Please wait...

<< Back

" เจียงหนานแสนงาม วันอังคารที่ 13 เมษายน 2542 "

(น. 333) วันอังคารที่ 13 เมษายน 2542
รองผู้ว่าฯ เย่ว์ไปส่งที่สนามบิน บอกว่าจะพยายามพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยให้มีการลงทุนทางอุตสาหกรรมและการส่งออกมากขึ้น การดึงดูดการลงทุนจากภายนอกต้องสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดี เช่น การมีโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งที่นี่มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยม นอกจากนั้นยังบอกข้าพเจ้าว่าตอนเครื่องบินขึ้นอย่าลืมดูบ้านชาวนา ขึ้นเครื่องบินสายการบินเจ้อเจียงไปนครคุนหมิง มองลงมาเห็นบ้านชาวนาที่เป็นแบบเดียวกันมากมาย เครื่องบินลงที่คุนหมิงเวลา 11 นาฬิกาพอดี กงสุล (คุณกมล อรจันทร์) และข้าราชการสถานกงสุลมารับ ไปที่โรงแรมโกลเด้นดราก้อนที่เคยมาพัก แต่เขาตกแต่งใหม่จนจำไม่ได้ ใหญ่โตมโหฬาร คณะสถานกงสุลและคณะที่ร่วมเดินทางกันมารดน้ำสงกรานต์ข้าพเจ้า แล้วรับประทานอาหารกลางวัน หลังอาหารไปพิพิธภัณฑ์ชนกลุ่มน้อย มีคุณเผิงเริ่นตง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของมณฑลยูนนานนั่งรถไปด้วย คุณเผิงเรียนภาษาไทยรุ่นเดียวกับอธิบดีจางจิ่วหวนและกงสุลหลิวหย่งซิง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แสดงเรื่องราวของชนกลุ่มน้อยในมณฑลยูนนาน ซึ่งมีอยู่ 25 ชนเผ่า เช่น ลีซอ เย้า แม้ว (อยู่ไม่ไกลจาก


(น. 334) รูป 223 พิพิธภัณฑ์ชนกลุ่มน้อยยูนนาน
The Nationality Museum, Yunnan Institute of the Nationalities.

(น. 334) คุนหมิง) น่าซี (ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองลี่เจียง) พวกฮาหนีหรืออีก้อ (ที่เหมิงไห่ และสิบสองปันนา) พวกว้าและปู้หลัง (สิบสองปันนา) พวกทิเบต (จงเตี้ยน) จ้วง (หงเหอโจว) เป็นต้น ในตู้มีหุ่นแสดงเครื่องแต่งกายของชนเผ่าต่างๆ เช่น เสื้อผ้าที่ทำจากหญ้าของพวกอี๋ (อยู่ที่ฉู่สง) เสื้อผ้าเปลือกไม้ของพวกฮาหนี เสื้อผ้าฟางของพวกจ้วง เสื้อผ้าหนังสัตว์ของพวกน่าซีและพวกหุย เสื้อผ้าป่านของพวกอี๋ เสื้อผ้าทำด้วยหัวเฉ่า (fireweed) ของพวกไต่ หรือไทย

(น. 335) แสดงกี่ทอผ้าของเผ่าต่างๆ ผ้าลายนานาของพวกไต่ เครื่องมือการทำบาติกแบบยูนนาน มาจากจิ่งหงหรือเชียงรุ่ง พืชต่างๆ ที่ใช้เป็นสีย้อม งานปัก เช่น รองเท้า ผ้าสำหรับสะพายลูก และอื่นๆ เครื่องเงินพื้นเมืองและเครื่องมือทำเครื่องเงิน หน้ากากแบบต่างๆ ส่วนมากใช้ในพิธีกรรม มีรูปถ่ายของพิธีกรรมที่ใช้หน้ากาก มีคำอธิบายเป็นภาษาจีนและอังกฤษ วัสดุที่ทำหน้ากากมีทั้งน้ำเต้า ไม้ กระดาษ หนัง มีหน้ากากเล่นงิ้วของชนเผ่าไต่ การทำพิธีเข้าทรง ภาพหัวเชิดสิงโต มังกร เทพต่างๆ ของพวกเย้า ภาพการทำพิธีโตเป็นผู้ใหญ่ พิธีตรุษจีน พิธีฝังขวัญของพวกจิ่งพอที่เต๋อหง ประตูบ้านของพวกฮาหนี เทวดาเฝ้าหมู่บ้านของพวกปู้หลัง หุ่นไม้รูปชายหญิงของพวกว้าสำหรับสังเวยเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ เครื่องประกอบพิธีที่เป็นเขาควาย เรือนที่บนหลังคาทำเป็นกาแลของพวกเผ่าว้าและฮั่น (จีน) และเรือนของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบต่างกัน


(น. 335) รูป 224 หน้ากากแบบต่างๆ
Various types of masks.



(น. 336) รูป 225 กลอง
A drum.

(น. 336) อุปกรณ์ดนตรีและเครื่องประกอบการแสดงของเผ่าต่างๆ เช่น อุปกรณ์สำหรับเล่นสิงโต กลองเพลในวัดของพวกไต่ ระนาดเหล็กของพวกไต่เอวลาย แคนของพวกแม้ว กลองชุดเป็นแถว 5 ใบของพวกว้า ขึ้นไปชั้นบน มีระฆังชุดและกลองมโหระทึกสำริดของพวกจ้วงและพวกไต่ เครื่องเป่า เช่น ขลุ่ยชนิดต่างๆ เครื่องเป่าทำด้วยน้ำเต้า โหวดดินเผาทำเป็นรูปสัตว์เป่าได้ (โหวดเป็นเครื่องดนตรีที่คล้ายแคนในในอีสานของไทยก็มี) ปี่ มีปี่ที่ลิ้นทำด้วยทองแดง ปี่ของทิเบต แคนแบบต่างๆ

(น. 337) เครื่องสี มีสะล้อหรือซอที่กะโหลกทำด้วยเขาวัว น้ำเต้า และกะลามะพร้าว ซอซึ่งมีลักษณะเหมือนซอด้วงทำด้วยกระดูกม้า ซอหน้าขึงด้วยเปลือกไม้ ซอกระบอกไม้ไผ่ ซอด้วงสามสาย ซอด้วงสี่สาย หน้าซอขึงด้วยหนังงู เครื่องดนตรีประเภทพิณ กลองชนิดต่างๆ และเครื่องประกอบจังหวะ เช่น กลองรูปปลาของพวกจ้วง ฆ้อง ฉาบ ระฆังทิเบต ฉิ่งต่างๆ ภาพการแสดงการเป่าใบไม้ของพวกลีซอ ห้องแสดงตัวอักษรของพวกไต่ อาจารย์เกาลี่ นักวิชาการชาวไป๋มาอ่านหนังสือของพวกไต่ให้ฟัง ภาษาไต่สิบสองปันนาและที่เต๋อหงไม่เหมือนกัน เอกสารที่อ่านเป็นคำสั่งของเจ้าหม่อมคำลือ เจ้าผู้ครองสิบสองปันนาคนสุดท้าย เกี่ยวกับการขุดเหมืองฝายกักเก็บน้ำ มีบางคำที่เราฟังเข้าใจ


(น. 337) รูป 226 ผู้เชี่ยวชาญอ่านเอกสารชนเผ่า
The expert deciphering tribal documents.

(น. 338) มีเรื่องภาษาใบไม้ ซึ่งจะแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น พริก แปลว่า เกลียด เม็ดพริก แปลว่า เกลียดมาก ถ่าน แปลว่า ข่าวฉุกเฉินหรือหมู่บ้านถูกเผา ข้าพเจ้าเขียนรายละเอียดเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ [[ใต้เมฆที่เมฆใต้]] หนังสือรูปภาพพวกผูหมี่ จารึกของพวกไต่ ไปที่ร้านหนังสือ ซื้อหนังสือเกี่ยวกับชนเผ่าต่างๆ ไปนั่งสนทนากัน มีคุณเผิง คุณเก๋อซาง (เป็นคนทิเบต) อธิการบดีสถาบันชนกลุ่มน้อย และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยชนกลุ่มน้อย ข้าพเจ้าถามถึงเรื่องการบริการการศึกษาและการรักษาพยาบาลของพวกชนกลุ่มน้อยในยูนนานในเขตทุรกันดาร คุณเผิงอธิบายว่ามีหมอดูแล ส่วนการศึกษาก็เป็นไปตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการจีน ชนกลุ่มน้อยเรียนในโรงเรียนระดับประถมและมัธยม รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครึ่งหนึ่ง ต้องเรียนภาษาของตนและภาษาจีน ขณะนี้ที่สถาบันชนกลุ่มน้อยมีการสอนภาษาไทยด้วย อาจารย์เจ้าเจียเหวิน อธิการบดีสถาบันชนกลุ่มน้อยกล่าวว่าเขาต้อนรับข้าพเจ้าสามครั้งแล้ว และเล่างานของสถาบันว่าพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ไว้ บุตรหลานของชนกลุ่มน้อยได้เรียนประถมมัธยมและระดับสูงกว่านั้น แต่ยังเข้ามหาวิทยาลัยน้อย ที่สถาบันมีการสอนระดับอนุปริญญาและปริญญาตรี สอนเรื่องประวัติศาสตร์ชนกลุ่มน้อยและอีกหลายสาขาวิชา พยายามสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่มีชนกลุ่มน้อยเหมือนกัน เช่น ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ มีการเปิดสอนวิชาเกี่ยวกับเอเชียตะวันออก สถานกงสุลไทยในคุนหมิงได้มีส่วนช่วย

(น. 339) สนับสนุนพวกอาจารย์ที่สอนภาษาไทยไปเรียนในประเทศไทย หวังว่าเด็กที่เรียนจบมาจะมีโอกาสใช้ภาษาไทยและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยต่อไป ขณะนี้มีการสอนภาษาเวียดนามและภาษาพม่าด้วย จะเปิดสอนภาษาลาวและเขมรต่อไป วิชาพม่า มีอาจารย์พม่ามา แต่เวียดนามยังไม่ได้ส่งอาจารย์มาช่วยสอน กลับโรงแรมมีคนบอกว่าไม่ให้เดินเร็วจะเหนื่อยง่ายและมีคนรู้สึกเหนื่อย ว่าเป็นเพราะอยู่ที่สูง อากาศน้อย แต่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกอะไร ตอนค่ำทางมณฑลจัดงานเลี้ยงให้ตามเคย ผู้ว่าราชการมณฑลหลี่เจียทิงกล่าวต้อนรับแทนประชากรในมณฑล 41 ล้านคน ผู้ว่าราชการฯ กล่าวว่าข้าพเจ้ามาอยู่ที่ยูนนานเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เมื่อ 4 ปีก่อนท่านผู้ว่าฯ ก็มีโอกาสได้ต้อนรับข้าพเจ้า ขอบรรยายเกี่ยวกับยูนนานในรอบสี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1995 มีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 6 ในการประชุมสมัชชาครั้งนั้น สมาชิกได้เสนอความคิดเห็นว่ามณฑลยูนนานจะต้องพัฒนาอุตสาหกรรม 4 ด้านคือ
1. อุตสาหกรรมยาสูบ ต้องผลิตมากขึ้น ขณะนี้ผลิตได้ 40% ของผลผลิตทั่วประเทศ และส่งออกได้ 45%
2. การพัฒนาทรัพยากรชีวภาพ กำหนดให้มี 18 โครงการสำคัญ ทุกวันนี้บางโครงการพัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอควรแล้ว เช่น โครงการ ดอกไม้สด ผลิตได้ 600 ล้านดอก ถือเป็นหนึ่งในสามของการผลิตทั่วประเทศ ฉะนั้นควรจะพัฒนาในด้านนี้เพื่อเพิ่มพูนรายได้ของประเทศให้มากขึ้น


(น. 340) รูป 227 งานเลี้ยงอำลา
Farewell dinner.

(น. 340)
3. การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวของยูนนานอาศัยทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงาม โบราณสถานที่น่าสนใจ และประเพณีหลายหลากของชนกลุ่มน้อย ถือได้ว่ามีทรัพยากรท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ที่สุดมณฑลหนึ่ง เมื่อปีที่แล้วในบรรดา 31 มณฑลและนครของประเทศรวมกัน ยูนนานถือได้ว่าเป็นอันดับที่ 7 ในด้านการท่องเที่ยวและเป็นที่ 1 ในภาคตะวันตก มณฑลที่ประสบความสำเร็จทางด้านการท่องเที่ยวส่วนมากเป็นมณฑลทางทิศตะวันออก ได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง นครปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง มณฑลฮกเกี้ยน

4. อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อัญมณี และการป่าไม้ ในสี่ปีมานี้การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้นมากมาย การขยายสนามบินที่คุนหมิงก็เสร็จแล้ว ยังมีสนามบินใหม่อีก 4 แห่ง คือที่ลี่เจียง ต้าหลี่ (สองแห่งนี้เปิดใช้แล้ว) อีกสอง

(น. 341) แห่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มณฑลยูนนานนี้มีสนามบินมากที่สุด มาตรฐานดีที่สุด การตัดถนนก็เร่งทำให้มากขึ้น พัฒนาโทรคมนาคมไปอำเภอต่างๆ โทรศัพท์ และโทรศัทพ์มือถือ ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศนั้นมีความร่วมมือกับไทยมากที่สุด ถึงแม้จะลดน้อยไปบ้างในช่วงวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นมีการแลกเปลี่ยนการเยือนทั้งในระดับผู้ใหญ่ในพรรคและในระดับรัฐบาลมณฑล ผู้ว่าราชการฯ หลี่เองไปไทย 3 ครั้ง ไปเยือนตั้งแต่เหนือจดใต้ นักท่องเที่ยวไทยก็มาที่ยูนนานมากที่สุด และคนยูนนานก็ไปเที่ยวเมืองไทยมากเช่นกัน โครงการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดคือ โครงการโรงไฟฟ้าที่จิ่งหงที่ไทยเป็นผู้ลงทุน นอกจากนั้นยังมีสำนักงานของธนาคารไทย ฉะนั้นถึงแม้ว่าเกิดวิกฤติการณ์ก็เชื่อว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจยังมั่นคงอยู่ รัฐบาลกลางมอบให้จัดงาน EXPO’99 มีรองนายกรัฐมนตรีหลี่หลานชิงเป็นประธาน ผู้ว่าราชการฯ หลี่เองเป็นรองประธานเตรียมการและผู้จัด มีประเทศต่างๆ และองค์การระหว่างประเทศมาร่วมงานด้วยจำนวนมาก ประเทศที่มาจัดสวนมี 34 แห่ง รวมทั้งประเทศไทย ได้ไปตรวจงานมาแล้ว เห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกำลังเร่งมือจัด มี 80 กว่าประเทศที่เข้าร่วมในการแสดงต้นไม้ในร่ม ในจีนเองก็มีมณฑลต่างๆ ภูมิภาคปกครองตนเอง ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันก็มาช่วย มีการจัดสวนกลางแจ้ง ปลูกพืชต่างๆ เสียค่าใช้จ่ายในการจัด การรับรอง และอื่นๆ รวมๆ แล้วใช้งบประมาณมาก

(น. 342) ก่อนจัดงานก็ต้องวางผังเมืองให้ดี ลงมือตัดถนนเร็วกว่ากำหนด 10 ปี ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ขจัดมลภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทะเลสาบเตียนฉือ ข้าพเจ้ากล่าวว่าที่ผู้ว่าราชการฯ หลี่กล่าวว่า ข้าพเจ้ามาเยือนยูนนาน 3 ครั้งนั้น ถ้านับเฉพาะแต่ครั้งที่มาพักค้างคืนก็ถูกต้อง แต่ที่เข้ามาในยูนนานและไม่ได้ค้างนั้นมีอีก 2 ครั้งคือ เมื่อสามปีก่อน (พ.ศ. 2539) เมื่อจะไปซานเสีย ได้แวะดูการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ และอีกครั้งหนึ่งไปที่แขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาว และข้ามชายแดนเข้ามายูนนาน ถามถึงผลของงานแสดงสินค้าครั้งนั้น ผู้ว่าราชการฯหลี่ตอบว่าการจัดงานครั้งนั้นประสบความสำเร็จดี สามารถจำหน่ายสินค้าได้มาก แต่ครั้งต่อไปจะเปลี่ยนช่วงเวลาการจัดจากเดือนสิงหาคมเป็นเดือนมีนาคม เพราะว่าเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่คนหยุดพักฤดูร้อน ทำอะไรไม่สะดวก รับประทานอาหารแล้วผู้ว่าราชการมณฑลให้ของขวัญเป็นพระพุทธรูปทรงนกยูง กลับขึ้นไปข้างบนมอบของที่ระลึกให้ผู้ติดตามฝ่ายจีนและไทย เพราะเป็นคืนสุดท้ายในเมืองจีน เสร็จแล้วลงไปข้างล่าง มีร้านขายของ มีของมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของรับประทาน มีข้าวไทยขายด้วย พอดีอิ่มแล้วจึงไม่ซื้ออะไร