Please wait...

<< Back

จี๋หลิน

อุตกาบาต

นิทรรศการลูกอุกกาบาต ใช้ชื่อว่า “แขกที่มาจากสวรรค์” เล่าถึงความรู้สึกของมนุษย์ที่มีความพิศวงต่อปรากฏการณ์ที่เกิดในฟากฟ้า มีคนพูดถึง UFO มนุษย์ต่างดาว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1976 มีดาวตกมามากในบริเวณกว้างที่สุด มีคนมาดูลูกอุกกาบาตที่ตกมานี้จากประเทศต่าง ๆ 30 กว่าประเทศ คนจีนมาดูจากทั่วประเทศ ประวัติเรื่องนี้แต่ครั้งโบราณ พวกกรีกไหว้บูชาลูกอุกกาบาต เป็นการบูชาเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ Argos พวกฮังการีเอาโซ่ล่ามลูกอุกกาบาตไว้เกรงว่าจะบินกลับสวรรค์ ที่เมกกะก็มีการทำกรอบล้อมไว้ มีบางคนถือว่าเป็นลางร้ายจึงทิ้งน้ำไป คนจีนวินิจฉัยตามหลักวิทยาศาสตร์แต่ครั้งโบราณ สมัยชุนชิวประมาณก่อน ค.ศ. 640 นักปราชญ์สวินจื่อเขียนไว้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ อย่าถือผิด ๆ ว่าเป็นเรื่องของโชคลาง มีการนำเอาสะเก็ดดาวซึ่งมีธาตุเหล็กสูงมาทำเครื่องอาวุธตั้งแต่ครั้งโบราณสมัยราชวงศ์ซาง ลูกอุกกาบาตมี 3 ประเภท คือ เป็นเหล็ก เป็นหิน และที่ปนกันสองอย่าง มีตัวอย่างลูกอุกกาบาตซึ่งตกที่ซินเกียงหนักถึง 28,000 ตัน ตัดมาส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์อูลูมู่ฉี มีส่วนประกอบเป็นเหล็ก 90% ลักษณะเหล็กหลอมในอวกาศแบบนี้ มนุษย์ทำไม่ได้ นอกจากเหล็กมีส่วนประกอบเป็นซิลิกอน (องค์ประกอบหินทราย) ก้อนที่ตกที่จี๋หลิน ที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก 1,770 กิโลกรัม เมื่อตกกระทบโลกก็แตกกระจาย เหลือน้ำหนัก 1,170 กิโลกรัม ตกลงมาฝังดินลึก 6.5 เมตร ก้อนเล็ก ๆ แตกกระจายออกมา ทั่วโลกสนใจถือว่าเป็นตัวอย่างของวัตถุในฟากฟ้าที่อวกาศส่งมาให้มนุษย์ได้ศึกษาโดยไม่ต้องไปเอาเองในอวกาศ เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อุกกาบาตก้อนนี้มีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี มีแร่ธาตุหลายอย่าง รวมทั้งแร่ธาตุที่หาได้ยากในโลก เช่น ธาตุหมายเลข 36, 37 และ 40 (Krypton Kr, Rubidium Rb, Zirconium Zr) ก็มีมาก การศึกษาลูกอุกกาบาตยังทำให้เรารู้ถึงการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของโลก ทฤษฎีกำเนิดสิ่งมีชีวิตในโลก เนื่องจากได้พบว่ามีกรดอมิโนอยู่ด้วย จากนั้นได้ดูวีดีโออธิบายว่าอุกกาบาตนี้มีตกลงมามาก แต่ส่วนใหญ่ตกในสถานที่ที่คนเข้าไปศึกษาไม่ได้ เช่น ในทะเลทราย ภูเขา ทะเล เมื่อมีอุกกาบาตตกลงมา สภาวิทยาศาสตร์ (Academia Sinica) ให้คนไปขุดขึ้นมาเป็นหลุม หลุมที่ 1 ได้ 1,170 กิโลกรัม หลุมที่ 2 ได้ 400 กิโลกรัม หลุมที่ 3 ได้ 123.5 กิโลกรัม ชิ้นส่วนกระจายไปถึง 500 กิโลเมตร จากนั้นก็เล่าเรื่องปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์เรื่องระบบสุริยะเมื่อ 4,700 ล้านปีมาแล้วว่า แร่ธาตุต่าง ๆ ตกผลึกเป็นดาวพระเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ มีวงโคจรของพวกอุกกาบาตเรียกว่า Asteroid belt แต่อุกกาบาตบางส่วนก็โคจรนอกวงโคจรนี้ และเข้ามาในวงโคจรของโลก ถูกแรงดึงดูดจึงตกลงมา นอกจากนั้นกล่าวถึงเรื่องแร่ธาตุองค์ประกอบ ดังที่เขาอธิบายมาแล้ว[5]

เทคโนโลยี/วิทยาการ

สถานีไฟฟ้าเฟิงหม่าน รองผู้อำนวยการสถานีเชิญเข้าไปอธิบายว่า สถานีนี้สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1937 เริ่มผลิตไฟฟ้า ค.ศ. 1943 เสร็จบริบูรณ์ ค.ศ. 1960 ผลิตไฟฟ้าได้ 120,000 KW เครื่องจักรเครื่องกลมีทั้งที่ทำที่เมืองจีน (ที่ฮาร์บิน) และต่างประเทศ เช่น ของสหรัฐฯ เยอรมนี และรัสเซีย ห้องควบคุมห้องแรกมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 8 ชุด มีอีกห้องอีก 2 ชุด ลำแม่น้ำซงฮัวมีเขื่อน 3 แห่ง ที่นี่ใหญ่ที่สุด เขื่อนคอนกรีตยาว 1,080 เมตร สูง 91 เมตร มีประโยชน์หลายทาง
1. กำเนิดไฟฟ้า
2. ป้องกันน้ำท่วม
3. คมนาคมขนส่ง ทำประปา ท่านนายกหลี่เผิงเคยทำงานปี ค.ศ. 1955 – 1960 โรงงานนี้เป็นโรงงานแรก ฉะนั้นเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรในทางด้านไฟฟ้าพลังน้ำสำหรับทั่วประเทศ (ฝึกงาน) ตอนนั้นใหญ่ที่สุดในเอเชีย คนงาน 1,200 กว่าคน ทำงานห้องควบคุม 5 คน ตัวเขื่อนสร้างสมัยก่อน ปูนคุณภาพไม่ค่อยดี ถึงเวลานี้มีปัญหา การซ่อมอยู่บ้าง มีการฉีดปูนเสริมความมั่นคงที่รากฐานเพื่อให้ทนน้ำหนักน้ำได้ ตอนนี้จ่ายกระแสไฟฟ้า 8 สายเข้าระบบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฮาร์บิน ฉางชุน เสิ่นหยาง (เข้าข่ายไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มีไฟเพียงพอ ทางน้ำล้น 11 ช่อง ช่วยลดแรงน้ำมิฉะนั้นจะกัดเซาะฝั่งน้ำ หม้อแปลงไฟฟ้าผลิตที่เสิ่นหยาง แปลงกระแสไฟฟ้าเป็น 220,000 โวลท์ มี 2 หม้อ มีหม้อแปลงญี่ปุ่นยี่ห้อฮิตาชิ 40 กว่าปีแล้วยังใช้ได้ดี ท่านรองผู้อำนวยการท่านนี้ทำงานที่นี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1952 ตอนนั้นมีแต่เครื่องของสหรัฐฯ กับเยอรมนี [6]

เศรษฐกิจ/สังคม/วัฒนธรรม

อาหาร

อาหารที่ให้รับประทานวันนี้เป็นยอดอาหารพิเศษทั้งนั้นเช่นของมีค่า 3 อย่าง คือ เห็ดหัวลิงทองคำ หูฉลาม รังนก ไขมันกบภูเขา เนื้อกวางป่า ของแปลกพิเศษคือนกเฟยหลง (นกมังกรบิน) นกชนิดนี้น้ำหนักตัวละประมาณ 500 กรัม อยู่บนภูเขา เลี้ยงก็ไม่ได้ สัตว์อื่น ๆ แปลก ๆ ก็เลี้ยงได้หมดแล้ว แม้แต่กบภูเขาฮาชื่อมา (ซึ่งวันนี้ก็มี) ในสมัยราชวงศ์ชิงถือว่าสงวนไว้สำหรับจักรพรรดิเท่านั้น คนอื่นห้ามเด็ดขาด มีซุปใส่เขากวางและโสมคน[7] อาหารที่จัดวันนี้เป็นอาหารพื้นเมืองท้องถิ่นจริงๆ ตั้งแต่เหล้าก็เป็นเหล้าแดงทงฮั่ง รากกระเทียมป่า ปลาดิบใบไม้ (ใบต้วน) ห่อข้าวเหนียวไส้ถั่ว ปลานึ่งจากแม่น้ำซงฮัวเจียงเป็นปลาขาว เดิมปลาชนิดนี้เป็นของสำหรับถวายจักรพรรดิโดยเฉพาะ (ของที่เป็นบรรณาการมีอยู่ 4 ชนิดคือ 1. ข้าวไร่ 2. ข้าวฟ่างขาว (อูลาเจียง) 3. ข้าวเจ้า (ปลูกน้ำ) 4. ปลา) นอกจากนั้นมีกบหิมะ (ทั้งคาวและหวาน) เนื้อกวางย่าง ซี่โครงหมูแบบอู๋ซี ซุปข้นเอ็นกวางสามอย่าง (เขา เอ็น หัวใจ) ไก่ฟ้าทอด ที่ข้าพเจ้าชอบมากเป็นพิเศษคือถุงแป้ง ใช้แป้งแบบที่ใช้ห่อเป็ดปักกิ่ง ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปก่อน ราดน้ำจิ้มซึ่งเหมือนกับน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่ง ใส่ไก่ทอดลงไป สุดท้ายกินสุกี้ใส่หม้อไฟ[8]


อ้างอิง

1. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 28-29
2. ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ทั้งหมดมีที่มาจากเกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 77-84
3. ข้อมูลเกี่ยวกับการรุกรานจี๋หลินของญี่ปุ่นมาจาก เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 66-73
4. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 118-123
5. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 133-137
6. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 192-194
7. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 34
8. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 167