<< Back
เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 2 เหลียวหนิง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2537
(น.65) รูป 78 พระเจ้าหวงไท่จี๋
รูป 79 พระเจ้าซุ่นจื้อ
(น.65)
2. พระเจ้าหวงไท่จี๋ (ค.ศ. 1592-1643) พระนามเมื่อครองราชย์ว่า ชิงไท่จง ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1627-1643 เป็นโอรสองค์ที่ 8 ของพระเจ้าหนูเอ่อร์ฮาชื่อ มักตามพระราชบิดาไปในการรบอยู่เสมอ พระศพฝังที่เป่ยหลิง สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนม์ 52 พรรษา
3. พระเจ้าซุ่นจื้อ (ค.ศ. 1644-1661) พระนามเดิมว่า ฝู่หลิน เป็นองค์แรกที่เข้าปักกิ่งได้เมื่อพระชนม์ 6 พรรษา ขึ้นครองด้วยพระองค์เองเมื่อมีพระชนม์ได้ 18 พรรษา เป็นผู้รวมจีนและวางรากฐานการปกครองราชวงศ์ชิง
(น.66) รูป 80 พระเจ้าหย่งเจิ้ง
(น.66)
4.พระเจ้าคังซี (ค.ศ.1662-1722) หุ่นขี้ผึ้งให้เห็นว่าแต่งพระองค์ธรรมดาๆ ไม่แต่งชุดจักรพรรดิ เข้ากับประชาชนได้ดี ทรงอยู่ในราชสมบัติ 61 ปี (8-69 พรรษา) เป็นช่วงที่จีนอยู่ในยุคแห่งความสุข แผ่พระราชอำนาจกว้างไกล
5. พระเจ้าหย่งเจิ้ง (ค.ศ. 1723-1735) เป็นพระโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้าคังซี ตามตำนานบางเรื่องว่าเป็นคนโหดร้ายช่วงชิงอำนาจมา บางเรื่องก็ว่าวางยาพิษพระเจ้าคังซี ตามตำนานที่เขาเอามาแต่งเป็นหนังเรื่อง “ศึกสายเลือด” ที่ฉายใน
(น.67) รูป 81 พระเจ้าเฉียนหลง
(น.67) โทรทัศน์บอกว่า เดิมพระเจ้าคังซีเขียนพินัยกรรมระบุถึงผู้ที่จะสืบทอดพระราชสมบัติต่อไปว่าให้องค์ชายที่สิบสี่หรือองค์ชาย 14
เขียนภาษาจีนว่า 十四 แต่หย่งเจิ้งแก้เป็น 于四 แปลว่าให้องค์ชาย 4 แต่ไกด์บอกว่าเขาไม่เชื่อตำนานนี้ เขาคิดว่าพระองค์ทรงได้ราชสมบัติอย่างถูกต้อง การแก้ตัวอักษรจีนอาจทำได้ แต่แก้อักษรแมนจูทำไม่ได้
(น.68)
6. พระเจ้าเฉียนหลง (ค.ศ.1736-1795) ทำเป็นรูปจักรพรรดิถือพู่กัน เพราะเป็นกษัตริย์นักปราชญ์ เขียนบทกวีและเขียนภาพ
พระองค์อยู่ในราชสมบัติ 60 ปี ก็สละราชสมบัติเพราะไม่ต้องการครองราชย์นานเกินกว่าพระอัยกาธิราช ให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์
แต่พระองค์สำเร็จราชการอยู่อีก 3 ปี ฉะนั้นอยู่ในอำนาจ 63 ปี พระชนม์ยืนถึง 89 พรรษา เรียกกันว่าเป็นผู้มีอำนาจนาน ทรงพระปรีชาสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู๊
ทั้ง 6 พระองค์นี้อยู่ในช่วงที่ราชวงศ์ชิงเจริญถึงจุดสูงสุด ต่อจากนั้นก็อยู่ในยุคเสื่อม เรื่องการขึ้นสู่อำนาจและความเสื่อมของราชวงศ์นั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้คิด
ผู้ที่ได้อำนาจตอนต้นมักมาจากดินแดนที่ยากจน ยากลำบาก จึงต้องดิ้นรน เมื่อได้อำนาจแล้วบางคนก็รักษาอำนาจไว้ไม่ได้ เพราะการที่จะรักษาอำนาจได้มีปัจจัยหลายอย่าง
อย่างหนึ่งคือการปกครอง การบริหารที่มีระบบ อย่างที่เรียกว่ามีระบบที่ดีแล้ว ไม่สำคัญที่ตัวบุคคล เมื่อมีระบบบริหารที่ดีทำให้สามารถหารายได้มาใช้ในการบริหาร
(ไม่มีรายได้ก็บริหารไม่ได้) การหารายได้ที่ดีที่สุดคือการเก็บภาษีอากร ถ้าระบบเก็บภาษีอากรล้มเหลวก็ขาดรายได้ เป็นส่วนที่นำความล้มเหลวมาสู่ผู้มีอำนาจ
อีกประการหนึ่งเมื่อมีระบบที่สมบูรณ์แล้ว ความคล่องตัวในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อันทำให้ราชวงศ์หรือผู้มีอำนาจนั้นอยู่รอดได้ก็ลดลง เมื่อมีอำนาจใหม่มาท้าทายก็มักจะพ่ายแพ้อยู่ไม่ได้
(น.69) รูป 82 พระเจ้าเจียชิ่ง
(น.69)
7. พระเจ้าเจียเชิ่ง (ค.ศ. 1796-1820) เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 15 ของพระเจ้าเฉียนหลง ไกด์บอกว่าตลอดพระชนม์ชีพทรงสำราญเกินไป
เนื่องจากอยู่ในยุคที่บ้านเมืองรุ่งเรือง ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชมน์ 42 พรรษาแล้ว พระสติปัญญาไม่สูงเท่าพระราชบิดา ราชวงศ์ชิงจึงเริ่มเสื่อมในสมัยพระองค์ ข้าพเจ้าถามว่าทำไมหุ่นแต่งพระองค์ธรรมดาๆ ไกด์ว่าเป็นความดีอย่างหนึ่งของพระองค์ที่ชอบคบและดูแลทุกข์สุขของคนธรรมดา
(น.70) รูป 83 พระเจ้าเต้ากวง
รูป 84 พระเจ้าเสียนเฟิง
(น.70)
8. พระเจ้าเต้ากวง (ค.ศ. 1821-1850) เป็นโอรสองค์ที่ 2 ของพระเจ้าเจียชิ่ง เจอปัญหาสงครามฝิ่น ปัญหาจักรวรรดินิยม
9. พระเจ้าเสียนเฟิง (ค.ศ. 1851-1861) เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้าเต้ากวง ขณะครองราชย์บ้านเมืองปั่นป่วน
จักรวรรดินิยมรุกราน มีกบฏไท่เผ็ง ค.ศ. 1860 มีสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ตอนที่ชาติตะวันตก 8 ชาติมารุกราน ไปประทับอยู่ที่เฉิงเต๋อ ขณะไม่อยู่ที่ปักกิ่ง วังหยวนหมิงหยวนถูกอังกฤษและฝรั่งเศสเผา
(น.71) รูป 85 พระเจ้าถงจื้อ
(น.71)
10. พระเจ้าถงจื้อ (ค.ศ. 1862-1874) เป็นโอรสของพระเจ้าเสียนเฟิงกับพระนางซูสี เมื่อขึ้นครองราชย์ตอนแรกทรงพระเยาว์
มีมเหสีฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายของพระบิดาคือพระนางฉืออัน และพระนางซูสี อยู่หลังบัลลังก์ ครองราชย์เองได้ปีเดียวเมื่อพระชนม์ 18 พรรษา
(น.72) รูป 86 พระนางซูสี
Next >>