<< Back
ย่ำแดนมังกร ความนำ
จากน้ำพริกปลาทูสู่เป็ดปักกิ่ง
(น.2) รูป
(น.3) สำหรับพวกเราประเทศจีนค่อนข้างจะห่างไกลและค่อนข้างจะลึกลับ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เราอยากรู้อยากเห็น
คงจะเนื่องมาจากที่จีนปิดประเทศ และหลังจากนั้นก็มิได้มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยมาช้านาน ดังนั้นหนังสือ
สามก๊ก เลียดก๊ก ฯลฯ ที่ผู้ใหญ่อ่านออกเสียงเมื่อสมัยเด็กๆกับหนังจำพวกกระบี่ไร้เทียมทาน ศึกสายเลือด ก็ไม่ได้ช่วยให้เราสร้างภาพเกี่ยวกับเมืองจีนได้
เมื่อนายกรัฐมนตรี จ้าวจื่อหยาง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าพเจ้ากับน้องไปเยือนจีน
(น.3) รูป 1 ในเครื่องบินถ่ายกับพนักงาน
(น.4) รูป 2 ของที่ระลึกจากการบินไทย
(น.4) จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ทราบถึงความเป็นไปส่วนหนึ่งของประเทศจีน เป็นที่น่าเสียดายว่าก่อนจะถึงกำหนดไปประเทศจีนเพียงวันเดียวน้องเล็กเกิดป่วยกระทันหัน ตกลงข้าพเจ้าจึงต้องไปคนเดียว พร้อมด้วยคณะที่เหลือ
เราออกจากกรุงเทพฯไปฮ่องกง ด้วยเครื่องบินไทย “ศรีเมือง” เที่ยวสุดท้ายของวัน เป็นเวลามืดค่ำแล้วจึงหมดสิทธิ์ที่จะเห็นทิวทัศน์ต่างๆ จากเครื่องบิน ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในขณะนี้ก็คือ
(น.5) รูป 3 คุณบัญชา ล่ำซำ ให้ดอกไม้
(น.5) การรับประทาน ทางเครื่องบินก็จัดอาหารอร่อยๆ ไว้เลี้ยงหลายอย่าง เช่นผัดกะเพรา ยำเนื้อ ของหวานก็มีทาร์ตมะม่วง ในเครื่องบินเขาแจกกระดาษเขียนจดหมาย
ต่างคนต่างก็เขียนจดหมายถึงใครต่อใครกัน ข้าพเจ้าก็เขียนถึงน้องเล็ก คิดว่าเมื่อถึงฮ่องกงคงจะส่งได้ หลังจากอาหารได้คุยกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ
ประจำประเทศไทยซึ่งเผอิญมีราชการด่วนที่สหรัฐฯ และได้โดยสารเครื่องบินลำเดียวกันมา
(น.6) รูป 4 รถยนต์ออกจากสนามบินไขตั๊ก-ฮ่องกง
(น.6) เครื่องบินถึงสนามบิน “ไขตั๊ก” ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งตามเวลาประเทศไทย สนามบินนี้อยู่ฝั่ง เกาลูน (แผ่นดินใหญ่) มองลงไปไม่เห็นอะไรนอกจากป้ายโฆษณาสินค้าต่างๆ
ซึ่งติดไฟสีๆ มองดูสวยดีเหมือนกัน ขณะที่ถึงฝนตกเล็กน้อย ทุกๆ คนก็หยิบเสื้อฝนออกมาเตรียมเอาไว้ แต่ก็ไม่ต้องใช้เพราะเครื่องบินเราจอดตรง “งวง” พอดี กงสุลใหญ่ คุณกำธร จิตต์คงไทย
ขึ้นมารับบนเครื่องบินเมื่อลงจากเครื่องบินลงไปตาม “งวง” มีนายสตีเฟน คอร์ริก องครักษ์ของผู้สำเร็จราชการอังกฤษมาคอยรับและนั่งไปด้วยในรถ นายคอร์ริก อยู่ในฮ่องกงมาสิบปีกว่าแล้ว
(น.7) ข้าพเจ้าขึ้นรถกับ ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ กับองครักษ์ ส่วนคนอื่นๆ มีรถตามเป็น minibus ตามทีหลัง ระยะระหว่างทางมองไปทางเกาะฮ่องกง เห็นเงาตึกสูงๆ และป้ายโฆษณา
เมื่อถึง Peninsula Hotel ที่เราจะพักอยู่กัน โฮเต็ลนี้ค่อนข้างจะมีอายุเก่าแก่คือประมาณ 50 กว่าปีมาแล้ว มีผู้จัดการโฮเต็ลรอรับอยู่พร้อมทั้งข้าราชการสถานกงสุลและคนไทยหลายคน
คุณบัญชา ล่ำซำ ช่วยมาอำนวยความสะดวกล่วงหน้ารวมทั้งจัดการสั่งอาหารไว้คอยท่าด้วย ขบวนตามหลังของเรายังไม่มา แล้วยังอิ่มอยู่ อาหารที่จัดเตรียมเอาไว้จึงให้รอไว้เป็นอาหารรอบดึก
หันไปอีกที แอ๋ว กับ อารยา ซึ่งมีความสามารถกระโดดขึ้นรถมาได้อย่างหน้าเฉยตาเฉย ระหว่างนั้นเราก็เขียนจดหมายถึงน้องเล็ก เพื่อฝากเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ จนพรรคพวกมากันพร้อมหน้าแล้ว
ข้าพเจ้าจึงชวน ท่านผู้หญิงสุประภาดา และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ รับประทานเป็ดปักกิ่งด้วยกัน ตอนนี้พยายามส่งภาษาจีนก็ไม่สำเร็จ เพราะภาษาจีนกลางที่เรียนเอาไว้นั้นคนละอย่างกับภาษาจีนกวางตุ้งที่นี่
พออิ่มเป็ดแล้วจะเลิกรับประทานเสียที บ๋อยก็คะยั้นคะยอให้รับประทาน หวั่นทั้น หรือ เกี๊ยว เราเลยต้องฉลองศรัทธาเขาไปคนละนิดคนละหน่อย หลังอาหารรอบดึกข้าพเจ้าคุยกับอาจารย์สารสินและคุณภุชชงค์
ถึงเรื่องต่างๆ ที่จะไปที่จีน รวมทั้ง Speech ที่จะต้องพูดในงานเลี้ยงต่างๆ ที่อาจารย์ร่างเอาไว้ให้ จะแก้ไขอย่างไรก็ต้องรีบๆ เข้าเพราะทางจีนเขาอยากได้ไปล่วงหน้า คุยกันเพลินไปจนชักง่วงเราเลยแยกย้ายกันไปนอน