Please wait...

<< Back

" หวงเหออู่อารยธรรม วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2543 "

(น.225) จดหมายฉบับที่ 12

(น.226) โรงแรมหยุนกั่ง นครต้าถง มณฑลซานซี
วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2543
ประพจน์ ตื่นมาแต่มืดอีกแล้ว วันนี้หลังอาหารเช้าเวลา 08.00 น. ออกเดินทางไปดูกำแพงโบราณของเมืองโบราณผิงเหยา ซึ่งค่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอผิงเหยา เดินทางถึงเวลา 09.30 น. เมืองผิงเหยาโบราณนี้ได้รับการประกาศชื่อให้เป็นมรดกโลกใน ค.ศ. 1997

(น.226)


รูป 167 เด็กๆ ต้อนรับหน้าเมืองโบราณผิงเหยา
Children greeting in front of the ancient city of Ping yao.

(น.227) กำแพงนี้เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเซวียนหวัง (827-782 ปีก่อนคริสต์กาล) ราชวงศ์โจวตะวันตก แต่สมัยนั้นมีขนาดเล็ก ก่อด้วยดินเหนียวมาถึงสมัยราชวงศ์หมิง ปีที่ 3 ในรัชสมัยจักรพรรดิหงอู่ (ค.ศ. 1370) ได้ปรับโครงสร้างใหม่ และซ่อมแซมในสมัยราชวงศ์ชิงอีกหลายครั้ง จนเหมือนกับที่เห็นอยู่ตอนนี้ แม้ว่าจะมีอายุถึง 630 ปีแล้ว ก็ยังแข็งแรง กำแพงนี้ยาว 6.4 กิโลเมตร ส่วนความสูงนั้นตามเอกสารว่า กำแพงสูง 10 เมตร เชิงเทิน 2 เมตร รวมเป็น 12 เมตร สร้างตามหลัก “สร้างกำแพงให้สูง สะสมเสบียงให้มาก” มีช่องสี่เหลี่ยมสำหรับส่องดูข้าศึกทั้ง 4 ทิศ ทั้งหมด 3,000 ช่อง มีป้อมบนกำแพง 72 แห่ง นัยว่าสร้างเท่าตัวเลขของศิษย์เอกขงจื่อ 72 คน และศิษย์ทั่วไป 3,000 คน

(น.227)


รูป 168 กำแพงเมือง
City wall.

(น.228)


รูป 169 ศาลาบนกำแพง
Pavilion on the wall.

(น.228) กำแพงเมืองมี 6 ประตู ทิศเหนือและใต้ ทิศละหนึ่งประตู ทิศตะวันออก และทิศตะวันตกทิศละ 2 ประตู จะสร้างประตูไม่ตรงกันเพราะแถวนี้ใกล้ที่ราบสูงหวงถู่ ลมจะพัดแรงมากถ้าประตูตรงกัน ภายในตัวกำแพงสร้างกับดักข้าศึก มีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมเหมือนอ่างน้ำ เมื่อหลอกต้อนข้าศึกเข้าไปแล้วก็ปิดประตู เหมือน “ปิดประตูตีสุนัข” (เหมือนที่คนไทยเรียกว่า “ปิดประตูตีแมว” ทำไมต้องเป็นสัตว์คนละชนิดก็ไม่ทราบ) หรือ “จับเต่าในอ่าง” มีอาวุธรูปร่างเป็นแท่งมีหนาม ชักรอกลงมาทับข้าศึก อีกวิธีคือ เปิดน้ำมาท่วมศัตรู เขาบอกว่าในเมืองจีนมีเมืองอ่างแบบนี้ 6 แห่ง บนกำแพงมีศาลา 3 ชั้น สูง 16 เมตร กระเบื้องเชิงชายทำเป็นรูปสัตว์ประจำทิศ มีป้อมสำหรับดูข้าศึก ขึ้นไปดูบนศาลานี้เขาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องเมืองผิงเหยา ชั้นล่างมีที่ขายของและมีแผนที่โบราณ รูปอาวุธโบราณ เป็นรถหนามสำหรับชนข้าศึก ชั้นที่ 2 มีรูปถ่ายโบราณสถานระดับชาติ ที่โดดเด่นที่สุดคือ เป็นแหล่งกำเนิดธุรกิจการเงินหรือการธนาคารยุคแรก (ภาษาจีนเรียกว่า เพี่ยวเฮ่า) ร้านแรกที่ทำธุรกิจเช่นนี้คือ ร้านรื่อเซิงชัง (พระอาทิตย์ขึ้นและรุ่งเรือง) ในสมัยราชวงศ์ชิง รัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวาง ปีที่ 3 (ค.ศ. 1823) ขณะนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์

(น.229) ขึ้นชั้นที่ 3 ดูทิวทัศน์เมืองเก่า ภายในกำแพงเมืองผิงเหยานั้นมีเนื้อที่ 2.25 ตารางกิโลเมตร สร้างตามแบบแปลนเดิมของชาวจีน ตัวเมืองมีอาคารสูงเป็นศูนย์กลาง ถนนหลัก 4 สาย ถนนเล็ก 8 สาย และตรอกซอยอีก 72 ซอยที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคดและทะลุถึงกันได้ บ้านประชาชนสร้างเป็นระเบียบ เป็นบ้านจีนโบราณชั้นเดียวหรือสองชั้น ก่อด้วยอิฐ มีจำนวน 3,797 หลัง ปลูกล้อมลานบ้านสี่เหลี่ยม บางแห่งเป็นบ้านถ้ำแบบชนบท (เหมือนที่เหยียนอานกระมัง) นอกจากนั้นมีศาลเจ้าและวัดหลายแห่ง มีร้านเก่าแก่สองข้างถนนที่เป็นย่านธุรกิจ ลักษณะชัยภูมิที่นี่คนอธิบายบอกว่าเหมือนเต่า เขายังเก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม ไม่ทำลายของเก่า ถ้าจำเป็นต้องสร้างอะไรใหม่ก็ไว้นอกกำแพง สมัยก่อนมีเมืองลักษณะนี้เป็นพันๆ เมือง แต่เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว เขาคุยว่า เหลือที่นี่เพียงเมืองเดียว แต่มีหนังสือบอกว่าทั้งหมดมี 4 เมือง แล้วคล้ายๆ กับเมืองโบราณ Aigues-mortes ที่ฉันไปดูตอนไปดูงานเกษตรที่ฝรั่งเศสเมื่อต้นเดือนนี้ เดินรอบกำแพงใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า

(น.229)


รูป 170 ทิวทัศน์มองจากศาลาบนกำแพง
View from the pavilion on the wall.

(น.230) เขาว่ายังมีเวลาอยู่จึงจะไปได้อีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตระกูลเฉียว เป็นที่เขาไปถ่ายหนังเรื่อง Red Lantern อยู่ที่ตำบลตงกวน อำเภอฉี ห่างจากเมืองไท่หยวน 54 กิโลเมตร ตระกูลเฉียวเป็นตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งด้วยการค้าขายและมีบริษัทเงินทุน บ้านของตระกูลเฉียวมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบซื่อเหอเยี่ยน ประกอบเข้าด้วยกัน 6 ผัง กลุ่มสถาปัตยกรรมนี้เมื่อมองจากที่สูงจะเป็นรูปตัวอักษรจีน 喜(สี่) 2 ตัวคู่กัน เรียกกันว่า ซวงสี่ หรือ ซังฮี่ (ซังฮี้) ในภาษาจีนแต้จิ๋ว ซวง (ซัง) แปลว่า คู่ สี่ (ฮี่) แปลว่า ดีใจ ปีติยินดี รั้วที่ล้อมบ้านนั้นสูง 10 เมตร ส่วนประกอบอาคารทั้งข้างนอกและข้างใน นับตั้งแต่บันได หลังคา ระเบียง เสาหิน เสาไม้ ผนัง เพดาน ประตู หน้าต่าง ล้วนสลักและเขียนภาพเป็นลายมงคลต่างๆ การกั้นห้องถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ธรณีประตูเข้าในอาคารแต่ละชั้นสูงฟุตหนึ่ง เพื่อกั้นไม่ให้ทรัพย์สินไหลออกมาข้างนอก เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู เท้าจะเหยียบบนหินกองใหญ่ ตามตำรามงคลที่ว่า เท้าเหยียบถึงดิน อาคารด้านในที่ผู้เป็นใหญ่ในสกุลอยู่จะสูงกว่าข้างนอก คนใช้ต้องอยู่ต่ำกว่า เว้นพวกยามที่อยู่ที่ป้อมเหนือกำแพง

(น.230)


รูป 171 บ้านตระกูลเฉียว
Qiao family's house.

(น.231)


รูป 172 บ้านตระกูลเฉียว
Qiao family's house.

(น.231) บ้านหลังนี้ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมแบบจีนเหนือ ในสมัยราชวงศ์ชิงตั้งแต่ ค.ศ. 1986 คณะกรรมการอำเภอฉีใช้เป็นที่จัดพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน อาคารหน้า 4 หลังจัดเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน อีก 5 หลังแสดงของมีค่าของตระกูลเฉียว อีก 6 หลังจัดแสดงประวัติและข้อมูลเกี่ยวกับบ้านตระกูลเฉียว สองข้างประตูติดตุ้ยเหลียนเป็นคำมงคลคำสอนของบรรพบุรุษ มักเป็นลายมือขุนนางผู้ใหญ่สมัยราชวงศ์ชิง เช่น ตุ้ยเหลียนที่เขียนไว้ที่ประตูใหญ่ มีใจความว่า บุตรหลานฉลาด มีความสามารถ มีคุณธรรม บ้านก็จะรุ่งเรือง พี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน ครอบครัวจึงจะร่ำรวยได้ ตุ้ยเหลียนนี้เป็นลายมือของหลี่หงจังซึ่งเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ดูแลกิจการด้านทะเล มีนโยบายจะสร้างชาติจีนให้เข้มแข็งโดยกำลังทางเรือ แต่รัฐบาลไม่มีงบประมาณให้ เขาจึงคิดขอเงินอุดหนุนจากคหบดีทั้งหลาย ขณะนั้นตระกูลเฉียวมีความมั่งคั่ง มีบริษัทการเงินถึง 2 บริษัทคือ ต้าเต๋อทงและต้าเต๋อเหิง มีสาขาทั่วประทศ จึงบริจาคเงินแสนตำลึงให้หลี่หงจัง และได้ตุ้ยเหลียนคู่นี้มา เมืองไทยก็เป็นแบบนี้ ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบอกบุญให้คนบริจาคเงินซื้อเรือรบหลวงพระร่วง สมัยหลังนี้มีการเรี่ยไรพร่ำเพรื่อ ก็มีคนไม่กี่กลุ่มต้องจ่ายเงินซ้ำซากเป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน เมื่อหลายปีมาแล้วฉันติดต่อจะขอซื้อของจากบริษัท ยังไม่ทันจะซื้อ ก็โดนสวดมาว่าจะมาแต่เอาแต่ขอ โดนแบบนี้บริษัทจะล่ม ต้องบอกว่าบริษัทจะเจ๊งก็เพราะไม่รู้จักดูแลลูกค้า ปฏิบัติต่อลูกค้าแบบนี้

(น.232)


รูป 173 บ้านตระกูลเฉียว
Qiao family's house.

(น.232) ขอเล่าเรื่องตระกูลเฉียวต่อ เจ้าของบ้านตอนที่มั่งคั่งชื่อ เฉียวจื้อยง อยู่ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง นอกจากทำเรื่องการเงินแล้วยังขายธัญพืชทั่วประเทศจีนและเลยไปถึงรัสเซีย ถึงรุ่นที่ 7 ธุรกิจก็ล้มเหลว ค.ศ. 1937 ลูกหลานกระจัดกระจายไปอยู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และยูนนาน เขาว่าถึงแม้เจ้าของบ้านไม่อยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครมาทำลายบ้านเพราะถือว่าเป็นตระกูลคนใจบุญ (มีอักษรจารึกที่บ้านนี้ว่าการทำบุญทำให้มีความสุขที่สุด) อย่างไรก็ตามส่วนที่ลูกชายใหญ่อยู่ถูกทำลายตอนปฏิวัติวัฒนธรรม ภาพยนตร์ Red Lantern ที่ถ่ายทำที่นี่ฮิตมาก มีคนแปลเป็นหลายภาษา ละครทีวีของไทยก็เคยมี ที่มีคุณนายหลายๆคน จนใครๆ คิดว่าบ้านตระกูลเฉียวเป็นแบบนี้ ไกด์แก้แทนให้ว่าไม่เป็นความจริง ที่จริงบ้านตระกูลเฉียวมีกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่ค่อนข้างเข้มงวดคือ
1. ห้ามมีภรรยาน้อย
2. ไม่ทรมานคนรับใช้
3. ไม่เที่ยวโสเภณี
4. ไม่สูบฝิ่น
5. ไม่เล่นการพนัน
6. ไม่ดื่มสุราเมา

(น.233) ตอนที่เดินดูบ้านด้านบนดาดฟ้าขึ้นไปแล้วเห็นทิวทัศน์ดีมาก มีห้องเก็บของสำหรับเก็บสินค้าคือข้าวสาร ผ้าไหม และใบชา ห้องนอนมีเตาคั่งที่ฉันเคยบรรยายไว้ในหนังสือ เกล็ดหิมะในสายหมอก บนหลังคามีปล่องไฟทั้งหมด 140 กว่าปล่อง แต่ละปล่องมีรูปร่างไม่เหมือนกันเลย ปลายท่อระบายน้ำบนหลังคาทำเป็นรูปสัตว์ มีลักษณะประหลาดๆ เหมือนกับเครื่องประกอบสถาปัตยกรรม (ปลายท่อน้ำบนหลังคาเหมือนกัน) โกธิคยุคกลางที่เรียกภาษาอังกฤษว่า gargoyle ฉันไม่ทราบว่าทำไมมาเหมือนกัน บนหลังคามีรูปสัตว์คล้ายมังกรที่ตอนไปเจียงหนานเขาอธิบายว่า ถ้าเป็นบ้านข้าราชการต้องทำสัตว์เปิดปากเพราะต้องพูดจา รับช่วยประชาชน แต่ถ้าเป็นข้าราชการนอกราชการหรือพ่อค้าจะต้องปิดปาก แต่บ้านนี้เป็นบ้านคหบดีทำไมทำเปิดปาก ฉันถามขึ้นเขาบอกว่าที่ซ่อมทำผิด อาทิตย์หน้าจะทำให้ปิดปาก

(น.233)


รูป 174 หลังคาบ้านตระกูลเฉียว
Roofs of the Mansion.

(น.234) จากที่นี่นั่งรถกลับโรงแรมอิ๋งเจ๋อ ตอนกลางวันมีผู้ว่าราชการมณฑลซานซีมารับ วันนี้เป็นวันแรกที่พบกับบุคคลระดับผู้ว่าราชการมณฑลแรกที่เลี้ยง เพราะการประชุมเสร็จพอดี ท่านผู้ว่าราชการกล่าวต้อนรับในนามของประชาชน 30 ล้านคนของมณฑล ท่านบอกว่าเพิ่งกลับจากการประชุมที่ปักกิ่ง เมื่อเช้านี้เอง ท่านได้เห็นในโทรทัศน์ว่าได้พบพูดคุยกับประธานาธิบดี ท่านว่ากำหนดการเดินทางของฉันแน่นมาก เพิ่งมาถึงก็ได้ไปกำแพงเมืองผิงเหยาและบ้านตระกูลเฉียวแล้ว ที่จริงอยากให้มาอยู่หลายๆ วัน เพราะมณฑลซานซีเป็นบ่อเกิดอารยธรรมจีน มีแหล่งโบราณสถานมากมาย ทางเหนือของมณฑลที่จะไปดูมีถ้ำหยุนกั่ง ภูเขาเหิงซาน (เป่ยเอี้ย) ซึ่งเป็นเขาสำคัญหนึ่งใน 5 ของจีน ทางใต้มีเจดีย์โบราณสร้างด้วยไม้ มีภูเขาอู่ไถซาน ศาลเจ้ากวนอู (เป็นบ้านเกิดของกวนอู) ทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจ มีน้ำตกหูโข่วในอำเภอจี๋ รับประทานอาหารกลางวันแล้ว เดินทางไปนครต้าถง ระหว่างทางรถหยุด ได้ความว่ารถขนกระเป๋าเสีย สักครู่แล่นต่อ ภูมิประเทศเป็นแท่งดินคล้ายๆ ที่บ้านเราเรียกว่า แพะเมืองผี หยุดเข้าห้องน้ำระหว่างทางที่ปั๊มน้ำมันแล้วเดินทางต่อ ข้างทางยังมีหิมะแล้วน้ำเป็นน้ำแข็งอยู่เลย ถึงโรงแรมหยุนกั่ง ตั้งทุ่มกว่าแล้ว โรงแรมดีอีกเหมือนกัน เขาให้รับประทานกันเอง เมื่อรับประทานแล้วออกไปที่ร้านขายของ ซื้อกระดาษตัดเพราะได้ยินใครเล่าว่าเมืองนี้มีชื่อ เห็นเขารุมกันซื้อเสื้อสเว็ตเตอร์ จะดูให้ผ้าแพร (เด็กหญิงนิติเพ็ญ) ก็ไม่มีตัวเล็กๆ จะซื้อให้ประพจน์ก็รู้สึกจะพ้นหน้าหนาวแล้ว ก็ไม่ได้เข้าไปซื้อกับเขา เห็นเขาว่าถูก ตัวละ 300 หยวนเท่านั้น ตอนดึกมีรายการเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ไต้หวัน มีคนเชื้อจีนชาติต่างๆ แสดงความคิดเห็นที่เฉินสุยเปี่ยนได้ ง่วงเต็มที