Please wait...
<

<< Back

" หวงเหออู่อารยธรรม วันอังคารที่ 14 มีนาคม 2543 "

(น.160)


รูป 122 รองนายกเทศมนตรี นครลั่วหยังให้ภาพดอกโบตั๋นเป็นของขวัญ
The Deputy Mayor of Luoyang gave me a painting of peonies.

(น.160) ไปที่โรงแรมโบตั๋น (Peony) รับประทานอาหารกลางวัน รองนายกเทศมนตรีนครลั่วหยังเป็นเจ้าภาพ โฆษณาเหล้าตู้คังว่าคนที่ทำเหล้าชนิดนี้เป็นคนแรกชื่อ ตู้คัง เป็นคนอำเภอไป๋สุ่ย น้ำแถวนี้ดีมาก คนที่กินแล้วอายุยืนไม่เป็นมะเร็ง เสริมมิตรภาพ และมีความรัก เขาอวดความเก่าแก่ของลั่วหยังว่า ถ้าอยากดูความเปลี่ยนแปลงใน 50 ปี ให้ไปเซินเจิ้น 200 ปีให้ไปเซี่ยงไฮ้ 3,000 ปีให้ไปซีอาน แต่ถ้าจะดูต้นตอวัฒนธรรม ต้องดูลั่วหยัง สิ่งประดิษฐ์จีนสำคัญๆ เขาก็ว่ามาจากลั่วหยัง เช่น เครื่องวัดแผ่นดินไหว เข็มทิศ กระดาษ และดินระเบิด

(น.161) ขณะนี้กำลังเดินเรื่องขอให้ UNESCO ประกาศถ้ำหลงเหมินเป็นมรดกทางวัฒนธรรม คิดว่าจะสำเร็จ ฉันถามว่าเป็นแล้วดีอย่างไร นายกเทศมนตรีบอกว่า
1. เมื่อเกิดสงครามแล้ว ที่นี่จะอยู่ในเป้าโจมตีไม่ได้
2. รับความช่วยเหลือระหว่างประเทศได้ จะมีผู้ช่วยเหลือด้านการอนุรักษ์
3. เป็นเกียรติ เผยแพร่ชื่อเสียงและวัฒนธรรมของชาติ
พวกที่มาลงทุนมากที่สุดคือ พวกที่มาจากฮ่องกง นั่งรถออกจากโรงแรมไป เดินทางขึ้นภูเขา จะไปสำนักวัดเซ่าหลิน มีนาขั้นบันได เริ่มปลูกข้าวสาลี มีต้นท้อ ต้นสาลี่ ภูเขานี่ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นหน้าร้อนภูเขาคงจะเขียวสวยงาม ใกล้ๆ มีร้านขายกระบี่ขนาดต่างๆ เมื่อไปถึงมีนายกเทศมนตรีเติงเฟิงมาต้อนรับ (ขึ้นกับนครเจิ้งโจว) ไกด์ที่มาอธิบายเป็นผู้ชาย บอกว่าจะแบ่งการชมเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกดูป่าเจดีย์ราว 15 นาที คือตรงนี้ (ค่อนข้างหนาว ปากกาเขียนไม่ออก) วัดเซ่าหลิน 45 นาที และการแสดง 20 นาที

(น.161)


รูป 123 ป่าเจดีย์ที่วัดเซ่าหลิน
Forest of stupas at Shaolin Temple.

(น.162)


รูป 124 หน้าวัดเซ่าหลิน
In front of the Shaolin Temple.

(น.163)


รูป 125 ป่าเจดีย์
Forest of stupas.

(น.163) ขณะนี้ในสวนเจดีย์มีเจดีย์ 244 องค์ เก่าที่สุดสมัยราชวงศ์ถัง มีเจดีย์ใหม่ 2 องค์ เขาว่ากันว่าสมัยราชวงศ์ชิงมีกว่า 500 องค์ มีเรื่องว่า จักรพรรดิเฉียนหลงต้องพระประสงค์ทรงทราบจำนวนเจดีย์ ก็ไม่มีใครนับถ้วน เลยให้กองทัพมีทหาร 500 นาย ไปกอดเจดีย์คนละองค์ ก็ยังนับไม่ได้ มีสุสานของพระวัดนี้ สานุศิษย์เป็นผู้นำมาฝังไว้ เจดีย์จะใหญ่เล็กขึ้นกับความดีของพระรูปนั้น ถ้าดีมีคนขึ้นมากเจดีย์ก็ใหญ่ ในราชวงศ์หมิงมีโจรสลัดญี่ปุ่นมาปล้นแถวตะวันออกเฉียงใต้ของจีน พระเซียวซานจากเซ่าหลินสามารถปราบโจรสลัดได้ เจดีย์ของท่านจึงใหญ่ ตอนหลังนี้ไม่ให้ฝังพระอีกแล้วเพราะจะแน่นเกินไป นอกจากพระที่ทำคุณงามความดีจริงๆ มีพระ 2 รูปชื่อ ซือสิงเจิงและซือเต๋อฉาน มีคุณงามความดีมาก คือ ช่วยไม่ให้พวกเรดการ์ดทำลายวัด

(น.164) สมัยราชวงศ์หยวนมีการรบกันบ่อย มีพระรูปหนึ่งชื่อ ฟู่หยวน ช่วยให้สังคมสงบสุข จักรพรรดิจึงตั้งเป็นจิ้วกว๋อกง เจดีย์ที่มีรูสำหรับบรรจุอัฐิของพระทั่วๆ ไปไม่ได้ดีเด่นอะไร เมื่อเผาแล้วเอากระดูกมาไว้รวมๆ กัน เจดีย์เก่าที่สุดสมัยราชวงศ์ถัง ค.ศ. 791 มีเจดีย์ที่พิเศษน่าศึกษาหลายแห่ง เช่น ศิลาจารึกที่พระญี่ปุ่นชื่อพระเซ่าหยวนเป็นผู้เขียน ในสมัยราชวงศ์หยวน พระเซ่าหยวนมาเรียนนิกายฉานที่นี่ (คำว่าฉาน มาจากคำ ธยาน ในภาษาสันสกฤต ตรงกับคำว่า ฌาน ในภาษาบาลี ญี่ปุ่นออกเสียงว่า เซ็น) จึงสร้างเจดีย์ถวายพระอาจารย์ชื่อพระจวีอาน มีเจดีย์ที่มีลายปากั้ว ซึ่งเป็นเครื่องหมายลัทธิเต๋า ตอนเดินออกมาจากบริเวณป่าเจดีย์ เห็นภูเขาซึ่งมีชื่อว่า ไท่ซื่อซานและเซ่าซื่อซาน เขาว่าเป็นภรรยาหลวงและน้อยของกษัตริย์อวี่ตามลำดับ ถ่ายรูปหน้าป้ายเซ่าหลิน ว่าเป็นลายพระหัตถ์จักรพรรดิคังซี มีพระที่เป็นปฏิคมมาต้อนรับ บอกว่าเจ้าอาวาสมารับไม่ได้เพราะเป็น ส.ส. ต้องไปประชุมสภา เข้าไปมีพระไมเตรยะ (พระศรีอาริย์) มีเรื่องที่เล่าว่าถ้าคนดีเดินเข้ามาก็จะยิ้มให้ แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีจะจับใส่กระสอบ ทั้งคณะของฉันคงจะเป็นคนดี เพราะไม่มีใครหายไปอยู่ในกระสอบ ในเขตลานวัดมีศิลาจารึกมาก จึงเรียกว่า ป่าจารึก เป็นการบันทึกว่ามีจักรพรรดิเสด็จมา มีการซ่อมแซม เรื่องราวในพุทธศาสนาหรือคัมภีร์ เรื่องพระวัดเซ่าหลินช่วยกู้ชาติบ้านเมือง หลังจากที่สร้างหนังเรื่องวัดเซ่าหลินแล้ววัดมีชื่อเสียงขึ้นมา มีคนที่เล่นกังฟูอยู่นอกประเทศมาขอตั้งป้าย มีคนไทยส่งเงินมาให้สร้างป้ายตอนที่ฉลอง 1,500 ปีของวัดใน ค.ศ. 1995 (วัดเซ่าหลินสร้าง ค.ศ. 495)

(น.165)


รูป 126 พระวัดเซ่าหลินต้อนรับ
Greeted by the Shaolin monks.

(น.165) จักรพรรดิถังไท่จง (หลี่ซื่อหมิน) ทรงจารึกไว้ว่าตอนที่ยังเป็นอ๋องถูกจับไป พระเซ่าหลิน 13 รูปช่วยไว้ได้ จึงเขียนขอบคุณท่านทั้ง 13 ไว้ อีกป้ายหนึ่งเขียนเป็นอักษรโบราณ รำลึกถึงพระเซียวซาน (ที่ต่อต้านโจรสลัด) ด้านหลังเป็นรูปกลมๆ มีภาพพระอยู่ด้านใน ไกด์บอกว่าเป็นคำเฉลยคำถามที่ตั้งเอาไว้ตอนที่ดูป่าเจดีย์ ที่นี่พุทธศาสนา ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื่อ (เรียกว่า หรูเจี้ยว คำว่า หรู หมายถึง ปัญญา หรือขุนนางข้าราชการ ในที่นี้อาจจะหมายถึงลัทธิขงจื่อเพราะเกี่ยวกับการปกครอง) ไกด์อธิบายว่าลัทธิขงจื่อเป็นเครื่องช่วยให้คนสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง กำหนดความสัมพันธ์ไว้ 5 ประการดังนี้
1. จักรพรรดิมีคุณธรรม เมตตาธรรม ส่วนขุนนางมีความจงรักภักดี
2. บิดาเมตตาบุตร บุตรกตัญญู
3. สามีว่าอะไร ภรรยาว่าตาม
(น.166)


รูป 127 บริเวณที่เก็บศิลาจารึก
Inscriptions are kept around this area.

(น.166)

4. พี่มีน้ำใจไมตรี น้องมีความเคารพนบนอบ
5. เพื่อนต้องมีสัจจะต่อกัน
เรื่องการเมืองการปกครองนี้ อ่านคัมภีร์หลุนอวี่ครึ่งเล่มก็ปกครองได้ ลัทธิเต๋า ศึกษามนุษย์กับธรรมชาติ (โลกของเรา) ปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดจากธาตุทั้ง 5 และอินหยัง มีเต๋า ก็คือ มีพลังอำนาจ เห็นฟ้าได้ ไม่ตาย อายุยืน พุทธ (ไกด์บอกว่าไม่อยากเล่าเดี๋ยวจะเหมือนเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน) ในความคิดของเขาเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ ได้แก่ การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก่อกรรมก็ต้องตกนรก มีเหตุมีผล ที่เขาได้มาต้อนรับฉันในวันนี้ก็หมายถึงได้ทำบุญมาก่อน

(น.167) ตอนแรก 3 สำนักขัดแย้งกัน ต่อมาสำนึกว่าต้องอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืนผสมผสานกัน ต่างรู้สึกว่า วิชา โลกทัศน์ และค่านิยมของคนก็มาจากความเชื่อทั้งสามนี้ รูปเดียวกัน มองตรงเป็นพระศากยมุนี มองซ้ายเป็นขงจื่อ มองขวาเป็นเหลาจื่อ (ขงจื่อและเต๋าเป็นลัทธิของจีน พุทธเป็นความเชื่อจากอินเดีย มีหลักของการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งไม่ได้มีปรากฏในสองความคิดแรก แต่ก็มากลมกลืนและมีอิทธิพลกับสังคมจีนมาก ประพจน์คิดว่าอย่างไร) ในวิหารใหญ่ต้าสยงมีพระพุทธรูป 3 องค์ เป็นพระพุทธเจ้าในอดีต (พระอมิตาภพุทธเจ้า) พระปัจจุบัน (พระศากยมุนี) และพระในอนาคต (คือพระไมเตรยะ) ที่ลานวัดมีหม้อใบโตสมัยราชวงศ์หมิง สำหรับผัดผักเลี้ยงพระในวัด

(น.167)


รูป 128 หม้อสำหรับทำอาหารเลี้ยงพระในสมัยโบราณ
A cauldron used for cooking meals for monks in ancient time.

(น.168) มีหอคัมภีร์ (หอไตร) กุฏิเจ้าอาวาส มีหอยืนกลางหิมะ (ลี่เสวี่ย Li Xue Pavilion) ซึ่งไกด์เล่าเรื่องยาว เท็จจริงอยู่ที่คนเล่า คนแปล และคนจด (ฉันจดเอง) เรื่องมีอยู่ว่าวัดนี้สร้างใน ค.ศ. 495 สมัยราชวงศ์เหนือใต้ มีพระอินเดียมาแพร่ศาสนา ก่อนหน้านี้พุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในจีนอยู่ก่อนแล้ว จักรพรรดิเลื่อมใสพุทธศาสนา จึงทรงบัญชาให้หาภูเขาทั่วประเทศเพื่อสร้างวัดและนิมนต์ให้พระอินเดียมาจำพรรษา ที่บริเวณนี้พระเซ่าซือตั้งวัดกลางป่า จึงเรียกว่าเซ่าหลิน เนื่องจากมีพุทธศาสนามหายานตั้งอยู่แล้ว พระที่มาใหม่เป็นพระในพุทธศาสนาหินยานจึงไม่พอใจที่จะอยู่ที่นี่ จนถึง ค.ศ. 527 จึงมีพระโพธิธรรมหรือที่จีนเรียกว่า พระต๋าหมอ (ตั๊กม้อ) มาวัดนี้ พระโพธิธรรมจาริกมาจีนทางเรือ มาขึ้นฝั่งที่เมืองก่วงโจว (กวางตุ้ง) เมื่อประมาณ ค.ศ. 520 อยู่ที่นี่ 6-7 ปี แล้วค่อยขึ้นเหนือ พระจีนที่วัดนี้มีความยินดีเชื้อเชิญให้อยู่ที่นี่ อยู่มาวันหนึ่งหิมะตกหนัก พระโพธิธรรมเดินอยู่เห็นพระรูปหนึ่งยืนอยู่กลางหิมะ พระโพธิธรรมถามว่าทำไมยืนอยู่กลางหิมะเช่นนั้น พระรูปนั้นตอบว่า อยากศึกษาพุทธธรรมที่แท้จริง ขณะนั้นพระโพธิธรรมกำลังหาทายาททางธรรมอยู่ ไม่ทราบว่าท่านมีความตั้งใจอย่างไรที่พูดว่า ถ้าจะได้ธรรมะแท้จริงต้องเป็นสีแดง พระรูปนั้นชักดาบฟันแขนตนเอง เลือดไหลลงหิมะเป็นสีแดง พระโพธิธรรมจึงเลือกพระฮุ่ยเข่อรูปนี้เป็นทายาท เป็นอาจารย์รุ่นที่สอง ฉันเคยได้ยินเรื่องพระฮุ่ยเข่อตัดแขน หนังสือบางเล่มว่าโจรมาทำร้าย เรื่องนี้ฉันยังงงๆ อยู่เลยว่ามันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวตรงไหน ข้างในมีรูปปั้นปฐมาจารย์ (จู่ซือ หรือโจ้วซือในภาษาจีนแต้จิ๋ว) นิกายฉานจง มีรูปพระโพธิธรรมอยู่ตรงกลาง ทำให้ดูเป็นคนอินเดีย มีผมมีหนวดเครา พระฮุ่ยเข่อแขนเดียว พระเซิงชั่น พระเต้าซิ่น และพระหงเหริ่น

(น.169) มีอาคารอีกแห่งหนึ่งพื้นมีรู มีเรื่องเล่าว่าพวกพระมาฝึกมวยและกำลังภายในอยู่ในอาคารหลังนี้กระทืบเท้าจนพื้นเป็นรู ฝาผนังเป็นรูปพระอรหันต์ 500 ว่าเป็นฝีมือชาวนาแถวๆ นั้น เขียนได้มีชีวิตชีวาดีแต่ไม่ชัดเจนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร เจ้าอาวาสก็ไปต่อว่าชาวนาที่เขียน ชาวนาบอกอย่างโกรธว่าอีก 3 วันให้ไปดูใหม่ ปรากฏว่ามีหน้าตาดูชัดเจนดี ผู้บรรยายบอกว่าไม่ทราบว่าสีที่เขียนรูปนี้ทำด้วยอะไร รูปจะเปลี่ยนแปลงทุกๆ 60 ปี ที่ดูไม่ชัดก็จะชัดขึ้นมา ฉะนั้นอีก 60 ปีให้ฉันมาดูอีก ไปที่โรงเรียนสอนมวยเซ่าหลิน ที่จริงแถวๆ นี้ฉันเห็นมีป้ายบอกไว้ว่าเป็นโรงเรียนสอนมวยอยู่หลายแห่ง ที่นี่อาจจะดีที่สุด เข้าไปมีโรงละคร พิธีกรบรรยายว่าจะแสดงท่าต่างๆ ที่เป็นหลักในการฝึกมวยจีน แบบที่เล่นในหนังจีน พื้นก็ปูพรมเฉยๆ ไม่ต้องใช้เบาะแบบเล่นยูโด เริ่มต้นเป็นการอุ่นเครื่องก่อนแสดงจริง มีท่านกบิน ท่าทางเหมือนลิงตีลังกา (ในโขน) เขาว่าโดยปกติพระต้องสวดมนต์ อ่านคัมภีร์ เมื่ออ่อนเพลียต้องฝึกกังฟู ถือไม้ ถือหอก เด็กอายุ 12 ปีแสดงดาบไล่ลมพระจันทร์

(น.169)


รูป 129 การแสดงมวยเซ่าหลิน
Performance of the Shaolin martial arts.

Next >>