<< Back
" เย็นสบายชายน้ำ วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2539 "
(น.218) รูป 197 นิทรรศการประวัติศาสตร์และการทำงานของกาชาด
(น.218) รูป 198 หลักการกาชาด
(น.218) เข้าไปดูนิทรรศการประวัติสภากาชาดจีน แสดงภาพตั้งแต่รัสเซียกับญี่ปุ่นรบกันในแผ่นดินจีนเมื่อ ค.ศ. 1904 ที่ต้าเหลียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค.ศ. 1923 แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
สภากาชาดจีนให้ความช่วยเหลือประชาชนในสมัยต้านญี่ปุ่น ช่วงนั้นชีวิตยากลำบากมาก มีภาพกำลังผ่าตัดผู้ที่บาดเจ็บในสนามรบ หลังจากนี้สภากาชาดก็ถูกยุบไปและมาตั้งขึ้นใหม่ในสมัยที่ท่านโจวเอินไหลเป็นนายกรัฐมนตรี
กิจการของสภากาชาดจีนในสมัยนั้น มีภาพท่านประธานเหมา ท่านโจวเอินไหล พบผู้นำกาชาดชาวต่างประเทศ
(น.219) รูป 199 ของขวัญที่สภากาชาดจีนได้รับ
(น.219) สภากาชาดจีนต้องเลิกกิจการไปอีกครั้งในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม เมื่อพ้นสมัยนั้นกลับฟื้นฟูขึ้นใหม่
ภายหลังมีการออกกฎหมายคุ้มครองการทำงานของกาชาด ภาพแสดงกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานยุวกาชาด งานไต้หวัน การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยที่หูเป่ย การประชุมกาชาดเอเชียแปซิฟิก พยาบาลจีนได้รับรางวัลฟลอเรนซ์ไนติงเกล 17 คน มีของขวัญต่าง ๆ ที่ได้จากกาชาดต่างประเทศ
(น.220) รูป 200 ถ่ายรูปกับท่านายกฯ มาดาม และหลานสาว
(น.221) เมื่อกลับมาถึงเตี้ยวหยูว์ไถ อาจารย์สารสินเอาหนังสือพิมพ์มาแปลข่าวให้ฟัง มีข่าวข้าพเจ้าไปพบท่านประธานาธิบดี และไปมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมแห่งปักกิ่ง
ตอนเที่ยงนายกรัฐมนตรีหลี่เผิงและมาดามจูหลินเลี้ยงอาหารกลางวัน ก่อนหน้านั้นนายกฯ หลี่เผิง ให้พวกบริษัทต่างประเทศที่มาลงทุนเข้าพบ
คราวนี้ได้พบกับหลานสาวท่านนายกฯ อีก ตอนนี้อายุ 9 ปี เรียนจบชั้น ป.3 เปิดเทอมใหม่จะอยู่ชั้น ป.4 แล้ว
เข้าไปนั่งในห้องรับแขกก่อน ท่านถามถึงการเดินทางว่าเป็นอย่างไร อากาศไม่ร้อนหรือ ข้าพเจ้าเล่าว่าสบายดี ที่ว่าร้อนคนไทยอย่างข้าพเจ้าก็เคยชินจึงไม่เป็นอะไร
ตอนนี้กำลังรวบรวมสิ่งที่ได้ยินได้ฟังเพื่อกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอบคุณที่ท่านนายกรัฐมนตรีจัดให้ได้ดูงานอย่างละเอียด ท่านนายกฯ กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยเรื่องโครงการเขื่อนซานเสียมาก
ตอนที่เข้าเฝ้าฯ ทรงตั้งคำถามหลายข้อ คราวนี้คงจะกราบทูลตอบคำถามได้ (ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถามว่าอะไร และท่านนายกฯ กราบทูลไปแล้วว่าอย่างไร ไม่ทราบว่าจะต้องทูลอะไรเพิ่มเติม)
(น.222) ท่านนายกรัฐมนตรีเล่าต่อว่า ปีหน้าเป็นปีสำคัญเพราะว่าจะกั้นน้ำแล้ว ไปคราวนี้คงจะเห็นว่าสะพานสร้างเสร็จแล้ว ถนนยังไม่เสร็จต้องทำถนนจากซานเสียไปอี๋ชาง ที่อี๋ชางยังจะสร้างสนามบิน
ข้าพเจ้าว่าเสร็จโครงการ ค.ศ. 2009 จะมาอีกที ตอนที่ท่านนายกฯ ไปประชุม ASEM ข้าพเจ้าได้รับประทานอาหารค่ำกับมาดาม มาดามเคยเล่าเรื่องซานเสียให้ฟัง มาดามจูหลินกล่าวเสริมว่าได้เล่าว่าเสี่ยวซานเสียหรือซานเสียเล็กสวยงามกว่าซานเสีย ท่านนายกฯ ถามว่าเห็นลิงบ้างไหม ข้าพเจ้าว่าไม่เห็นเลย มาดามบอกว่าพาหลานไปเห็นลิงทั้งฝูง
ท่านนายกรัฐมนตรีว่าถ้ายังมีปัญหาอะไรอีกก็ถามได้ เพราะนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการเกี่ยวกับโครงการซานเสีย เป็นคนสุดท้ายตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ฉะนั้นตัวเลขที่ท่านบอกจะถูกต้องที่สุด
ก่อนจะไปรับประทานอาหาร ท่านนายกฯ ให้ของขวัญเป็นตราทำด้วยหินชนิดโมราสีแดง ภาษาจีนเรียกโมราว่า หมาเหน่า (ภาษาอังกฤษว่า agate) แกะสลักชื่อข้าพเจ้าเป็นภาษาจีนอันหนึ่งและเป็นภาษาไทยอันหนึ่ง ท่านบอกว่า เวลาแต่งหนังสือนี้ให้เอาตราประทับด้วย
ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร หลานท่านนั่งด้วย มาดามบอกว่าเดี๋ยวนี้หลานท่านสอบเปียโนได้ชั้นที่ 3 แล้ว ข้าพเจ้าว่าคราวที่แล้วท่องกลอนได้ ก็เลยท่องบทกวีกินข้าว คือบทที่ข้าพเจ้าเคยแปลและเขียนเป็นบทความเรื่อง “ทุกข์ของชาวนาในบทกวี” มีเนื้อความว่า
(น.223) รูป 201 นายกฯ หลี่เผิงและมาดามจูหลิน เลี้ยงอาหารกลางวัน มอบของขวัญเป็นตราทำด้วยหินโมราแดง
(น.223)
หว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิ ข้าวเมล็ดหนึ่ง
จะกลายเป็นหมื่นเมล็ดในฤดูใบไม้ร่วง
รอบข้างไม่มีนาที่ไหนทิ้งว่าง
แต่ชาวนาก็ยังอดตาย
ตอนอาทิตย์เที่ยงวัน ชาวนายังพรวนดิน
เหงื่อหยดบนดินภายใต้ต้นข้าว
ใครจะรู้บ้างว่าในจานใบนั้น
ข้าวแต่ละเม็ดคือ ความยากแค้นแสนสาหัส
บทกวีนี้สอนเด็กให้ประหยัด ไม่ให้รับประทานทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ที่ซานเสียมีกวีที่ตู้ฝู่เขียนไว้ว่า
ต้นไม้มากมายสุดลูกตาใบร่วงหล่น
แม่น้ำฉางเจียงไหลไม่ขาดสาย
ท่านนายกรัฐมนตรีแต่งบทกวีเลียนแบบตู้ฝู่ ใน ค.ศ. 1994 เมื่อเปิดการก่อสร้างโครงการซานเสีย
(น.224)
ภูเขาคุนหลุน (อยู่ภาคตะวันตกของจีน) ตั้งผงาด
แม่น้ำฉางเจียงไหลมาไม่ขาดสายตลอดไป
ประตูขุยเหมิน (ทางเข้าโตรกเขาซานเสีย) เป็นประตูสวรรค์
ยอดเขาที่สวยงามอยู่ในอูเสีย
แม่น้ำฉางเจียงถือว่างามที่สุดในประเทศจีน
เรื่องการลงทุน 90,000 ล้านหยวน เงิน 50,000 ล้าน ใช้ก่อสร้างอีก 40,000 ล้าน ใช้ย้ายคน ท่านนายกรัฐมนตรีพูดต่อไปถึงปัญหาที่ข้าพเจ้าจดคำบรรยายเรื่องเขื่อนซานเสีย
ไม่ทราบว่าหน่วยที่ใช้ในคำบรรยายเกี่ยวกับไฟฟ้าที่ผลิตได้เป็น กิโลวัตต์ เม็กกะวัตต์ หรือกิกะวัตต์ ท่านบอกว่าส่วนมากจีนใช้หน่วยกิกะวัตต์ เงินลงทุนต้องเพิ่มขึ้นเพราะอัตราเงินเฟ้อ ต้องกู้จากธนาคาร
ตัวเลขอาจเปลี่ยน ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อเปลี่ยนไป ตอนนี้ลดลง ตัวเลขสุดท้ายเท่าไรไม่ทราบ ค.ศ. 2003 เพิ่มการผลิตไฟฟ้าได้ พอถึง ค.ศ. 2005 เรียกว่าเป็นปีสมดุลในการลงทุน ไม่ต้องกู้อีก เงินทุนก่อสร้าง 140,000 ล้านหยวน ไม่ต้องลงทุนอีก รวมแล้วใช้เงิน 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้าพเจ้าถามถึงการใช้ไฟฟ้าในอนาคตว่าได้ประมาณไว้อย่างไรบ้าง ท่านนายกฯ กล่าวว่าได้วางแผน 15 ปีเอาไว้ 5 ปีแรกเพิ่มการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม 75 ล้านกิกะวัตต์ อีก 10 ปีเพิ่มปริมาณเท่ากับเพิ่ม G.D.P. ประมาณ 7 % หาก G.D.P. เพิ่ม 1% ใช้ไฟเพิ่ม 1% ตัวเลขของ 5 ปีแรกค่อนข้างแน่นอน อีก 10 ปีเป็นการวางแผน
เขื่อนนี้แม้สำคัญในการผลิตไฟฟ้า แต่ก็ทำขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมด้วย น้ำในแม่น้ำฉางเจียงท่วมอู่ฮั่นเสมอ เป็นอันตรายมาก ค.ศ. 1993 ก็ท่วม ปีนี้ท่วมหนักกว่า แต่การป้องกันดีกว่า จึงไม่เกิด
(น.225) เหตุเหมือนคราวก่อน ยิ่งถ้าสร้างเขื่อนเสร็จจะลดปริมาณน้ำท่วมไปมาก
โครงการใหญ่เช่นนี้ประชาชนชาวจีนทุกคนได้ร่วมมือช่วยกัน (อธิบายเรื่องเพิ่มค่าไฟอย่างที่คุณถังได้อธิบายมาแล้ว)
ข้าพเจ้าสงสัยว่าการทำเขื่อนนี้จะป้องกันน้ำท่วมอู่ฮั่นได้อย่างไร เนื่องจากใต้เขื่อนยังมีแม่น้ำอีกหลายสาย มีระบบเขื่อนเล็ก ๆ ที่อื่นอีกหรือเปล่า
ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่ายังมีโครงการเล็ก ๆ อีกหลายโครงการ เช่น แถว ๆ อู่ฮั่นมีแม่น้ำชิงเจียง แม่น้ำฮั่นสุ่ย ที่มณฑลหูหนานอีก 4 แห่ง และยังมีอีกหลายเขื่อน เช่น ที่แม่น้ำหย่าหลงเจียงในมณฑลเสฉวน
มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าได้ 33,438.8 เม็กกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีที่ทะเลสาบต้งถิงหู แม่น้ำเซียงเจียง แม่น้ำจือสุ่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ เขื่อนเออร์ทาน ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าได้ 3,300 เม็กกะวัตต์
โครงการเขื่อนเออร์ทานอยู่บนลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำฉางเจียงช่วงตอนบน ชื่อ แม่น้ำจินซาเจียง เป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้ง (arch dam) กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าเครื่องแรกจะเสร็จใน ค.ศ. 1998 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 6 เครื่อง เครื่องละ 550 เม็กกะวัตต์
เขื่อนเออร์ทานนี้มีลักษณะพิเศษ เขื่อนอื่น ๆ มีคันกั้นน้ำค่อนข้างหนา ที่นี่กำแพงบางและเป็นรูปโค้ง
มาดามพูดถึงภูเขาหวงซานว่าที่นั่นจะต้องดูพระอาทิตย์ขึ้น จะต้องบอกเจ้าหน้าที่โรงแรมให้เขาเรียกมาดู
อาหารมีนกกระทาทอด ท่านนายกฯ บอกว่าเป็นนกกระทาจากฟาร์มที่กวางตุ้ง อร่อยกว่านกพิราบ เพราะตัวใหญ่และนกพิราบ
(น.226) เนื้อแข็ง ตอนประธานาธิบดีเยลต์ซินมาก็เลี้ยงนกกระทาแบบนี้ เยลต์ซินรับประทานสองจาน
ข้าพเจ้าถามถึงหนังสือ จงกว๋อเขออี่ซัวปู้ หรือ จีนสามารถกล่าวว่า ไม่ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ราวเดือนเมษายนปีนี้ มีคนอ่านและกล่าวถึงกันมาก
ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าแต่ก่อนนี้มีชาวญี่ปุ่นแต่งเรื่อง ญี่ปุ่นพูดว่าไม่ก็ได้ เร็ว ๆ นี้ชาวจีนก็แต่งบ้าง เท่าที่อ่านคร่าว ๆ เห็นว่าหลายตอนเขียนถึงเรื่องสำคัญ ๆ เช่น ตอนที่ท่านนายกฯ พูดกับท่านนายกฯ
จอห์น เมเจอร์ เกี่ยวกับเรื่องฮ่องกง มีการเจรจาราว ค.ศ. 1990 - 1991 ขณะนั้นประเทศจีนกำลังลำบากมาก เมเจอร์จะสร้างสนามบินใหม่ที่ฮ่องกง เมื่อเจรจาแล้วเมเจอร์บอกว่ามีเรื่องที่ส.ส.อังกฤษฝากมาว่า
จีนจะต้องสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ท่านก็เลยพูดบ้างว่า ได้รับจดหมายของส.ส.จีน ฝากความเห็นว่าพวกเขาไม่ลืมสงครามฝิ่นเมื่อ 150 ปีมาแล้วที่อังกฤษมายึดครองจีนและเผาสวนหยวนหมิงหยวน
แต่ไม่มีเวลาพูดอะไรต่อมากไปกว่านี้ ในหนังสือก็บันทึกเรื่องนี้ไว้ ตอนที่ท่านไปพักผ่อนที่เป่ยต้าเหอ เพื่อนเอาหนังสือให้อ่าน ก็อ่านดูคร่าว ๆ ที่จริงการพูดว่า “ไม่” นั้นไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธไปทุกอย่าง
ต้องถือการร่วมมือเป็นสำคัญ ต้องปฏิเสธเฉพาะเวลาถูกกดขี่ ผู้ที่เขียนเรื่องนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญรุ่นหนุ่ม อาจจะคิดอะไรไม่ลึกนัก
ยังมีอีกตอนหนึ่งเป็นตอนที่ท่านนายกรัฐมนตรีตอบคำถามในการประชุมที่ปารีส มีผู้ถามว่า จีนมีท่าทีอย่างไรในเรื่องการเข้าเป็นสมาชิก WTO ตอบว่า จีนเป็นประเทศใหญ่ ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ถ้าให้จีนอยู่นอกองค์การ “World Trade Organization” หรือ
(น.227) WTO ก็จะเป็นเพียงแค่ Regional Trade Organization (RTO) เท่านั้น ผู้ที่ฟังอยู่พอใจคำตอบนี้มาก หนังสือบันทึกเรื่องนี้ไว้ คุยเรื่องหนังสือแล้ว
กลับไปพูดเรื่องซานเสียซึ่งมีการพัฒนาสังคมไปพร้อม ๆ กัน หาผู้ที่จะมาลงทุน และให้เมืองที่มีฐานะดีช่วยเมืองที่จะถูกน้ำท่วม ยกตัวอย่างเช่น มหานครเซี่ยงไฮ้มีหน้าที่ช่วยดูแลนครว่านเซี่ยน
หาธุรกิจไปลงทุนจากเซี่ยงไฮ้ เช่น บริษัทซีพีก็จะไปช่วยในด้านการเลี้ยงหมู ส่วนเมืองฝูหลิง มณฑลเจ้อเจียงก็จะเป็นผู้ช่วยเหลือ ได้ลงทุนตั้งโรงงานน้ำดื่มวาฮาฮา (บริษัทนี้นอกจากจะผลิตน้ำดื่มแล้วยังผลิตอาหารเสริมทารก)
คนที่นั่งข้างขวาข้าพเจ้าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของสำนักนายกรัฐมนตรีชื่อ หลิวหัวชิว
เมื่อรับประทานเสร็จแล้วเตรียมเก็บข้าวของไปสนามบินเวลา 15.10 น. ไปเมืองหวงซานโดยสายการบินจีนเที่ยวบิน CA 1545 ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 20 นาที เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งไปถึงท่าอากาศยานเมืองหวงซาน
มีผู้นำท้องถิ่นมารับ พาไปที่โรงแรมชื่อหวงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล โรงแรมนี้เพิ่งเปิดใหม่เมื่อปีที่แล้ว ชาวฮ่องกงมาลงทุน ดูสมัยใหม่ดี ผู้จัดการที่มาดูแลเป็นผู้หญิง เขาบอกว่าเป็นคนมณฑลอันฮุยนี่เอง เดิมเป็นครู เพิ่งมาทำงานโรงแรมเมื่อโรงแรมนี้เปิด ดูเป็นคนคล่องแคล่ว อัธยาศัยดี โรงแรมก็สบายเหมือนบ้าน
ตอนค่ำท่านเลขาธิการพรรค ชื่อ หลูหรงจิ่ง เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร ท่านเลขาธิการพรรคอายุ 63 ปี เคยเป็นนักอุตสาหกรรมเหล็ก ท่านเลขาธิการกล่าวว่า มณฑลอันฮุยอยู่กลางกลุ่มมณฑล
(น.228) ด้านตะวันออก มณฑลนี้มีประชากรราว 60.31 ล้านคน มีพื้นที่ 140,000 ตารางกิโลเมตร แม่น้ำฉางเจียงไหลผ่านมณฑลอันฮุยราว 400 กว่ากิโลเมตร และแม่น้ำหวายเหอก็ไหลผ่านด้วย
นอกจากนั้นยังมีแม่น้ำที่เป็นสาขาของแม่น้ำฉางเจียงอีกหลายสาย มณฑลอันฮุยมีเหล็กกล้า ถ่านหิน ทองคำ ทองแดง ดินดีอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นการเกษตรดี ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ การท่องเที่ยว
ที่อันฮุยนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีพื้นที่ภูเขา ที่ราบ และเนินเขา เหนือแม่น้ำหวายเหอเป็นที่ราบ มีภูเขาเทือกใหญ่ ๆ ภูเขาที่สวยงามที่สุดในโลก มีหินแปลก ทะเลเมฆ น้ำพุร้อน มีคำกล่าวว่า ในประเทศจีนมีภูเขา 5
แห่งที่งามที่สุด ไปเที่ยวทั้ง 5 แห่งนี้แล้วไม่ต้องไปที่อื่น แต่ถ้าไปหวงซานแล้วก็ไม่ต้องไปที่ภูเขา 5 แห่ง ภูเขาอีกแห่งที่มีชื่อเสียงคือ ภูเขาจิ่วหัวซาน เป็นภูเขาที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนา 1 ใน 4 ของจีน
เป็นสถานที่ประทับของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ (ตี้จ้าง) ตอนนี้มณฑลอันฮุยมีเศรษฐกิจดี ตั้งแต่ค.ศ. 1992 รายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ถ่านหิน เหล็กกล้า เครื่องยนต์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
มีแนวโน้มที่จะพัฒนาทางการค้าระหว่างประเทศ ได้สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ 23 ประเทศในภูมิภาค ไทยก็มาลงทุน ตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนมากนัก ต้องพยายามส่งเสริมในเรื่องนี้ การส่งออกของมณฑลก็ดีขึ้นมากราว 50 ล้านเหรียญสหรัฐ คนอันฮุยเป็นมิตรกับไทย ผู้นำหลายคนได้เคยมาเยือนไทยแล้ว
นั่งโต๊ะอาหาร มีเหล้าเรียกว่า กู๋จิ่งก้ง เล่ากันว่าเป็นเหล้าพิเศษที่โจโฉถวายพระเจ้าฮั่นเซี่ยนตี้ (พระเจ้าเหี้ยนเต้ในสามก๊กฉบับแปลภาษาไทย)
(น.229) รูป 202 หลังอาหารกลางวันไปเมืองหวงซาน เลขาธิการพรรคเลี้ยงอาหารค่ำ
(น.229) ข้าพเจ้าขอให้ท่านเลขาฯ เล่าเรื่องเหมืองทองแดง เขาเล่าว่าขุดสินแร่ออกมาจากดิน (เป็นหิน) หิน 100 ตัน เมื่อเอามาเผาแล้วเหลือทองแดงไม่ถึงตัน
ท่านเลขาธิการมณฑลอันฮุยอธิบายถึงมณฑลอันฮุยและหวงซานว่า ยูเนสโกประกาศว่า หวงซานเป็นสถานที่ควรอนุรักษ์ สี่ฤดูจะดูงามไปต่าง ๆ กัน ศิลปินบางท่านขึ้นไปมากกว่า 10 ครั้ง ภูเขานี้สะอาด ปลอดภัย และเจริญ
ที่น่าสนใจก็คือบนหวงซานนี้มีต้นสนที่โตขึ้นมาจากหิน แต่ละต้นมีชื่อที่ตั้งไว้ต่าง ๆ กัน เช่น สนเสือดำ มังกรหลับ นกฟ้า สามัคคี สนพัด สนร่ายรำ ฯลฯ เขาพูดอะไรอีกเยอะแยะ แต่ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว
เมื่อรับประทานเสร็จก็เป็นอันเสร็จงาน รู้สึกจะดื่มเข้าไปเยอะ แต่ยังพอเขียนเรื่องได้