Please wait...

<< Back

" เยือนถิ่นจีนโพ้นทะเล วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2545 "


(น.99) รูป


(น.100) รูป

(น.100) เหตุที่นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า เมืองนี้เป็นเมืองของหมิ่นเยว่หวังเพราะมีเอกสารประวัติศาสตร์ท้องถิ่นบันทึกไว้ และลักษณะเป็นเมืองแบบฮั่น เมืองนี้มีเนื้อที่ 480,000 ตารางเมตร เท่ากับ 2 ใน 3 ของพระราชวังในกรุงปักกิ่ง ของที่ตั้งแสดง อยู่ในตู้เตี้ยๆ ตั้งตามกำแพง และกลางห้องอีก 2 หมู่ มีเครื่องโลหะ ได้แก่ เครื่องทองแดง สำริด เหล็ก เช่น เคียว คราด เฟืองเหล็ก (เป็นของจำลอง ของจริงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ฝูโจว) สามง่ามสำหรับแทงปลา ค้อน เครื่องมือช่างไม้ มีสิ่วชนิดต่างๆ เบ็ดตกปลา ที่แขวนโคม ที่วางหม้อ (สามขาแต่หักไปขาหนึ่ง)

(น.101) เครื่องปั้นดินเผา เป็นลวดลายประดับอาคาร กระเบื้องปูพื้น กระเบื้องหลังคา ส่วนใหญ่มีตัวอักษร คาดว่าเป็นชื่อคนทำ หรืออาจจะเป็นรหัสของแผ่นกระเบื้อง ท่อน้ำที่อยู่ในระบบระบายน้ำ และคนชักน้ำเข้ามาใช้ในเมือง บันไดอิฐเผากลวง มีลวดลายประดับ บันไดที่พบยาว 2.2 เมตร ลวดลายเป็นแบบราชวงศ์ฮั่น มีไม้โบราณที่พบบริเวณที่ขุดค้น เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน มีหม้อ ชาม ไห อ่างล้างมือ กระปุกใส่เหล้า มีหนังสือที่ว่าเป็นหลักฐาน (ดูแล้วก็ไม่ได้บรรยายชัดเจน) เขามีแผนที่ติดไว้ให้ดูด้วย เดินทางไปบริเวณเมืองเก่า ไปถึงทุกคนดีใจมากที่มีห้องน้ำ มองหามานานแล้ว หน้าบริเวณเมืองมีป้ายว่า เมื่อ ค.ศ. 1963 รัฐบาลประกาศเป็นโบราณสถานที่อนุรักษ์ระดับมณฑล และเขียนไว้ว่าเป็นเมืองฮั่น นักโบราณคดีรุ่นแรกไม่ได้คิดว่าเป็นเมืองหมิ่นเยว่หวัง สมัยนั้นจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อแรกสถาปนาราชวงศ์ ได้ปูนบำเหน็จอ๋องหรือหวังหลายองค์ทั้งที่เป็นชาวจีนและที่เป็นชนเผ่าอื่น ภายหลังมีนักโบราณคดีกลุ่มหนึ่งมาตั้งทฤษฎีว่า เมืองนี้เป็นของพวกหมิ่น มีการขุดค้นเจอซากกำแพงสูง 8 เมตร ส่วนที่ต่ำสุด 2 เมตร เดิมจะสูงกี่เมตรก็ไม่ทราบ เป็นกำแพงดิน สมัยราชวงศ์ฉินและฮั่นยังไม่มีกำแพงก่ออิฐ นอกกำแพงตรงส่วนนี้ (คือทางตะวันออกเฉียงเหนือ) มีหอบรรพบุรุษ และหอฟ้าดินทางซ้ายและขวาตามลำดับ ตามธรรมเนียมเมืองหลวง ประตูด้านตะวันออก เดิมมีหอ มีป้อมยาม ยังมีรอยบานประตู แนวที่เห็นเป็นที่ซ่อมใหม่ให้เห็นเป็นรูปร่าง ทางเดินเป็นกรวดก้อนโตๆ ฝังไปตลอด ทำตามแบบของเดิม ของเดิมนั้นเจาะช่องมีกระจกปิดสำหรับใช้ดูเปรียบเทียบ พื้นขณะนี้สูงกว่าของเดิมขึ้นมาเกือบเมตร คลองกลางเมืองขนานไปกับทางเดิน เดี๋ยวนี้เป็นบึงบัว เป็นนา ตื้นเขินหมด

(น.102) เนินที่อยู่แถวนั้นที่จริงมีซากอาคารอยู่ทั่วไปในใต้ดินลึก ขณะนี้ยังไม่ได้ขุดแต่ง ทิ้งไว้เพื่อให้หญ้าคลุมรักษาสภาพไว้ ซากตำหนักโบราณมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร แต่ขุดแต่งแล้วเพียง 10,000 ตารางเมตร ข้างหน้าเป็นบันไดขึ้นยกพื้น แล้วถึงห้องป้อมยามข้างหน้า เป็นอาคาร 3 ชั้น พบหลุมเสาหลักลึก 2 เมตรกว่า รับน้ำหนักได้มาก ที่จริงเป็นเรื่องประมาณกัน เพราะไม่ได้พบเสาจริงๆ ในตำหนักมีห้องอาบน้ำ สระอาบน้ำ ห้องอาบน้ำมีท่อไขน้ำ คงมีวิธีการทำให้น้ำร้อนน้ำเย็น แล้วต่อท่อส่งเข้ามา ท่อน้ำเป็นดินเผา พื้นบูรณะใหม่ ส่วนที่เป็นของเก่าปิดกระจกใสไว้ให้ดูของเดิม ต่อจากตำหนักใหญ่ มีอาคารอื่น แต่ไม่ได้บอกว่าใช้ทำอะไร


(น.102) รูป

(น.103) จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ปราบพวกสยงหนูก่อน แล้วหันมาปราบพวกหมิ่นเยว่แถบนี้ สมัยก่อนถ้าอ๋ององค์ไหนไม่ทำตามจักรพรรดิสั่ง จักรพรรดิจะปราบแล้วตัดศีรษะเอาไปแขวนไว้ที่ฉางอาน เมืองหลวง เพื่อขู่อ๋ององค์อื่นๆ ตกลงแล้วยังไม่ทราบว่าอาณาจักรหมิ่นเยว่มีอ๋องกี่องค์ แต่ก็ต้องมีอำนาจมากทีเดียว นั่งรถไปโรงแรมอีกไกล หลับไปหลายตื่นกว่าจะถึงโรงแรม เวลา 18.30 ไปอีกอาคารพบผู้นำท้องถิ่น เป็นนายกเทศมนตรีเมืองหนานผิง ซึ่งต้องขับรถมา 2 ชั่วโมงครึ่ง หนานผิงมีเทศบาลระดับอำเภอขนาดเดียวกับอู่อี๋ซานอยู่ภายใต้การปกครองประมาณ 10 เทศบาล เมื่อ ค.ศ. 2000 อู่อี๋ซานได้รับเลือกจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทั้งวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ของจีนมีแบบนี้ 4 แห่ง เป็นภูเขาทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมทางศาสนานิยมอยู่บนภูเขา ท่านนายกเทศมนตรีเป็นเพื่อนกับอาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ที่เป็นไกด์ให้พวกเราวันนี้ ท่านนายกเทศมนตรีเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ส่วนอาจารย์เรียนด้านประวัติศาสตร์ นายกเทศมนตรีให้ของขวัญเป็นภาพภูเขาในเทือกเขาอู่อี๋ซาน ใบชาต้าหงเผา เป็นชนิดพิเศษ ชานี้มีอยู่เพียง 6 ต้น ปีหนึ่งเก็บได้ 8 ตำลึง ไม่ขายให้ใคร ใช้เป็นของขวัญเท่านั้น ถึงกับต้องมียามเฝ้าต้นชา บริเวณแถบนี้มีต้นไผ่มาก ต้นไผ่พวกนี้หน่อใหญ่มาก ยิ่งแก่ยิ่งแข็ง ไผ่ที่ใช้ทำแพอายุปีเดียว ถ้าอายุมากแพจะหนักเกินไป ไม้ไผ่ที่นี่ยังใช้ทำเครื่องเรือน ส่งออกไปต่างประเทศ ใช้ก่อสร้าง ใช้แทนเหล็กก็ได้ แต่ไม่มีใครนำมาทำเครื่องดนตรีเหมือนเมืองไทย ไผ่เป็นของล้ำค่าในป่าและสูงค่าเรื่องรสชาติ


(น.104) รูป

(น.104) อาหารวันนี้มีของป่าเป็นหลัก เขียนเมนูเป็นบทกวีอักษร 4 ตัว แบบกู่เหวิน ออร์เดิฟตั้งชื่อว่า ปราชญ์ทั้ง 8 แห่งฝูเจี้ยน อาหารอื่นๆ มีเนื้องูที่เป็นงูมีพิษมาก มีสมญานามว่า งู 5 ก้าวตาย กล่าวคือ ถ้าถูกงูกัดแล้วเดินไป 5 ก้าวก็ตาย กระต่ายป่า เป็ดป่า ปลา กระจง กบตัวโตเนื้อนุ่ม เป็นกบที่กินนกเป็นอาหาร ล่อนกด้วยการที่ตัวผู้นอนหงายท้องซึ่งมีลาย นกนึกว่าแมลง ลงมาจับจะกิน กบกลับจับนกกดน้ำและกินเป็นอาหาร เมื่อรับประทานเสร็จยังไม่ดึกนักไปที่ร้านขายของ มีชาชนิดต่างๆ ชั่งขาย มีของอื่นๆ อีกมาก ราคาไม่แพงมากเกินไปทั้งๆ เป็นร้านในโรงแรม