Please wait...
<

<< Back

เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 1 ปักกิ่ง วันพุธที่ 5 มกราคม 2537


(น.22) รูป 10 วิ่งออกกำลังกายตอนเช้า

(น.22) วันพุธที่ 5 มกราคม 2537
ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า เลยมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์เล่มเดิม เรื่องโน้นเรื่องนี้หลายเรื่อง ลงไปวิ่งยังไม่ทันหกโมงครึ่ง หมอเอกชัยเดินอยู่หน้าห้องข้าพเจ้าจึงลงไป ยังมืดอยู่ วิ่งกันประมาณ 20 นาที ใส่หมวกปิดหูอย่างดี ถึงจะร้อนไปหน่อย


(น.23) รูป 11 วิ่งออกกำลังกายตอนเช้า


(น.23) รูป 12 คณะวิ่งยามเช้า

(น.23) ก็ไม่ทำให้ปวดหู ข้าพเจ้าถามคุณหลี่ว่าเปียนเหมยไปไหน เขาว่าเรียนภาษาอังกฤษ ส่วนชานตุงต้าฮั่นหรือเหล่าเจียงมีราชการอื่น ตำรวจประจำคนใหม่ก็เป็นคนชานตุงเช่นเดียวกัน ใครๆก็สรุปเอาง่ายๆว่าคนชานตุงชอบเป็นตำรวจ


(น.24) รูป 13 คณะวิ่งยามเช้า

(น.24) วิ่งเสร็จรับประทานอาหารเช้า มีทั้งไข่ดาว หมูแฮม ขนมปังแบบฝรั่ง และข้าวต้มแบบจีน ข้าพเจ้าถามท่านทูตและอาจารย์สารสินเรื่องชื่อสำนักงาน กระทรวง ทบวง กรมของจีน เพราะฟังดูไม่ค่อยเข้าใจ ท่านทูตอธิบายว่า เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว จีนมีการปฏิรูปหลายอย่าง มีการยุบรวมกระทรวง ที่ตั้งใหม่ก็มี หน่วยงานของรัฐบาง ส่วนก็เปลี่ยนเป็นบริษัท มีหนังสืออธิบายจะหามาให้ข้าพเจ้าภายหลัง คุยกันถึงตลาดหุ้นว่าที่จีนนี้เข้าคิวกันซื้อหุ้นคิวยาว ตลาดหุ้นที่เป็นทางการมีอยู่ที่เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น แต่ยังมีที่ตั้งกันเองอีก ถามถึงเรื่องแท็กซี่ได้ความว่าขณะนี้มีบริษัทแท็กซี่ถึง 300 บริษัท มีรถ 3 ประเภท โดยทั่วไปค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 1.6 หยวน และจะเพิ่มขึ้นแต่ละกิโลเมตร ถ้าเป็นตุ๊กๆ 4 ล้อ ไดฮัตสุ


(น.25) รูป 14 อาหารเช้าแบบฝรั่งปนจีน

(น.25) เพิ่มหยวนเดียว ถ้าเป็นรถเก๋งก็เพิ่มขึ้น 1.6 หยวนก็มี 2 หยวนก็มี นอกจากนี้ยังมีถนนวงแหวน เช่นที่ไปทางสนามบิน มีมาตรการแก้ไขเรื่องมลภาวะคือใช้แก๊สแทนถ่านหินภายใน 5 ปี ปรับปรุงการเงินการธนาคาร ปัจจุบันใช้การ์ดได้แล้ว การแลกเงินก็ทำได้สะดวกขึ้น เพราะตั้งแต่ต้นปีนี้ (1 มกราคม) เขาเลิกใช้เงินสำหรับชาวต่าง ประเทศ หรือ FEC ซึ่งย่อมาจาก Foreign Exchange Currency ซึ่งมีอัตราแลกสูงกว่าเงินที่คนจีนใช้ที่เรียกว่า Rénmínbí (RMB) ประมาณ 30-40 % การค้าขายกับไทยนั้นไทยก็เสียดุล เพราะซื้อของหลายอย่างจากจีน จีนซื้อยางและข้าวเป็นหลัก เวลานี้มีข้าวหอมของไทยเข้ามามาก


(น.26) รูป 15 หนังสือที่หายากที่ห้องสมุดปักกิ่ง

(น.26) เดินทางไปหอสมุดแห่งชาติปักกิ่ง รองผู้อำนวยการออกมารับข้างนอก ท่านผู้อำนวยการถังเซ่าหมิงคอยรับอยู่ในห้องเดิมที่ข้าพเจ้าเคยมา ท่านบอกว่าดีใจที่ได้ต้อนรับข้าพเจ้าอีก คราวนี้ในหน้าหนาว หลังจากที่มาคราวก่อนประมาณปีครึ่งมาแล้ว ข้าพเจ้าบอกว่าคราวที่แล้วได้ดูไม่ครบ เพราะว่าต้องรีบไปเยี่ยมคำนับท่านประธานาธิบดี หยางซ่างคุน เขาว่าก็ดีใจที่ข้าพเจ้ามาอีก หอสมุดแห่งนี้เก็บหนังสือเก่าที่สำคัญของประเทศ มีหนังสืออายุถึง 3,500 กว่าปี เป็นคลังมหาสมบัติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน


(น.27) รูป 16 อ่านไมโครฟิล์ม

(น.27) เป็นหน้าต่างประวัติศาสตร์ที่เปิดออกสู่โลกภายนอก การที่ข้าพเจ้ามาดูเป็นรายแรกเมื่อมาถึงก็แสดงว่าข้าพเจ้าสนใจวัฒนธรรมจีน หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน วันนี้ท่านเชิญหัวหน้าหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องมาด้วย เช่น หัวหน้าคลังเก็บหนังสือ หัวหน้าไมโครฟิล์ม หัวหน้าฝ่ายห้องอ่านหนังสือ หัวหน้าฝ่ายหนังสือพิมพ์ หัวหน้าฝ่ายห้องโสตทัศนูปกรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักห้องสมุด


(น.28) รูป 17 อ่านไมโครฟิล์ม


รูป 18 อ่านไมโครฟิล์ม

(น.29) ในระยะปีครึ่งจากที่ข้าพเจ้ามาครั้งก่อน หอสมุดพัฒนาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะได้งบประมาณน้อย ราคาหนังสือก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้พยายามพัฒนากิจการงานไปเรื่อยๆ การเก็บหนังสืออ้างอิง (เช่นพวก Almanac) แต่ก่อนเก็บได้ 200 กว่าชนิด จำนวนที่ออกมาทั้งประเทศ 600 กว่าชนิด ปัจจุบันเก็บได้เพิ่มเป็น 500 กว่าชนิดแล้ว เพื่อให้สะดวกแก่ผู้อ่านเขาจัดเป็นนิทรรศการเล็กๆ นอกนั้นเก็บหนังสือจดหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นต่างจังหวัด ระดับอำเภอขึ้นไป ที่นี่เป็นศูนย์กลางเก็บได้ 5,000 กว่าชนิด หนังสือพวกนี้เป็นข้อมูลพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วย นอกจากนั้นยังพัฒนาในด้านการใช้เครื่องมือ มีห้องเก็บบัตรรายการหนังสือ มีการแลกเปลี่ยนหนังสือกับประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หอสมุดได้ส่งคณะผู้แทนไปดูงานที่กัวลาลัมเปอร์ ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการหอสมุดสิงคโปร์ก็มาดูงานที่นี่ ต่อไปจะส่งเจ้าหน้าที่หญิงของหอสมุดอีก 2 คน ไปดูงานหอ สมุดที่มาเก๊า เจ้าหน้าที่ทางหอสมุดที่นี่เคยพบกับเจ้าหน้าที่หอสมุดไทย และคิดว่าควรจะมีความสัมพันธ์กันมากกว่านี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยมาชมหอสมุดจีน และเร็วๆนี้หอสมุดได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการศึกษาแห่ง ชาติ ให้คัดเลือกเจ้าหน้าที่ไปศึกษาภาษาไทยในประเทศไทย เขาเลือกคุณหยูซูเจี๋ย หัวหน้าแผนกหนังสือพิมพ์ ซึ่งเคยเรียนภาษาเวียดนามมาแล้วไปประเทศ

Next >>