<< Back
" มุ่งไกลในรอยทราย วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2533 "
(น.4) รูป 1. คุณครูกู้หย่าจงมาคอยรับอยู่ที่สนามบินกรุงปักกิ่ง
My Chinese teacher greeted me at the Peking Airport.
(น.5) เสาร์ที่ 7 เมษายน 2533
เครื่องบินการบินไทยเที่ยวพิเศษ (ธรรมดาไม่มีบินวันนี้) บินตรงไปปักกิ่ง ผ่านพม่า ยูนนาน (คุนหมิง) เมืองอู่ฮั่น ออกเดินทาง 11 โมง เวลาไทย ถึงปักกิ่ง 16.45 น.
(เวลาปักกิ่งเร็วกว่าเวลากรุงเทพฯชั่วโมงหนึ่ง) ในเครื่องบินมีกิจการหลายอย่างให้ทำ ไม่ต้องเหงาเลย ตั้งแต่การรับประทานอาหาร การพยายามเขียนเรื่องการเดินทางไปลาวซึ่งยังเขียนไม่เสร็จ
ไม่ค่อย ๆ เขียนไปวันละนิดวันละหน่อยก็กลัวลืมเสียหมด คุยกับซุป (อาจารย์ศุภรัตน์) และอาจารย์สารสินเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีน คุยกับพี่ศิลปิน นักบินที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อยู่จุฬาฯ
คุยกับเจ้าหน้าที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจที่ติดตามมาด้วย ว่าจะช่วยกันค้นคว้าทำหนังสารคดี นอกเหนือจากการทำข่าวธรรมดา ๆ
ในคณะเดินทางที่มาเป็นทางการคราวนี้มี 8 คน มี คุณเสริม อาจารย์สารสิน อารยา ป้าจัน ที่เคยมาแล้ว ส่วนหมอเชิดชัย อึ่ง (ชวลี) ศุภรัตน์ และสัจจาภรณ์ (กิ่ง) นั้น มาเป็นครั้งแรก
เมื่อถึงปักกิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นทุกคนใส่เสื้อหนาว ท่านทูตเตชบอกว่าอุณหภูมิ 9 ซํ. และมีพายุฝุ่นจากทะเลทรายโกบี (ข่าวอากาศว่า 14 ซํ.) ลงไปที่สนามบิน
มีรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมเคมี ชื่อ นางกู้สิ้วเหลียนมารับ คนอื่น ๆ มี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและภรรยา คุณหลิวย่งซิ่ง (ล่าม) ครูกู้ (ครูกู้หย่าจงเป็นครูสอนภาษาจีน
(น.6) ของข้าพเจ้า) พี่อู๋ (อู๋หุ้ยซิง กระทรวงการต่างประเทศจีน) คณะสถานทูตไทย คณะผู้แทนราษฎรไทยที่เผอิญเดินทางมา
รีบขึ้นนั่งรถเพราะหนาว ไม่ยักมีใครมานั่งด้วย มีแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงชื่อคุณเปียนเหมย ซึ่งพอจะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ข้าพเจ้าพยายามพูดภาษาจีนเพื่อซ้อมภาษา
คุณเปียนเลยเป็นไก๊ด์ให้ข้าพเจ้าเสร็จ โดยอธิบายเป็นภาษาจีนแบบพูดช้า ๆ
สองข้างถนนยังมีต้นหลิว ต้นสนเป็นชั้น ๆ มีคนขี่จักรยานมาก แต่รถยนต์รู้สึกจะมากกว่าเดิม บ้านช่องมีมากขึ้น มีโรงแรมเยอะแยะ
เมื่อถึงที่พักบ้านรับรองเตี้ยวหยูวไถ ไปที่ตึกหมายเลข 7 ไม่ใช่ตึกเดิมที่เคยพักเมื่อ พ.ศ.2524 ห้องพักจัดอย่างสวยงามทันสมัย เป็นห้องชุดมีห้องนอน ห้องทำงาน ห้องรับแขก
มีหนังสือมากมายที่ใช้เป็นหนังสืออ้างอิงได้ เช่น เรื่องหงโหลวเมิ่ง หรือความฝันในหอแดง ไซอิ๋ว คลองใหญ่ (Grand Canal) เรื่องของหลู่ซุ่น
นิทานสั้น ๆ เช่นเรื่องนางพญางูขาว รวมบทกวีของไป๋จู่อี้ เรื่องกองทัพของจิ๋นซีฮ่องเต้ หนังสือเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ
เวลา 18.25 น. ไปที่ห้องฟางเฟยหยวน อยู่ในบริเวณบ้านรับรองเตี้ยวหยูวไถ แต่คนละตึก ทางการจีนจัดงานเลี้ยงรับรองให้ ธรรมดาเขาไม่จัดให้ใครบ่อยนัก
ทำให้ข้าพเจ้าได้พบกับคนที่เคยรู้จักมาก่อน เช่น ท่านหันเหนียนหลง (อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ท่านทูตคนแรกและภรรยา ทูตคนที่สองและภรรยา
ครูที่เคยสอนภาษาจีนของข้าพเจ้าทั้ง 4 ท่าน คือ ครูจาง ครูฉาง ครูหวาง และครูกู้ คณะสตรีจีนที่เคยมาเมืองไทย พี่อู๋หุ้ยซิง ฯลฯ ข้าพเจ้าอยากพบท่านหวังอิ้วผิง อดีต
(น.7) รูป 2. ทางการจีนจัดงานเลี้ยงรับรองให้ ได้พบกับคนจีนที่เคยรู้จักกันมาก่อน
Reception party hosted by the Chinese government. I met many of my Chinese friends.
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ว่าท่านชรามาไม่ได้ เลยได้แต่ฝากมะม่วงไปให้
สักพักหนึ่งข้าพเจ้าเข้าไปในห้องรับแขก มีท่านรองนายกรัฐมนตรีอู๋เซียะเฉียน คอยต้อนรับ ท่านว่าเคยเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(น.8) รูป 3. คุยกับครูที่สอนภาษาจีน ข้าพเจ้าเรียนภาษาจีนมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนครูมาเป็นคนที่ 6 แล้ว แต่ยังไม่คล่องเลย
Chatting with my former Chinese teachers. I have been studying Chinese for some years,
and have already had six teachers,but still I am not yet fluent in the language.
(น.9) รูป 4. รองนายกรัฐมนตรีเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านรับรองเตี้ยวหยูวไถ
Dinner hosted by the Deputy Prime Minister at the Government Guest House.
(น.9) ถึง 2 ครั้ง คุยกันสักพักหนึ่งท่านอู๋เชิญไปรับประทานอาหาร บอกว่าครัวของเตี้ยวหยูวไถนี้ทำอาหารจีนได้อร่อยมาก
ก่อนอาหารท่านอู๋กล่าวต้อนรับ และข้าพเจ้ากล่าวตอบ โดยมีคำปราศรัยและคำแปลวางบนโต๊ะเสร็จ ไม่ต้องใช้ล่ามแปลได้ลงมือรับประทานอาหารเลย
อย่างไรก็ตามต้องขอกล่าวถึงอาหาร มีเหล้าองุ่นเป็นไวน์ขาวดื่มแทนเหมาไถ เพราะเขาทราบว่าข้าพเจ้าไม่ชอบเหมาไถเพราะแรงเกินไป มีเหล้าจากเมืองเช่าซิง เป็นเหล้าทำจากข้าวเหนียว เวลาจะรับประทานต้องอุ่น
อาหารมีออร์เดิร์ฟ (อาหารเขามาตั้งให้เป็นที่ ของใครของมัน บางอย่างที่วางบนโต๊ะและมีเจ้าหน้าที่มาเสิร์ฟ) ซุปไข่ปลาหมึกในหม้อร้อน (แบบ
(น.10) รูป 5. ดื่มอวยพร แต่ไม่ใช้เหมาไถ
Toasting but not with Maotai.
(น.11) หม้อเกาเหลา) เป๋าฮื้อ เนื้อทอดกับผักกาด ซุปตะพาบน้ำ ผักฮ่องเต้กับเห็ด ของหวานมีขนมซาลาเปาทอดโรยงา บะหมี่ห่อแป้ง เรียกว่าหนวดมังกร (เขาเล่าว่าตอนเรแกนมามีการแสดงวิธีทำด้วย) ของหวานอีกอย่างเป็นลอยแก้ว ใส่ส้ม เม็ดบัว และสาคู ใส่ถ้วยมีฝารูปร่างเป็นฝักบัว และไม่มีส้ม
ระหว่างอาหารท่านอู๋เล่าให้ฟังว่า ข้าพเจ้านั้นได้มีประสบการณ์ดี คือ ได้พบกับพายุฝุ่นจากทะเลทรายโกบี ซึ่งแต่ก่อนในปักกิ่งจะมีบ่อย ๆ เดี๋ยวนี้เขาปลูกต้นไม้กันมากและมีตึกสูง ๆ ถ้าไม่แรงจริง ๆ ก็มาไม่ถึง ฝุ่นนี้เกาะติดรถ กระเป๋าของพวกเราขาวไปหมด ฝุ่นทรายนี้เองที่ทำให้แม่น้ำหวงเหอมีสีออกเหลือง
ท่านไปงานฉลองเอกราชนามีเบียและไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งด้วย
พอเขาเอาเหล้าเช่าซิงมาให้ ท่านอธิบายว่าเหล้านี้มาจากบ้านเกิดของหลู่ซุ่น นักเขียนวรรณกรรมที่เคยไปเรียนหมอที่ญี่ปุ่นแต่ไม่จบ กลับมากู้ชาติ ข้าพเจ้าบอกท่านว่าเคยอ่านเรื่องสั้นของหลู่ซุ่น
ได้พูดคุยกันต่อถึงเรื่องเส้นทางแพรไหมทางทะเลซึ่งกำลังมีคนสนใจมาก แถว ๆ มณฑลฮกเกี้ยนมีโบราณสถานเป็นสุเหร่าอิสลาม ข้าพเจ้าถามถึงเส้นทางลงมาทางยูนนาน ท่านว่าเขากำลังค้นคว้ากัน
เมื่อรับประทานเสร็จเรากลับมาพักผ่อน พรุ่งนี้นัดรับประทานอาหารเวลา 07.30 น.
พี่อู๋หุ้ยซิงอุตส่าห์ซื้อสาลี่มาให้ เพราะจำได้ว่าข้าพเจ้าชอบ ทั้ง ๆ ไม่ใช่หน้า เลยได้รับประทานตอนเขียนหนังสือดึก ๆ