Please wait...

<< Back

" ใต้เมฆที่เมฆใต้ วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2538 "


(น.200) รูป 215 ครัว

(น.200)ถือว่าไฟเป็นเทพบรรพบุรุษของเผ่า เวลาร่วมสังสรรค์กัน หญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา แขกที่มาเยือนก็นั่งขวาเช่นเดียวกัน ห้องนี้ถึงไม่มีแขกคนในบ้านก็ชอบมานั่งคุยกัน กินไปพลางและปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ ร่วมกัน บนเพดานแขวนกระเพาะปัสสาวะหมูเอาไว้ ดูฐานะของคนก็ดูได้จากกระเพาะหมู ถ้ามีหลายกระเพาะหมายความว่าเป็นคนรวย (คงจะหมายถึงมีหมูหลายตัว) ก่อนจะลากลับก็ได้เต้นรำแบบน่าซี – โม่ซัว


(น.201) รูป 216 ระบำโม่ซัว


รูป 217 ระบำโม่ซัว


รูป 218 ระบำโม่ซัว


รูป 219 ระบำโม่ซัว


(น.202) รูป 220 ออกจากหมู่บ้านจำลอง

(น.202) หมู่บ้านจำลองนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าเขาทำได้ดีมาก ถาวรวัตถุต่างๆ สร้างอย่างมั่นคง ฝีมือดีมาก ผู้ที่มาเป็นไกด์ก็อธิบายได้แจ่มแจ้ง มีความรู้ดี เด็กๆ พวกนี้เล่าว่าเช่าหอพักใกล้ๆ กับที่นี่ ในหมู่บ้านไม่ได้มีที่พักอยู่เฉพาะ ของที่ตกแต่งจัดวางไว้ก็เป็นของที่ให้ความรู้แก่ผู่ที่มาชมและไม่มีโอกาสไปดูของจริง ขากลับมาดามเฉินเล่าถึงเผ่าอีกเผ่าเรียกว่าพวกส่าหนี ถือสัตว์ชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายแมงมุมเป็นบรรพบุรุษ เจ้าเมืองส่าหนีเป็นคนกล้าหาญสู้ศัตรูได้ชัยชนะมาตลอด เพราะว่าตัวเองนั้นเวลาถูกตัดหัวแล้วหัวจะงอกขึ้นมาใหม่ แต่มีความลับว่าเมื่อตัดหัวแล้วใช้หญ้าชนิดหนึ่งปัดที่คอหัวจะงอกขึ้นไม่ได้ ความลับนี้เปิดเผยเพราะว่าเจ้าเมืองเกิดไปเล่าให้ภรรยาซึ่งเป็นคนเผ่าอื่นรู้ ภรรยาก็ไปเล่าให้พ่อแม่ของตนฟัง เมื่อเกิดรบกันศัตรูก็เอาหญ้าชนิดนี้กวาดหัวพวกส่าหนีก็ไม่งอก ตายกันมากเหลือน้อยเต็มที คนที่เหลือก็วิ่งหนีไปอาศัยอยู่ในถ้ำ ปากถ้ำมีแมงมุมชักใยปิด

(น.203)ปากถ้ำ เมื่อศัตรูมาคิดว่าไม่มีคนอยู่ คนในถ้ำจึงรอดตัวเพราะแมงมุมจึงนับถือ เรื่องนี้คล้ายกับเรื่องของฝรั่งเรื่องหนึ่งที่เคยได้ยินคือแมงมุมช่วยชีวิต มณฑลยูนนานมีชนเผ่ามาก แต่ละเผ่าก็มีนิทานของตนเอง นิทานบางเรื่องอธิบายประวัติของชื่อทางภูมิศาสตร์ (ชื่อหมู่บ้าน ชื่อภูเขา แม่น้ำ เป็นต้น) มีคนรวบรวมเรื่องพื้นบ้านเรียกว่าชื่อท้องถิ่นในยูนนาน สำหรับนิทานกวนอิมทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ซึ่งข้าพเจ้าฟังไม่รู้เรื่องในวันนั้น มาดามเฉินมาเล่าใหม่ว่ามีมังกรดุร้ายอาละวาดทำให้เกิดน้ำท่วม กวนอิมแปลงเป็นคนแก่ เอาตราทองคำโยนลงไปในทะเลสาบทับหัวมังกรเอาไว้แถบนั้นจึงสงบ ใกล้หมู่บ้านชนชาตินี้มีสถานที่ฝึกนักกีฬาของจีน อากาศแถวนี้ดีนักกีฬาที่มาเก็บตัวได้สูดอากาศบริสุทธิ์ นักกีฬามีทั้งนักฟุตบอล ว่ายน้ำ กรีฑา วิ่งทางไกล จักรยาน กลับโรงแรม รองผู้ว่าฯ เป็นเจ้าภาพ มีรองนายกเทศมนตรี (เป็นผู้หญิง) มาร่วมรับประทานด้วย นายกเทศมนตรีและผู้ว่าราชการไปประชุมที่ปักกิ่ง อาหารมื้อนี้มีเยอะแยะตามเคย อร่อยๆ ทั้งนั้น ตั้ง 10 อย่างที่สำคัญที่สุดคือบะหมี่ข้ามสะพาน ตอนก่อนมาท่านผู้หญิงนวลผ่องแนะนำว่ามาถึงเมืองคุนหมิงแล้วต้องกินก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน ตำนานเล่าประกอบอาหารนี้มาจากภาคใต้ของยูนนาน มีอำเภอ 2 อำเภอคืออำเภอเหมิงซื่อและอำเภอเจี้ยนสุ่ย ซึ่งเถียงกันอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของเรื่องเถียงกันจนถึงระดับมณฑล มณฑลตัดสินว่าเกิดทั้ง 2 อำเภอ

(น.204) เรื่องเล่ามีอยู่ว่า มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ภรรยาต้องเตรียมอาหารให้สามีทุกวัน สามีกำลังท่องหนังสือเตรียมสอบจอหงวน ต้องหนีไปอยู่ที่เกาะเพื่อความสงบ ภรรยาเอาข้าวไปส่ง กว่าจะไปถึงกับข้าวก็เย็นหมด วันหนึ่งภรรยาซื้อไก่มาทำซุปไก่ ยังไปไม่ถึงเกาะก็เป็นลมไปเสียก่อน ฟื้นขึ้นมาอาหารอื่นเย็นไปแล้ว แต่ซุปไก่ยังอุ่นดี จึงใช้วิธีการนี้ทำให้อาหารร้อนทุกวัน จนสามีสอบได้เป็นจอหงวน เรียกอาหารนี้ว่ากั้วเฉียวหมี่เสี้ยน หรือบะหมี่ข้ามสะพาน เหตุที่อาหารชนิดนี้อุ่นเพราะ
1. ซุปไก่มีมันมาก น้ำมันรักษาความร้อนได้
2. ถ้วยเคลือบหนาและหยาบรักษาความร้อนได้
3. อุ่นถ้วยก่อนใส่ซุป
บะหมี่ข้ามสะพานนี้อร่อยจริงๆ เสียดายที่เรารับประทานอาหารอย่างอื่นเข้าไปตั้งแยะแล้ว ก่อนรับประทานอาหารต้องช้อนมันออกจากน้ำซุปไปเสียบ้าง รองผู้ว่าฯ บอกว่าบะหมี่ข้ามสะพานมี 2 ชนิดคือหมี่เงินและหมี่ทอง วันนี้ให้รับประทานหมี่เงิน ครั้งหน้าจะได้กลับมาอีกเพื่อรับประทานหมี่ทอง รองผู้ว่าฯ บอกว่ายังมีนิทานอีกเรื่องซึ่งไม่พบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่เขาเล่าต่อๆ กันมาว่า ฝรั่งเชิญซุนยัดเซ็นไปกินไอศกรีม ไอศกรีมมีควัน ซุนยัดเซ็นกลัวไอศกรีมร้อนก็เป่าก่อน โดนฝรั่งหัวเราะเยาะเอาหาว่าโง่ เพื่อเป็นการแก้แค้นซุนยัดเซ็นก็เชิญฝรั่งมากินบะหมี่น้ำแบบบะหมี่ข้ามสะพานนี้ ดูข้างนอกก็ไม่ร้อนอะไรและไม่มีควันขึ้น ที่จริงร้อนมากจนเกือบจะลวกปากฝรั่ง เรื่องนี้รองผู้ว่าฯ บอกว่าเป็นความลับ รู้ไปเดี๋ยวฝรั่งมาโกรธเอา ข้าพเจ้าว่าฝรั่งไม่โกรธหรอก แต่ซุนยัดเซ็นอาจจะโกรธ แต่ท่านก็ตายไปแล้วไม่เป็นอะไร ยังมีวิธีการปลีกย่อยว่าเมื่อเอาซุปมาแล้วต้องใส่ผักก่อน จึงใส่เนื้อและใส่เส้นตามหลัง ตอนที่เอาช้อนคน ถ้าคนเวียนขวาจะทำให้ร่ำรวย คนเวียนซ้ายจะได้เลื่อนตำแหน่ง


(น.205) รูป 221 ดื่มเชื่อมสัมพันธ์

(น.205) ท่านรองผู้ว่าฯ บอกว่าเพิ่งไปกรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ตอนงาน BOI ชิมอาหารไทยตามภัตตาคารรู้สึกว่าอร่อยกว่าตามโรงแรมหรือภัตตาคาร อาหารไทยที่ปักกิ่งหรือฮาร์บิน เขาคิดว่าอาหารไทยมีคุณสมบัติ 3 ประการ
1. รสชาติไทย
2. ปริมาณแบบตะวันตก คือมี 4 อย่างไม่มากเกินไป
3. กินแบบจีน ใช้ตะเกียบคีบได้
มีเรื่องที่ท่านรองผู้ว่าฯ ใฝ่ฝันอีกเรื่องหนึ่งคืออยากให้จังหวัดเชียงใหม่กับมณฑลยูนนานเป็นเมืองพี่เมืองน้องกัน รอกันมาหลายปีแล้ว ท่านทูตว่าเรื่องนี้ต้องติดต่อมหาดไทย
(น.206) เนื่องจากมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะรับประทานด้วยกัน ก็เลยมีการดื่มคว่ำแก้วกันหลายรอบหน่อย มีพวกจากปักกิ่ง พวกยูนนาน และในโอกาสอะไรต่อมิอะไรอีกไม่ทราบ ท่านรองผู้ว่าฯ บอกว่าถ้าเป็นไวน์ เรากินได้ขวดหนึ่ง กินเบียร์กี่ขวดก็ได้ เหมาไถได้น้อยหน่อยเวลาดื่มเหล้าแล้ว
แก้ว 1 พูดดีๆ เชิญดื่ม
แก้ว 2 พูดชมตัวเองว่าคอแข็ง
แก้ว 3 พูดภาษาหยาง (ฝรั่ง) ได้
แก้ว 4 ไม่พูดเลย นอน
รู้สึกว่าข้าพเจ้าจะดื่มเกิน 4 แก้ว หลังอาหารก็เลยลาไปนอน แต่ที่จริงก็เก็บของไม่ได้นอน มอบของที่ระลึกให้ทั้งฝ่ายจีนฝ่ายไทย แล้วไปสนามบิน ร่ำลาฝ่ายจีนฝ่ายไทยด้วยความคิดถึง