<< Back
" หวงเหออู่อารยธรรม วันพุธที่ 8 มีนาคม 2543 "
(น.27)
รูป 24 สนทนากับนายกเทศมนตรีเหยียนอานก่อนรับประทานอาหารเย็น
A conversation with the Mayor of Yan-an before dinner.
(น.27) พอฉันไปถึงเรือนรับรอง ก็รีบอาบน้ำ ไม่ทันดูว่าต้องเสียบปลั๊กน้ำร้อนก็เลยเย็นเยือก ซุปก็อาบน้ำทัน แต่ของเขาดีกว่าคือมีน้ำร้อน
นายกเทศมนตรีของนครเหยียนอานเป็นผู้หญิงชื่อ หวังเซี่ย
คุณหวังเซี่ยพูดแนะนำว่าเหยียนอานเป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของการปฏิวัติจีน ชาวเหยียนอานสร้างคุณูปการให้แก่การปฏิวัติของจีนมาก พวกเราจึงควรช่วยกันพัฒนาเหยียนอานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อรัฐบาลมีนโยบายเปิดสู่โลกภายนอก เศรษฐกิจก็ก้าวหน้าขึ้น มีการพัฒนาการท่องเที่ยว พัฒนาวัฒนธรรมที่ราบสูงดินเหลือง ได้แก่ การแสดงที่มีชื่อเสียงคือ การตีกลองเอว
ศิลปะการตัดกระดาษและการเขียนภาพ แหล่งท่องเที่ยวมีสุสานจักรพรรดิเหลือง น้ำตกหูโข่วที่แม่น้ำหวงเหอ
(น.28) เนื้อที่เหยียนอานประมาณ 3,700 ตารางกิโลเมตร มี 13 อำเภอ ประชากรมี 1,930,000 คน
ทรัพยากรที่สำคัญมีทรัพยากรท่องเที่ยว ที่ดิน น้ำมันปิโตรเลียม
นโยบายการพัฒนาภาคตะวันตกของประเทศ นอกจากจะพัฒนาเศรษฐกิจโดยตรงแล้ว ยังต้องสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์สอดคล้องกับความเป็นจริง ต้องรับว่าเหยียนอานอยู่ในเขตที่ถูกแม่น้ำหวงเหอกัดเซาะ
ต้องพยายามแก้ปัญหานี้ ปัญหาอีกอย่างคือ การคมนาคม เครื่องบินจากปักกิ่งมาที่นี่เพียงสัปดาห์ละครั้ง ต้องพยายามให้มีเที่ยวบินมากขึ้น
ฉันถามว่าผู้คนที่นี่เขาทำมาหากินกันอย่างไร คุณหวังเซี่ยตอบว่าประชาชนประมาณ 1,500,000 คนเป็นเกษตรกร ทำนา ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ คนในเมืองไม่เป็นพวกพนักงานของรัฐก็เป็นพวกที่ทำงานโรงงาน
ด้านเกษตรกรรมมีการปลูกแอปเปิ้ล ผู้เชี่ยวชาญว่าดีกว่าของอเมริกาเสียอีก สินค้าเกษตรอื่นๆ มีธัญพืช พุทราแดง (ของเขาลูกโตและอร่อยจริงๆ ) ด้านอุตสาหกรรมมีการแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม รายได้ครึ่งหนึ่งของรัฐบาลท้องถิ่นมาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี นอกจากนั้นมีโรงงานทำบุหรี่ โรงผลิตกระแสไฟฟ้า
ฉันถามคุณหวังเซี่ยว่าเป็นนายกเทศมนตรีเมื่อไร เขาบอกว่าเป็นมาได้เกือบปีแล้ว เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1999
พอดีนกกุ๊กกูมาส่งสัญญาณบอกเวลารับประทานอาหารได้แล้ว นกกุ๊กกูนี้คือเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ของมณฑล แซ่หม่า มีหน้าที่คอยบอกเวลา คุณทรรศนีย์ภริยาท่านทูตเป็นคนเรียกว่าเป็นนกกุ๊กกูประจำตัวฉัน
เวลาย้ายไปมณฑลอื่น ป้าจันบ่นคิดถึงนกกุ๊กกู เพราะเขาช่วยให้ทำอะไรได้ตรงเวลาดี ไปคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร คุณหวังเซี่ยเล่าว่าไม่ได้เป็นคนเหยียนอาน แต่ทำงานอยู่โครงการชลประทานลุ่มแม่น้ำหวงเหอ 24 ปี คุณเห่าเหยียนเจิ้ง ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของมณฑลส่านซี เกิดที่เหยียนอาน พ่อแม่เป็นนักศึกษา
(น.29) ที่มาร่วมปฏิวัติต่อต้านญี่ปุ่น ตนจึงได้ชื่อเช่นนี้ (แปลว่า การปกครองเหยียนอาน)
ชาวเหยียนอานส่วนใหญ่ยังต้องใช้น้ำฟ้า ไม่มีน้ำชลประทาน บางแห่งพยายามเก็บน้ำฝนไว้ใช้ และยังพยายามทำเขื่อนกั้นดินไม่ให้แม่น้ำหวงเหอกัดเซาะ
ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวราว 600,000 คน มีชาวต่างประเทศเพียง 2,000 คนเท่านั้น หวังว่าต่อไปมีทางด่วนย่นระยะเวลาเหลือ 3 ชั่วโมง จะมีคนมามากขึ้น
เขาเอาเหล้าขาวของเหยียนอานมาเลี้ยง เหล้านี้เรียกว่าเหล้าสุยถังเยี่ยนปินจิ่ว ว่าเป็นเหล้าที่ใช้เลี้ยงแขกในสมัยราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง พูดถึงการรับแขก เขาบอกว่าชาวบ้านแถวนี้ร้องเพลงเก่งและมีน้ำใจงาม เวลารับแขกจะทำอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้
ขณะนี้รัฐบาลท้องถิ่นกำลังวางแผนพัฒนาพื้นที่แถบนี้โดยมีหลักว่า ให้ประชาชนทำนาขั้นบันไดตรงบริเวณที่ความลาดต่ำกว่า 25% ให้ที่ทำนา 2-2.5 โหม่ว ปรับปรุงให้ผลผลิตข้าวมากพอเพียง
จนยอมทิ้งที่ดินที่มีความลาดชันสูงกว่า 25% ให้เป็นที่ปลูกป่าและทุ่งหญ้า การเลี้ยงสัตว์มีแพะ แกะ และวัว เนื้อแพะ แกะที่นี่อร่อย เพราะฉะนั้นเป็นงานที่มีอนาคต
รัฐบาลจะเปลี่ยนทัศนคติของชาวบ้านโดยให้ทุกคนเลี้ยงแพะแกะในคอก จะได้ไม่ไปกินพืชผลเสียหาย ฉันฟังเรื่องนี้แล้วนึกถึงชาวบ้านที่เคยเห็น พวกเขาต้องล้อมรั้วผัก
เพราะเกรงว่าสัตว์เลี้ยงจะมากิน เขาล้อมแพะแกะไม่ได้ เพราะถ้าล้อมแล้วมันจะไปหากินเองไม่ได้ คนที่เลี้ยงต้องให้อาหารเป็นการเพิ่มต้นทุน
ฉันถามถึงการศึกษา คุณหวังเซี่ยบอกว่ามีมหาวิทยาลัยเหยียนอานเป็นมหาวิทยาลัยสอนวิชาทั่วๆ ไป มีสถาบันการศึกษาเฉพาะทาง และโรงเรียนอาชีวะที่พอจะสนองความต้องการของคนที่นี่ได้
(น.30) ด้านการรักษาพยาบาลมีโรงพยาบาลส่วนกลาง และสถานพยาบาลระดับตำบลและหมู่บ้าน
คุณเสริมสงสัยว่าในเวลานี้ต้นแอปเปิ้ลใบโกร๋น ทำไมมีผลแอปเปิ้ลขายอยู่ข้างถนนเต็มไปหมด มาดามฉงจวินบอกว่าเคยเห็นเขาเก็บในห้องใต้ดิน เก็บได้นานถึงปีหนึ่ง นำมาขายนอกฤดูกาลได้ราคาดีกว่าในฤดูกาล
ฉันถามถึงวิธีการในการพัฒนา คุณหวังเซี่ยว่าใช้วิธีชักชวนให้มีผู้มาลงทุนโดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ และอีกประการหนึ่งใช้วิธีเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองในต่างประเทศ
ตอนนี้ได้สร้างความสัมพันธ์กับเมืองหนึ่งในแคว้น Thüringen ประเทศเยอรมนี เขาอยากสร้างความสัมพันธ์กับเมืองในประเทศไทยด้วย
กับข้าวมีหลายอย่าง ฉันบรรยายไม่ถูกเลย เท่าที่จำได้มีเปาะเปี๊ยะสด ข้าวฟ่างต้ม แป้งสิบข้าวฟ่างเหนียว ฟักทองยัดไส้ข้าวปรุงพิเศษ
ถึงเวลาดูการแสดงต้องเดินไปอีกตึก มีผู้ประกาศเสียงแหลมทราบภายหลังว่าเป็นนักร้องเสียงโซปราโน การแสดงมี 8 ชุดดังนี้
1. การโหมโรงก่อนการแสดงงิ้วยังเกอ (เป็นงิ้วพื้นเมือง) มีกลอง ฉาบ ล่อโก๊ะ ขลุ่ยที่เป่าข้างๆ แตร ขลุ่ยเล็กๆ กรับ เสียงดังสนั่น
2. ระบำผู้หญิง 9 คนแสดงการปักผ้าแดงด้วยไหมทองซึ่งเปรียบเสมือนคำพูดที่เขียนว่าประธานเหมาสอนเราให้ทำการผลิตชีวิตจึงดีขึ้น สุดท้ายแสดงป้ายมีอักษรเขียนใจความว่า ให้ประชาชนมีชีวิตใหม่
3.เดี่ยวขลุ่ยที่เป่าข้างๆ ประกอบวงดนตรี ทำนองเพลงชื่อ อู๋ปั๋งจื่อ
4.ระบำรองเท้าแดง มีผู้หญิงใส่รองเท้าแดง กางร่มแดง มีผู้ชายวิ่งตาม 6 คน ผู้หญิงปารองเท้าให้ผู้ชายแย่งกันเอามาใส่
5.เพลงหนานหนีวาน เป็นเพลงสมัยปฏิวัติ เพลงซิงซางเกาหยวน เป็นเพลงกล่าวถึงชาวบ้านหักร้างถางพง
(น.31)
รูป 25 ถ่ายรูปกับคณะนักแสดง
A photograph taken with the performers.
(น.31)
6.ปี่สั่วน่า ประกอบการแสดง พี่ชายที่เป็นทหารกองทัพแดงกลับมา มีสาวๆ เต้นไปเต้นมา ประเดี๋ยวมีหนุ่มมาถึงก็อุ้มกันเป็นคู่ๆ
7.ร้องเพลงสามีภรรยาเรียนหนังสือ ถามกันว่าตัวนี้อ่านเขียนอย่างไร แสดงนโยบายท่านประธานเหมา ให้ชาวบ้านรู้หนังสือ
เพลงสามีภรรยาพูดกันเรื่องดอกไม้ ถามตอบกันว่าเดือนนั้นเดือนนี้มีดอกอะไร
8.กลองเอวจากเมืองอานไซ่
ถ่ายรูปหมู่กับนักแสดงเป็นอันจบรายการ
(น.32) เรื่องหวงตี้ที่ประพจน์บอกว่าสำคัญทางวัฒนธรรม แต่ว่าไม่ได้เป็นเรื่องประวัติศาสตร์นั้น ความคิดเรื่องประวัติศาสตร์แต่ละยุคแต่ละสมัยก็แตกต่างกัน เมื่อมีเรื่องทำนองนี้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องประเพณีที่ขยายความเล่าสู่กันฟังได้ แต่ไม่วิเคราะห์วิจารณ์
ปกรณ์ค้นคว้าหนังสือและเล่าว่าหวงตี้เป็นหนึ่งในสามบูรพกษัตริย์ (ซานหวง) อีกสองคือ ฝูซีและเสินหนง และเป็นอันดับแรกของ 5 มหาราชันย์ (อู่ตี้) ยังไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความมีอยู่จริงของราชาเหล่านี้ และหนังสือบางเล่มก็เรียงลำดับไม่เหมือนกัน
หนังสือสื่อจี้ของซือหม่าเชียนบันทึกว่า หวงตี้ แซ่จี้ ชื่อซวนหยวน เป็นผู้รวบรวมชนเผ่าต่างๆ ของจีนมารวมกันเป็นประเทศได้เป็นครั้งแรก ทั้งยังพัฒนาเศรษฐกิจทั้งด้านการเกษตรและงานช่างฝีมือ
สร้างวัฒนธรรม เช่น สร้างตัวอักษร ทำเครื่องนุ่งห่ม ระบบปฏิทิน คิดตัวเลข สร้างพาหนะ สอนให้ประชาชนเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ชาวซานตงก็เชื่อว่า หวงตี้เป็นชาวซานตง (ตามขงจื่อ)
พวกที่เชื่อว่าหวงตี้มีสุสานอยู่ส่านซีก็อ้างสื่อจี้ว่า ฝังไว้ที่เฉียวซาน ถึงจะไม่ทราบชัดว่าเฉียวซานอยู่ไหน ก็พอจะโมเมว่าเฉียวซานใกล้เสียนหยางซึ่งเป็นเมืองหลวง ศูนย์กลางวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ฉิน
ต่อมาเริ่มมีความหวังว่าหวงตี้มีตัวตนจริง คือ ใน ค.ศ. 1973 มีการพบคัมภีร์หวงตี้ในสุสานหม่าหวังตุยที่เมืองฉังซา แต่งานนี้ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นของหวงตี้จริงๆ และหม่าหวังตุยอยู่ในสมัยฮั่นซึ่งเป็นสมัยหลังอีกนาน
สุสานนี้คงเพิ่งมีกระแสความเชื่อแพร่หลายในราชวงศ์ชิง มีข้าหลวงไปตรวจและสลับป้ายว่าเป็นสุสานหวงตี้ มณฑลส่านซีก็เพิ่งเปลี่ยนชื่อสุสานนี้เป็นหวงตี้หลิงเมื่อ ค.ศ. 1932
การบูชามีสมัยราชวงศ์ฮั่น และย้ายศาลเจ้าสมัยราชวงศ์ซ่ง ความโดดเด่นของสถานที่อยู่ที่ไม้สน (ปั๋ว) โบราณที่มีอยู่ถึงประมาณ 82,000 ต้น ต้นใหญ่ที่สุดสูง 20 เมตร เส้นรอบวงที่โคนต้น 11 เมตร เชื่อว่าหวงตี้ปลูกเอง
(น.33) ง่วงแล้วจ๊ะ พรุ่งนี้จะดูศูนย์บัญชาการของพรรคคอมมิวนิสต์และจะรวบยอด เล่าเรื่องความสำคัญของเหยียนอานในการปฏิวัติ
ป.ล. ตู่ (จินตนา) จดเนื้อหาในนิทรรศการไว้ให้ 10 หน่วย ดังนี้
1. การก่อตั้งฐานปฏิบัติการในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ
มีการแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของนักปฏิวัติรุ่นเก่า เช่น หนังสือ เครื่องเขียนและหมวกของหลีจื่อโจว ของใช้ของหลิวจื้อตาน เช่น ที่ฝนหมึก เข็มขัด อานม้า ของใช้ของเซี่ยจื่อฉัง เช่น แว่นตาและปืน เป็นต้น
2.ทหารแดงเดินทัพไกลถึงมณฑลส่านซีตอนเหนือ
มีการแสดงสิ่งของ เครื่องใช้ของทหารแดงที่ใช้ขณะเดินทัพไกล เช่น เครื่องพิมพ์ หีบลูกปืน รองเท้าฟาง ถุงใส่เสบียง ชามที่ทำจากไม้ไผ่ นอกจากนี้ยังมีกระปุกใส่ใบชาของจังกุยเซิง เข็มขัดหนังของโจวเกินซาน
3. การก่อตั้งแนวร่วมสงครามต่อต้านญี่ปุ่นโดยชนชาติจีน
มีการแสดงโต๊ะเล็กๆ ที่ใช้วางบนคั่งที่เหมาเจ๋อตงเคยใช้เมื่อ ค.ศ. 1936 ถ้วยชามที่โจวเอินไหลเคยใช้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของเครื่องใช้ของทหารแดง เช่น ฆ้องทองแดง ที่เสียบผมทองแดง
4. เหยียนอาน กองบัญชาการสงครามต่อต้านญี่ปุ่น 8 ปี
มีการแสดงเหรียญตรา เครื่องแบบของทหารปาลู่จวินที่ดัดแปลงมาจากเครื่องแบบของทหารแดง มีภาพถ่ายเหมาเจ๋อตงกำลังเขียนหนังสือเรื่อง วิพากษ์สงครามยืดเยื้อ ประชาธิปไตยใหม่ แสดงหนังสือทั้งสองเล่มที่ตีพิมพ์ในปีต่างๆ กัน
5. เขตชายแดนมณฑลส่านซี กานซู่ หนิงเซี่ย การก่อตัวของจีนใหม่
(น.34) มีการแสดงบัตรประจำตัว ตราประทับ ธง ของเขตปกครองชายแดนส่านซี กานซู่ หนิงเซี่ย ลูกคิดที่นักเรียนประดิษฐ์จากเม็ดลูกท้อ กล่องปฐมพยาบาลของโรงพยาบาลกลาง
6. มหาวิทยาลัยถ้ำสร้างวีรบุรุษ
แสดงสถานศึกษาต่างๆ ในเหยียนอาน เช่น มหาวิทยาลัยการทหารและการเมืองเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยสตรี สถาบันศิลปะวรรณกรรมหลู่ซวิ่น เป็นต้น และนำบทเรียนสมุดบันทึกของนักเรียนมาแสดง
7. การยืนหยัดด้วยตนเองเพื่อชัยชนะ
แสดงผลิตภัณฑ์ที่โรงงานในเหยียนอานผลิต เช่น กระดาษ สบู่ ผ้า ของที่ใช้ในการทำสงคราม เช่น ลูกกระสุน ลูกระเบิด
8. การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในพรรคคอมมิวนิสต์ที่เหยียนอาน หล่อหลอมจิตวิญญาณ คอมมิวนิสต์จีน เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อศึกษาและปฏิบัติเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ของสมาชิกพรรค
แสดงงานเขียนและหนังสือลัทธิมาร์กซิสม์ หนังสือและบทความที่บรรดาสมาชิกพรรคศึกษา ผลงานเขียนของนักเรียน
9. การต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย
แสดงเครื่องใช้ของทหาร เช่น อาวุธ กล้องส่องทางไกล กล่องใส่อาหาร อ่างล้างหน้า ผ้าห่ม เสื้อหนาว เป็นต้น
10. การเปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่ส่านซีตอนเหนือ และได้รับชัยชนะในที่สุด
แสดงเครื่องใช้นักปฏิวัติ เช่น กระปุกใส่ใบชา กล้องส่องทางไกล เครื่องโทรศัพท์ของเหมาเจ๋อตง ไม้เท้าของเหรินปี้สือ (ช่วงที่ใกล้จะรบชนะก๊กมินตั๋ง 4-5 ปี เหรินปี้สือเป็น 1 ใน 3
ผู้นำสำคัญของฝ่ายคอมมิวนิสต์ พอเพิ่งจะชนะ ค.ศ. 1950 ก็ตาย จึงไม่ได้มีอำนาจต่อมา ไม่ถูกวิจารณ์) ผ้าห่มที่เหมาเจ๋อตงมอบให้หวังหย่ง ทหารรักษาความปลอดภัย เน้นสภาพชีวิตยากลำบากสมัยสงครามและน้ำใจที่ผู้บังคับบัญชามีต่อทหารผู้น้อย