<< Back
" หวงเหออู่อารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2543 "
(น.235) จดหมายฉบับที่ 13
(น.236)
รูป 175 ไปวัดเสวียนคง (วัดแขวน)
Going to Xuan kong Temple (the Suspending Temple).
(น.236) โรงแรมหยุนกั่ง นครต้าถง มณฑลซานซี
วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2543
Qin ai de ประพจน์
รับประทานข้าวเช้าตอนโมงเช้า แล้วออกเดินทางไป นั่งรถชั่วโมงกว่าไปที่วัดเสวียนคง (วัดแขวน – Suspending Temple) เมื่อไปถึงต้องเดินจากรถข้ามสะพานแขวนข้ามห้วย ระหว่างทางมีคนตั้งโต๊ะขายของที่ระลึกตลอดทาง มีของประหลาดๆ จะซื้อก็ไม่มีเวลา
(น.237)
รูป 176 วัดเสวียนคงเหมือนกับแขวนอยู่บนหน้าผา
The temple looks like it is hanging on the cliff.
(น.237) มีคนเล่าว่าก่อนหน้าที่ฉันจะมานี้ มีหิมะตกหนัก เขาต้องเกณฑ์คนมากวาดหิมะกันเป็นการใหญ่ ไกด์อธิบายว่า วัดเสวียนคงสร้างติดกับหน้าผาในหุบเขาจินหลงของยอดเขาชุ่ยผิงซานในเทือกเขาเหิงซาน เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ 18 แห่งที่สวยงาม
วัดนี้สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์เป่ยเว่ยตอนปลาย อายุกว่า 1,400 ปีแล้ว เทคนิคการก่อสร้างวัดนี้แปลกกว่าที่อื่นคือ ใช้ไม้เสียบเข้าไปในหน้าผาประมาณ 2 ใน 3 ส่วน
เพื่อเป็นรากฐานของการก่อสร้างและเป็นที่ยึดของตัวอาคาร กล่าวกันว่าทำให้วัดนี้ดูเสมือนแขวนไว้ด้วยหางม้าสามเส้น มีเสาค้ำ 100 กว่าเสา และไม้เสาเหล่านี้โยกได้ เนื้อที่อาคารประมาณ 1,000 ตารางเมตร แต่ใช้ที่ค้ำยันราว 90 ตารางเมตรเท่านั้น
(น.238) วัดอยู่ในทำเลที่เหมาะสมมาก มีภูเขากั้นทางลมและมีหน้าผากั้นฝน พายุ และหิมะ ทำให้สภาพของวัดยังสมบูรณ์อยู่มาก
บางคนกล่าวว่าหน้าผาที่ตั้งของวัดนี้เหมือนหมอกที่ป้องกันวัดจากภัยธรรมชาติ ใน ค.ศ. 1989 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในนครต้าถง สถานที่ต่างๆ เสียหายมาก แต่วัดนี้ได้รับผลกระทบน้อย
เดิมวัดอยู่สูงจากพื้นดิน 90 เมตร แต่เกิดอุทกภัยหลายครั้ง ดินทับถมกันจนกระทั่งปัจจุบันนี้สูงกว่าพื้นดินเพียง 58 เมตรเท่านั้น ใน ค.ศ. 1958 รัฐบาลได้สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อรับน้ำจากยอดเขา หน้าวัดเป็นต้นน้ำแม่น้ำหุนเหอ
วัดนี้สร้างอาคารหันหน้าทางทิศตะวันตกซึ่งถือว่าเป็นพุทธภูมิ ส่วนประตูใหญ่เข้าวัดนั้นหันทางทิศใต้ ทั้งวัดมีห้องขนาดใหญ่ เล็ก และหอสูง 40 แห่ง (ดูด้วยตาไม่น่าถึง ไม่ทราบว่าเขานับอย่างไร)
อาคารแบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมี 3 ชั้น มีอาคาร ซานโฝเตี้ยน ซานเซิ่งเตี้ยน และซานกวนเตี้ยน อาคารเหล่านี้มีรูปเคารพทางพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และขงจื่อรวม ๆ กัน
ที่เหลือเวลานี้มีรูปเคารพทางพุทธศาสนา 11 แห่ง อาคารศาสนาเต๋า 6 แห่ง และอาคารซานเจี้ยว (รวมกันทั้ง 3 ศาสนา) แห่งหนึ่ง อาจจะเป็นเหตุนี้ที่มีผู้ซ่อมแซมวัดทุกยุคทุกสมัย
มีคนมีชื่อเสียงมาชม เช่น หลี่ไป๋ แต่ไม่กล้าเขียนบทกวีชม ตอนหลังมีคนอังกฤษมาชมว่าไม่แต่เป็นความภูมิใจของคนจีนเท่านั้นแต่เป็นของมนุษยชาติด้วย
เดินขึ้นไปที่ซานโฝเตี้ยน อาคารนี้มีพระศรีอริยเมตไตรยถือถุงผ้า เชื่อกันว่าหน้าของพระนี้ปั้นตามพระที่มีชีวิตจริง เป็นชาวเจ้อเจียงเกิดในสมัยนั้น
หลังคาของอาคารนี้เป็นโลหะ สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง
เดินต่อไปเป็นต้าสยงเป่าเตี้ยน (ทางเดินสูงมาก ฉันเองตอนเดินขึ้นก็รู้สึกหวาดเสียวเหมือนกัน แต่ไกด์บอกว่า ใน ค.ศ. 1996 สมเด็จป้าเสด็จมาขึ้นได้ถึงชั้นบนสุด) มีรูปพระอมิตาภะ พระไวโรจนะและพระศากยมุนี
การหล่อรูปพวกนี้ใช้เทคนิคปั้นดินแล้วถอดแบบ ข้างๆ มีรูปเว่ยถัว ไกด์ว่าเป็นเทพารักษ์ มักสร้างไว้ตรงข้ามกับวิหารใหญ่ ว่ามีหน้าที่รักษาพระไตรปิฎก
(น.239)
รูป 177 ขึ้นไปข้างบนมองลงมารู้สึกหวาดเสียว
Looking down makes me feel scary.
(น.239) อีกห้องมีรูปกวนอู สร้างสมัยราชวงศ์หมิง นอกจากกวนอู มีรูปโจวชังและกวนผิง (กวนผิงเป็นลูกชายกวนอู) กวนอูเป็นคนไฮ่โจว (อักษรตัวนี้เขียนแล้วทั่วไปเขาอ่านกันว่า เจี่ย แต่คนเมืองนี้อ่าน ไฮ่ และเชื่อกันว่ากวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งเงินตรา)
ห้องเล็กๆ อีกห้องเป็นที่ประดิษฐานเทพสูงสุดของเต๋า คือ ไท่อี้เจินเหริน (มหาเทพ) สองข้างมีเด็กรับใช้ คนหนึ่งเรียกว่า เย่าถง มีหน้าที่ต้มยา อีกคนหนึ่งเรียกว่า ซูถง มีหน้าที่รับใช้บุตรหลานผู้มีอันจะกินในเวลาเรียนหนังสือ เช่น ช่วยฝนหมึก หยิบหนังสือให้
(น.240)
รูป 178 เขาไม่อนุญาตให้คนขึ้นไปมากๆ พร้อมๆ กัน
Having several people on buildings at the same time is prohibited.
(น.241)
รูป 179 วัดแขวน
Suspending Temple.
(น.241) ศาลเจ้าฉุนหยัง (ฉุนหยังกง) เป็นที่บูชาเทพหนึ่งใน 8 เซียน (เต๋า) คือ ลวี่ต้งปิน คนแต้จิ๋วก็ว่าเป็นแต้จิ๋ว เรียกกันว่า หลือถ่งปิง คนซานซีว่าเป็นคนซานซี ในห้องตั้งรูปลวี่ต้งปิน และผู้รับใช้คือเยี่ยนถงและหลิ่วเซียน (เป็นเทพที่กลายร่างมาจากต้นหลิวเพราะสมาธิของเซียน)
ตำหนักซานเซิ่ง องค์กลางเป็นกวนอิม สองข้างเป็นพระมัญชุศรีกับสมันตภัทรโพธิสัตว์ มีพระ เช่น อู่ตี้ซือ เจียตี้ เซิงซือ อู่ไถ เอ๋อเหมย มีถ้ำนกกระเรียน
ตำหนักซานเจี้ยว จะมีพระพุทธเจ้า ขงจื่อ และเหลาจื่อ
(น.242)
รูป 180 พระพุทธรูปในถ้ำหยุนกั่ง
Buddha images in Yungang Caves.
(น.242) ห้องแกะสลักพระพุทธรูป คล้ายๆ ที่ถ้ำหยุนกั่งที่จะไปดูบ่ายนี้เป็นสมัยราชวงศ์เป่ยเว่ย มีพระเป้าเซิง หรือตาสว่างปางสมาธิ ยิ่งเซิงปางอะไรก็เรียกไม่ถูกเหมือนกัน กำมือสองข้าง
เหลยยินเตี้ยน แปลตามศัพท์ว่า ตำหนักเสียงฟ้าผ่า เพราะตามธรรมเนียมจีนถือว่า เมื่อเวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม จะบันลือสีหนาทดั่งเสียงฟ้าผ่า ในตำหนักมีรูปพระพุทธเจ้าศากยมุนี พระมัญชุศรี พระอานนท์ พระกาศยปะ หลู่โถว เหว่ยโถว พื้นน่ากลัวมาก ลื่น ฉันเลยจดไม่ค่อยถูก
(น.243) ถ้ำ เทวดาในลัทธิเต๋า แล้วเข้ามาที่ซานกวนเตี้ยน ตั้งเทวดาเต๋า มีเทวดาฟ้า (เทียนกวน นำสิริมงคล) เทวดาน้ำ (สุ่ยกวน ล้างความไม่ดีไป) ตี้กวน (เทวดาดิน ปลดปล่อยโทษ) และมีอะไรก็ไม่รู้อีก 6 องค์ (เดาว่าเป็นเหยาซุ่นอวี่ หรือจักรพรรดิโบราณ 3 องค์ อีก 3 องค์ไม่รู้) เพดานสลักลวดลายมังกรและดอกไม้ ห้องนี้สมัยราชวงศ์หมิง
ลงมาข้างล่างด้วยความโล่งใจ มีบทกวีโบราณชมวัดแขวน มีใจความว่า หยุดรถดู วัดดีๆ ทำไมเอาไว้เสียไกล วันก่อนไม่ได้ขึ้น
ไปเซ็นชื่อก่อนลา มีนกกระเรียนบินมาฝูงหนึ่ง เขาเลยเชื่อกันว่าฉันเป็นผู้มีบุญมาเยือน
นั่งรถกลับ มาถึงโรงแรมรับประทานอาหาร ตกลงเราซื้อเสื้อให้ประพจน์จนได้ แต่วันนี้เขาขายขึ้นราคาบอกว่าเมื่อวานขายผิด ฉันอุตส่าห์บอกคนขายว่าซื้อให้ลูกชาย เขายังไม่ลด คนอื่นฟังฉันพูดไม่เข้าใจ แต่ตู่อยู่ตรงนั้นหัวเราะใหญ่
ตอนบ่ายไปถ้ำหยุนกั่ง ไม่ไกลนักอยู่ตรงนั้นพอดี เข้าไปนั่งในห้องรับรอง หลี่จื้อกั๋ว อธิบดีกรมโบราณวัตถุอธิบาย มีใจความว่า
ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ 5,000 ปี มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ถึงพันหมื่นลี้ ดังนั้นจึงมีโบราณวัตถุและโบราณสถานมากมาย ที่มณฑลซานซีมีโบราณสถานสร้างมาตั้งแต่โบราณถึงราชวงศ์ชิง มีแหล่งโบราณสถานกว่า 18,000 แห่ง
เมืองต้าถงเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อมณฑลมาก เพราะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ได้อนุรักษ์โบราณสถานไว้มากมาย ซึ่งล้วนแต่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะ แหล่งโบราณคดีสำคัญหลายแห่ง ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นมรดกของประเทศ
(น.244)
รูป 181 พระพุทธรูปในถ้ำหยุนกั่ง
Buddha images in Yungang Caves.
(น.244) เมืองต้าถงมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ในประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งมีการต่อสู้ครั้งสำคัญของหลิวปังหรือจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ (ภาษาไทยใช้กันว่า ฮั่นโกโจ)
ซึ่งตอนนั้นประสบความลำบากมาก ต่อมากลางคริสต์ศตวรรษที่ 5 สมัยราวราชวงศ์เหนือใต้ ทางอีสานมีชนกลุ่มน้อย เช่น Narkuna พวกนี้เรียนวิชาการและเทคนิคการรบจากพวกจีนนั่นเอง
ใน ค.ศ. 386 ได้ตั้งเมืองหลวงที่มองโกลเลียใน คือ เมืองเฮ่อลิงเก้อร์ในปัจจุบัน ต่อมาย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองผิงเฉิงในราชวงศ์เป่ยเว่ยได้ใช้ที่นี่ปกครองดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือมา 150 ปี
เมืองผิงเฉิงสมัยนั้นก็คือเมืองต้าถงนี่เอง ต้าถงจึงเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือด้านการค้า การเมือง การคมนาคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ถ้ำหยุนกั่งสร้างสมัยราชวงศ์เป่ยเว่ย สร้างก่อนหลงเหมินที่ลั่วหยัง (ตุนหวง ค.ศ. 366 มีทั้งภาพสลักและภาพเขียน หยุนกั่ง ค.ศ. 460 หลงเหมิน ค.ศ. 494 สองถ้ำหลังนี้เป็นหินแกะสลัก)
วัดถ้ำที่มีหินแกะสลักสวยงามมีมากที่ซินเกียง กานซู่ เสฉวน รวม 500 กว่าแห่ง บริเวณวัดถ้ำหยุนกั่งกว้างมาก ผู้สร้างเจาะเข้าไปในภูเขา ให้วัดหันหน้าทางทิศใต้
ถ้ำที่ขุดเจาะเข้าไปเป็นแนวตะวันตก ตะวันออก มี 53 ถ้ำ มีพระพุทธรูปกว่า 51,000 กว่าองค์ ที่เก่าที่สุดคือ ที่สลักในสมัยราชวงศ์เป่ยเว่ย เป็นแบบอย่างของศิลปะจีนที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะคันธาระของอินเดีย
ต่อไปจะให้อิทธิพลต่อศิลปะสมัยราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง ถ้ำหยุนกั่งเป็นคลังวิเศษแห่งศิลปกรรม และเป็นหลักฐานของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนกับต่างประเทศด้วย
(น.245) หลังการปลดปล่อย รัฐบาลกลางให้ความสำคัญที่นี่และจัดงบประมาณซ่อมแซม อนุรักษ์ จัดองค์กรค้นคว้าวิจัย ใน ค.ศ. 1973 ได้ซ่อมครั้งใหญ่และท่านโจวเอินไหลพาผู้ใหญ่ของรัฐบาลต่างประเทศมา ใน ค.ศ. 1990-1996 ซ่อมอีกครั้งและอนุรักษ์ไม่ให้น้ำท่วม
รอบๆ ถ้ำหยุนกั่ง มีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น ถ่านหิน ผลิตได้ปีละกว่า 10 ล้านตัน ไม่ไกลจากหยุนกั่งมีทางหลวงสาย 109 เดินทางไปถึงเมืองลาซาได้ รัฐบาลคิดจะพัฒนาเส้นทางนี้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
เนื่องจากภัยธรรมชาติ ลมแรง พายุพัด หินทรายที่สลักพระพุทธรูปที่หยุนกั่งจึงเสียหายมาก นับเป็นภาระหนักยิ่งสำหรับผู้ดูแลรักษาแหล่งโบราณสถานแห่งนี้
ถ้ำที่ไปดู
(น.245)
รูป 182 นอกจากพระพุทธรูปสลักแล้วมีภาพเขียนบนฝาผนัง
Besides sculptures of Buddhas there are mural paintings.
Next >>