<< Back
มหาวิทยาลัยซัวเถา
จากหนังสือ
คืนถิ่นจีนใหญ่
คืนถิ่นจีนใหญ่ หน้า 30,31,32,33
(น.30) เราไปที่มหาวิทยาลัยซัวเถา อธิการบดีคือ ศาสตราจารย์จางเซียงหยู
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถือว่าค่อนข้างจะใหม่ ได้รับอนุมัติให้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1981 เปิดสอนใน ค.ศ. 1983 มีอาณาเขตประมาณตารางกิโลเมตรหนึ่ง
เป้าหมายของการเปิดมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือ การผลิตบุคคลากรเพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าและการขยายตัวของซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ในด้านเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาประเทศตามนโยบายสี่ทันสมัย เงินทุนในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนจากนายลีกาซิง นักธุรกิจชาวฮ่องกง เป็นเงิน 1,100 ล้านเหรียญฮ่องกง
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเปิดสอนในระดับปริญญาตรี 18 สาขา ประกาศนียบัตร 17 สาขา แบ่งเป็น 6 คณะวิชาคือ
1.คณะศิลปศาสตร์ แบ่งเป็นภาคภาษาและวรรณคดีจีน และภาควิชาภาษาและวรรณคดีต่างประเทศ
(น.30) รูป 22 ในห้องประชุม มหาวิทยาลัยซัวเถา
(น.31)
2. คณะวิทยาศาสตร์ แบ่งเป็น ภาควิชาคณิตศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ ภาควิชาเคมี ภาควิชาชีววิทยา
3. คณะวิศวกรรมศาสตร์ แบ่งเป็น ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ภาควิชาวิศวกรรมโครงสร้าง ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ภาควิชาวิศวกรรมออกแบบ
4.คณะนิติศาสตร์และธุรกิจ แบ่งเป็น ภาควิชากฎหมาย ภาควิชาเศรษฐศาสตร์
5.คณะแพทยศาสตร์ เป็นหลักสูตร 5 ปี
6.คณะการศึกษาผู้ใหญ่
นอกจากนี้ยังมีสถาบัน และศูนย์วิจัยอีก 15 แห่ง
มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 6,000 คน และเปิดอบรมบุคคลากรให้รัฐไปกว่า 1,000 คน ขณะนี้มีนักศึกษาประมาณ 5,000 คน และผู้เข้ารับการอบรม 626 คน มีนักเรียนจากต่างประเทศหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย สิงคโปร์ อเมริกา ออสเตรเลีย มาเลเซีย นอกจากนั้นยังมีที่มาจากฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน
การเรียนการสอนเน้นด้านวิทยาศาสตร์ ได้เชิญอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาสอน และส่งอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยไปศึกษาต่อ ฝึกอบรม และดูงานที่สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เบลเยี่ยม ออสเตรเลีย และฮ่องกง ให้ไปร่วมประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ ทำวิจัยร่วมกับนักวิชาการต่างประเทศ
ปรัชญาในการศึกษาคือ จะต้องยึดหลักจริยธรรม ส่งเสริม
(น.32) รูป 23 ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
(น.32) ปัญญา ส่งเสริมพลศึกษา ส่งเสริมการศึกษา ที่ประกอบทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ
อาคารสถานที่มีพอเพียง นอกจากอาคารเรียน ยังมีหอพักอาจารย์ หอพักนักศึกษา สระว่ายน้ำ สนามกีฬา หอประชุมใหญ่ ห้องสมุดที่มีหนังสือกว่าแสนเล่ม
ผู้นำประเทศที่มาเยือนมหาวิทยาลัยนี้มีหลายท่าน เช่น ท่านเติ้งเสี่ยวผิง ประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมิน นายกรัฐมนตรีหลี่เผิง
จากนั้นไปดูห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ เริ่มสร้างห้องปฏิบัติการตั้งแต่ ค.ศ. 1993 ย้ายมาอยู่ห้องปัจจุบันเมื่อ ค.ศ. 1995 ใน Lab นี้มีการศึกษา computer graphic, sonography, mathematic, morphology, internet, เครื่องอัดสัญญาณ artificial intelligence และ pattern recognition ศึกษาสาขาต่างๆที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ใน Lab เดียวกันนี้ เช่น ในด้านการแพทย์
ข้าพเจ้านำคอมพิวเตอร์มาด้วย แต่ไม่สามารถต่อ Internet ได้ ลองใช้ Speed ต่างๆ แล้วก็ไม่สำเร็จ ดูเหมือนจะเป็นที่สายโทรศัพท์ของโรงแรม ก็เลยปรึกษาขอให้ส่งคนมาช่วยดูให้ที่โรงแรม
ไปดูห้องสมุด ในห้องสมุดก็มีบริการ Internet ติดต่อกับสถาบันการศึกษาในประเทศอื่นๆ กำลังตั้งศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังมีงานวิจัยเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย
(น.33) ห้องสมุดชั้นล่างเป็นที่ยืมหนังสือและคืนหนังสือ ชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บ CD Rom ที่ทำการของสำนักงานต่างๆ ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ห้องหนังสือวิทยาศาสตร์ ห้องวารสาร มีวารสารถึง 6,000 ชื่อ เป็นภาษาจีน 3,200 ชื่อ วารสารภาษาต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ภาษารัสเซีย และภาษาญี่ปุ่น ชั้นที่ 3 มีห้องหนังสือทางอักษรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นๆ ชั้นที่ 4 มีหนังสือภาษาต่างประเทศ และห้องควบคุม
ลงมาชั้นล่างสุดอีก เขาให้ดูหนังสือจีนเขียนเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทย มีหนังสือประวัติศาสตร์ไทยที่รัสเซียเขียนและแปลมาเป็นภาษาจีน ไม่ทราบว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เขาว่าเป็นเรื่องสมัยกรุงธนบุรีมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1768-1917) มีหนังสือประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นภาษาจีน
มานึกขึ้นออกว่ามหาวิทยาลัยนี้มีกล่าวในหนังสือเรื่อง เมฆเหินน้ำไหล ที่ข้าพเจ้าแปล ว่าเป็นมหาวิทยาลัยอยู่ทางใต้ พวกอาจารย์อยากไปสอนเพราะเหมือนกับว่าเป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการซึ่งครูอาจารย์ได้รับค่าตอบแทนมากกว่ามหาวิทยาลัยอย่างดั้งเดิม
(น.33) รูป 24 อาจารย์แสดงหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยที่มีในห้องสมุด