Please wait...

<< Back

" เจียงหนานแสนงาม วันอังคารที่ 6 เมษายน 2542 "


(น. 120) รูป 98 สุสานซุนยัดเซ็น อาคารที่เขียนคำว่า เทียนเซี่ยเหวยกง
Dr. Sun Zhongshan's Mausoleum. There is a sign saying "Tian xia wei gong".

(น. 121) อาคารประธานเป็นรูประฆังสี่เหลี่ยมแบบจีน เป็นเครื่องเตือนสติว่าประชาชนต้องต่อสู้ต่อไป หลังอาคารประธานเป็นโดมกลมเป็นที่ฝังศพ ดร.ซุนซัดเซ็นเป็นผู้เลือกสถานที่นี้เอง ครั้งหนึ่งมาล่าสัตว์กับนายทหารคนสนิท ขณะนั้นบนภูเขามีต้นไม้ไม่มากเหมือนในปัจจุบัน มีแต่หญ้าขึ้น ดร.ซุนได้บอกคนสนิทว่าให้ขอแผ่นดินผืนนี้จากประชาชนเพื่อเป็นที่ฝังศพ และเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยในพินัยกรรม หลังจากดร.ซุนซัดเซ็นถึงแก่กรรมใน ค.ศ. 1925 แล้ว รัฐบาลจีนคณะชาติก็เริ่มก่อสร้างใน ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1929 จึงย้ายศพมาที่นี่ รวมเวลาสร้าง 3 ปีในพื้นที่ 2,000 โหม่ว หรือประมาณ 833 ไร่ ผู้ออกแบบชื่อ หลี่เอี้ยนจื๋อ ขณะนั้นอายุ 32 ปี เป็นแบบที่ประกวดชนะ แบบอื่นๆ ก็ยังเก็บรักษาไว้ในหอสมุด หลี่เอี้ยนจื๋อเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วยตนเอง ไม่ทันแล้วเสร็จ เขาก็เป็นวัณโรคเสียชีวิตไปก่อน บันไดทางขึ้นจากหอป้ายมองเห็นแต่ขั้นบันได ไม่เห็นชานพัก แต่เมื่อมองจากด้านบนลงมาเห็นเป็นชานพักต่อกัน ไม่เห็นบันได


(น. 122) รูป 99 ขึ้นไปเห็นแต่ขั้นบันได
On the way up to the main building I only saw a flight of steps.

(น. 122) อาคารประธานมีรูปสลักหินอ่อนอยู่กลาง มีป้ายแบบศาลเจ้าแต่ทำเป็นแผ่นทองเหลืองบอกให้คนเงียบๆ และให้ความเคารพ รอบๆ อาคารมีคำจารึกนโยบายสร้างชาติของประธานาธิบดีซุนยัดเซ็น ก่อนเข้าอาคารก็มีตัวอักษรจารึกลัทธิไตรราษฎร์ไว้ ได้แก่ ชาตินิยม เสรีสังคมนิยม และประชาธิปไตย เหนือขึ้นไปเป็นลายมือท่านซุนยัดเซ็นเขียนว่า เทียนตี้เจิ้งชี่ แปลตามศัพท์ว่า อำนาจชอบธรรมแห่งฟ้าและดิน คำว่า เจิ้งชี่ เป็นคำที่ชาวจีนใช้ในความหมายว่า ถูกต้องชอบธรรม และเนื่องจากชาวจีนเชื่อในอำนาจแห่งฟ้าและดินที่จะบันดาลความถูกต้องชอบธรรมแก่มวลมนุษย์ วลี เทียนตี้เจิ้งชี่ จึงเป็นคำกล่าวที่ชาวจีนเชื่อถือและพูดกันติดปาก (เทียน = ฟ้า ตี้ = ดิน แผ่นดิน)


(น. 123) รูป 100 ที่ฝังศพซุนยัดเซ็น
The tomb of Dr.Sun Zhongshan.

(น. 123) ส่วนเก็บศพเป็นหลุมลึกลงไป ใส่หีบหินอ่อนทำรูปดร.ซุนยัดเซ็นนอนอยู่ ฝีมือช่างเชโกสโลวะเกีย ศพจริงฝังลึกลงไปอีก 5 เมตร แต่แรกเตรียมใส่โลงกระจก แต่โลงกระจกที่ทำมาจากรัสเซียรั่ว ทำให้หน้าเริ่มเน่า จึงต้องฝังธรรมดา ที่จริงข้าพเจ้าคิดว่า ฝังธรรมดาหรือเผาศพดีกว่า ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย จะระลึกถึงบุคคลควรระลึกถึงคุณงามความดี ปัญหาคือเรื่องข่าวลือ มีคนพูดว่าญี่ปุ่นย้ายเอาศพไป หรือเจียงไคเช็กขุดเอาไปไต้หวัน แต่ทหารคนสนิทยืนยันว่าไม่มีใครเอาไปไหน เขามารับอาสาเฝ้าศพอยู่ที่นี่นานแล้ว (เขาเพิ่งเสียชีวิต) ศพฝังในหีบทองแดงทำในสหรัฐอเมริกา สมัยญี่ปุ่นขึ้น ญี่ปุ่นมาที่สุสาน มีการยิงกัน ยังมีรอยกระสุนอยู่บนกระถางกำยานใบใหญ่ กระถางใบนี้เลยกลายเป็นที่นักท่องเที่ยวบริจาคเงิน ทหารญี่ปุ่นเห็นว่าทำเลที่นี่ยากแก่การรักษา น่าจะทำลาย และอีกอย่างหนึ่งถือเป็นศูนย์รวมจิตใจคนจีน น่าจะทำลายให้ย่อยยับ แต่ดร.ซุนยัดเซ็นเป็นผู้ที่มีคนรู้จักมากทั่วโลกและเคยไปเรียนที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงไม่ทำลายสุสานเพราะกลัวถูกประณาม

(น. 124) ยอดเขานี้สูง 448 เมตร สุสานสูง 158 เมตร มีต้นไม้ขึ้นโดยรอบ ปลูกสนที่นำพันธุ์มาจากอินเดีย เมื่อขึ้นไปข้างบนเห็นทัศนียภาพเมืองนานกิง ถือเป็นหนึ่งใน 14 ทัศนียภาพสำคัญที่รัฐบาลได้ประกาศใน ค.ศ. 1992 ในวันที่ 12 มีนาคมอันเป็นวันถึงแก่อสัญกรรม และวันที่ 12 พฤศจิกายน อันเป็นวันเกิด จะมีคนมาเคารพศพมาก นักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่าปีละ 6 ล้านคน ขาเดินลงแวะซื้อของที่ระลึกตามร้านเล็กๆ แล้วขึ้นรถเดินทางไปที่สวนพฤกษศาสตร์หนานจิง สวนนี้ตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1929 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงดร.ซุนยัดเซ็น มีเนื้อที่ 186 เฮกตาร์ มีพันธุ์ไม้กว่า 3,000 ชนิด ผู้มาต้อนรับชื่อรองศาสตรจารย์กังจงเริ่น เป็นรองผู้อำนวยการสถาบันพฤกษศาสตร์ของสวนพฤกษศาสตร์หนานจิง ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกไม้ต่างๆ เริ่มออกดอกแต่ก็ยังไม่บานเต็มที่ เพราะเพิ่งเริ่มฤดูชุนเทียนหรือฤดูใบไม้ผลิ ที่มีมากคือดอกเฉียงเวยหรือกุหลาบจีน เป็นกุหลาบเลื้อย อิงฮวาหรือซากุระ ได้จากประเทศญี่ปุ่น ออกดอกสีชมพูอ่อนเต็มต้น ไม่มีใบเลย ดอกเหมยสีต่างๆ ดอกกุหลาบอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าเย่ว์จี้ (Rosa chinensis) ต้นท้อชนิดต่างๆ ต้น Apricot ซึ่งภาษาจีนเรียกว่าซิ่งหรือเหง ดอกไห่ถังในสวนนี้ยังไม่ออกดอก เดือนหน้าจึงออกดอก อวี้หลานหรือแม็กโนเลียกำลังออกดอก ดอกวิสทีเรีย (Wisteria sinensis) ดอกสีม่วงอ่อน


(น. 125) รูป 101 ดอกไม้แสดงการเริ่มฤดูชุนเทียน
Various kinds of plants bursting into blossoms to welcome the arrival of the spring.


รูป 102 ดอกเหง
Apricot blossoms (xing).

(น. 126) ในเรือนกระจกมีเนื้อที่ 1,5000 ตารางเมตร เก็บพืชประมาณ 500 กว่าชนิด ทั้งที่เป็นพืชเมืองร้อนและกึ่งร้อน ที่เห็นมีดอกลิลลี่ชนิดต่างๆ เช่น Big Brane Lily, Kafir Lily มีโป๊ยเซียน แต่ไม่ค่อยสวยเหมือนของเรา ดอก Bird of Paradise, Pigmy Date Palm กระบองเพชร ดอก Peony ดอกกุ้ยหลาน เป็นพืชชนิดหนึ่งที่เอาไปปรุงกลิ่นใบชา และยังมีต้นตายใบเป็นหลายชนิด ผู้นำชมบอกว่าชนิดหนึ่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นเอามาให้ นอกจากนั้น มีเฟื่องฟ้า ตู้จวน (Azalea) ต้นงิ้ว ส่วนไม้ใบมีหลายอย่าง เช่น ต้นปรง ข้าหลวงหลังลาย เฟิร์นชนิดต่างๆ ในช่วงนี้ข้างนอกมีการแสดงดอกทิวลิปจากฮอลแลนด์ นอกจากนั้นมีดอกไม้อีกหลายอย่าง เช่น พิทูเนีย แพนซี ดอกเป้าชุน ซึ่งน่าจะเรียกชื่อภาษาไทยว่า ดอกแจ้งวสันต์ (เป้า = แจ้ง ชุน = ฤดูใบไม้ผลิ)


(น. 126) รูป 103 ดอกไม้หลากสี
Colourful flowers.


(น. 127) รูป 104 กระบองเพชรต่างๆ
Different kinds of cacti.


รูป 105 ดอกไม้จากฮอลแลนด์
Tulips from Holland.

(น. 128) ต้นไม้ใหญ่ๆ มีหลายต้น เช่น ต้นหงซานหรือ Redwood ต้นพันธุ์ประธานาธิบดีนิกสันนำมาให้นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล ปลูกเอาไว้ที่หังโจว ต้นนี้ขยายพันธุ์มาปลูก พืชนี้อายุยืนมาก อาจอยู่ได้ 1,000 กว่าปี ที่สหรัฐอเมริกาโตแล้วตายเป็นรูให้รถยนต์แล่นผ่านได้ นอกจากนั้น มีต้นสุ่ยซาน มีแต่ในประเทศจีน นั่งรถแล่นไปอีกบริเวณหนึ่ง เป็นสวนขนาดเล็ก ขนาด 6 เฮกตาร์ สะสมพืชชนิดต่างๆ เป็นที่สอนนักเรียน ให้นักศึกษามาฝึกงาน เมื่อเข้าไปถึงเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถ่ายรูปกันในสวนนี้ ช่วงนี้มีดอกแดฟโฟดิลออก ก็ดูสวยดี ในสวนนี้นอกจากมีทิวลิปแล้ว ยังทำกังหันจำลองเพื่อให้ได้บรรยากาศประเทศฮอลแลนด์ มีต้นไม้อื่นๆ เช่น เหมาอวี้หลานจากญี่ปุ่น ต้นหม่ากั้วหรือต้นเสื้อขุนนาง ต้นกุ้ยฮวา ต้นลั่วอวี่ซาน ขึ้นอยู่บริเวณที่น้ำใต้ดินสูง จึงต้องมีรากขึ้นมาหายใจเอาอากาศ ต้น Taxus chinensis เป็นต้นไม้ที่มีศักยภาพว่าจะสามารถรักษาโรคมะเร็งได้

Next >>