้เคียง เจ้าแม่ กวนอิม ได้ส่งเทวดามาปราบปีศาจได้สำเร็จ
เขาจัดฉากน่าดู ฉากที่ฝนตกหิมะตก เขาใช้ไฟส่องผ่านกระดาษซึ่งเจาะเป็นรู แล้วหมุนให้แสงออกตามรู และใช้วิธีฉายสไลด์ประกอบด้วย
(น.326) รูป 152 ปักธูปหลบังจากสวดมนต์วันวิสาขะที่คุนหมิง
(น.327) จำไม่ได้ทั้งหมดแล้วว่าเขาเล่นอย่างไรบ้างในรายละเอียด เพราะว่าต้องรอให้คนอธิบายก่อนจึงจะปะติดปะต่อเรื่องได้ จำได้ว่ามีผี 12 ตัวแสดงฤทธิ์ มีนก
ซึ่งเป็นฝ่ายคนดีมาปราบผี เมฆเขาใช้คนแต่งตัวชุดเหลืองๆ ถือเมฆ ผีที่มาก่อกวนเจาะถังน้ำให้น้ำรั่วออก เมื่อผีอาละวาดหนักๆ เข้า เจ้าแม่กวนอิมโผล่ออกมา
ตอนแรกคิดว่าเขาชักรอกลงมา ดูอีกทีเขาทำเป็นรถเข็นสูงๆ ตัวกวนอิมยืนบนดอกบัวที่ผุดขึ้นมาเหนือเมฆ กวนอิมจะออกมาเล่าเรื่องราวเก่าๆ ว่าเดิมภูเขาเคยอุดมสมบูรณ์
แล้วเกิดเหตุอะไรขึ้น ให้ลูกน้องไปจัดการ ลูกน้องร้องว้าก แล้วไปจัดกำลังพล เรียกนกยูงปลอมมาเป็นตัวประหลาด เวลารบปล่อยควันเป็นเมฆ นกชนิดต่างๆ ยกทัพออกมา
มีการปล่อยควันเป็นเมฆ เขาปิดม่านแล้วเปิดม่านใหม่เป็นฉากที่ 2 ฝ่ายสู้รบกัน หัวหน้าผีเป็นผู้หญิง มีรูปหมาจิ้งจอกอยู่ข้างบน ตอนแรกๆ รู้สึกว่าผีจะได้เปรียบ
คนดีถูกผีรุม (คนดี 1 คน ผี 2) แต่ดูตามที่แสดงคนดีรู้สึกว่าจะเก่งกว่า มีการทำท่ากายกรรมเก่งมาก ตอนจะจบคนดีจะเอาไฟเผาผี และผนึกกำลังกันแล้วให้เด็กแดง (หงไห)
สู้กับผี อาวุธที่ใช้เขาบอกว่าทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้เบาๆ คแสดงลอดห่วงไฟไปมาได้เหมือนแมวน้ำในละครสัตว์ ตอนจบคนดีชนะไปตามระเบียบ แผ่นดินก็อุดมสมบูรณ์ตามเดิม
เมื่อการแสดงจบแล้ว เขาให้ข้าพเจ้าขึ้นไปมอบดอกไม้แก่คณะงิ้วขอบใจผู้แสดง ถ่ายรูปร่วมกัน เป็นอันจบกลับบ้าน คืนนี้เรานอน
(น.328) เมืองจีนเป็นคืนสุดท้าย ฉะนั้นจึงมีการมอบทรัพย์สมบัติ (มีหนังสือ เป็นต้น) แก่ท่านทูต ของต่างๆ ที่เตรียมไว้ มีกำไลย่านลิเภา ซึ่งได้แจกจ่ายกันไปเมื่อตอนที่อยู่ป่าหิน
ลืมเล่าไปอีกอย่างหนึ่งคือ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันวิสาขบูชาเราคิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่แรกคิดว่าจะเวียนเทียนเพราะว่าสองปีมานี้เราไม่ได้ไปเวียนเทียนวันวิสาขะเลย
ปีที่แล้วก็อยู่ฝรั่งเศส ลืมเรื่องวิสาขะไป คิดอีกทีเห็นว่ามันเอิกเกริกเกินไป จึงเพียงแต่จุดธูปบูชา คุณหวังถามว่าทำอะไรกัน เราเลยเล่าให้ฟัง คุณหวังบอกว่าไม่ทันทราบล่วงหน้า ไม่อย่างนั้จะนิมนต์พระมาให้ด้วย
เมื่อแจกมรดกเสร็จแล้ว ต่อด้วยรายการขอลายเซ็น ข้าพเจ้าของให้คุณฟ่าน คุณเฉิน คุณหวัง พี่อู๋ เซ็น จนกระทั่งฝ่ายไทยคือ ท่านทูต คุณหญิง และอาจารย์สารสิน
ครั้นเสร็จธุระแล้ว ข้าพเจ้าก็ขึ้นห้องไปเก็บของพลางเล่างิ้วให้พวกป้าๆ ฟัง ต่อจากที่อาจารย์สารสินเล่า เรื่องงิ้วนี่ดูกันหลายคนเล่าออกมาไม่เหมือนกันสักคนเดียว หมอดนัยเล่าเก่งที่สุด มีเรื่องเทวดา (หรือปีศาจก็ไม่ทราบจำไม่ได้แล้ว) แมลงสาบ
ขนาดดึกแล้วนี่คนรับใช้เขาตื่นเต้นมาก เอาหนังสือพิมพ์ คุนหมิงรือเป้า ที่มีรูปข้าพเจ้ามาให้ดู ข้าพเจ้าเลยเก็บกลับเมืองไทยด้วย
(น.329) รูป 153 นักข่าวสัมภาษณ์
(น.329) คืนนี้หมาไม่เห่าออกจะวิตกกลัวว่าจะลงหม้อไปแล้ว ตอนเช้าตอนรถผ่านกรงหมาต้องชะโงกดูเห็นยังยืนบ้างนั่งบ้าง กระดิกหางอย่างอารมณ์ดีก็ค่อยเบาใจ
ลืมเล่าไปอีกอย่าง (หมู่นี้ลืมบ่อย) เมื่อกลับจากงิ้วแล้ว มีนักข่าวจากสำนักข่าว ซินหัว มาสัมภาษณ์ เขามากันสองคนคนหนึ่งคือคนอ้วนๆ ที่ไปป่าหินกับเรา
อีกคนหนึ่งตัวผอมๆ พูดภาษอังกฤษได้ ตกลงให้คนอ้วนสัมภาษณ์ โดยมีคุณเฉินเป็นล่าม คำถามส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เพราะคุณป้าที่สัมภาษณ์จบมาทางประวัติศาสตร์