<< Back
เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 2 เหลียวหนิง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2537
(น.85) รูป 107 บรรยายเกี่ยวกับข้อมูลทั่วๆไปของมณฑลรวมทั้งเรื่องที่นักวิ่งหญิงของมณฑลวิ่งเร็วทำลายสถิติโลก
(น.85) มณฑลเหลียวหนิงมีเนื้อที่รวม 140,000 ตารางกิโลเมตร ประชากรประมาณ 40 ล้านคน จัดว่าเป็นมณฑลขนาดกลางแต่อุดมด้วยทรัพยากร มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูง
ระดับการศึกษาสูง ตั้งแต่ ค.ศ. 1990 เป็นต้นมามีการพัฒนามากขึ้น ทั้งพืชพรรณธัญญาหารที่เลี้ยงชีพในชีวิตประจำวันก็มีเพียงพอ และยังเปิดประตูสู่โลกภายนอก มณฑลมีชายฝั่งทะเลยาวถึง 2,200 กิโลเมตร
(น.86) รูป 108 ผู้ว่าราชการมณฑลมอบของที่ระลึกให้
รูป 110 รูปดอกไม้ทำด้วยหยกอำเภอซิ่วเหยียน
(น.86) เป็นอันดับ 2 ของจีน มีเมืองสำคัญ เช่น ต้าเหลียน หยิงโข่ว ตานตง และจิ่นโจว มีนโยบายเปิดประตูสู่โลก (ใช้ระบบเศรษฐกิจพิเศษ) หมายความถึง มีนโยบายให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้มาลงทุน
สร้างนิคมอุตสาหกรรม ผู้มาทำงานอุตสาหกรรมแต่ก่อนเมื่อทศวรรษ 1950 มาจากต่างมณฑล แต่ปัจจุบันเป็นลูกหลานคนในมณฑล มณฑลมีสินค้าออกมากถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ท่าเรือขนถ่ายสินค้า 70 ตันต่อปี การลงทุนสูงถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการลงทุนจากต่างประเทศมากถึง 60 โครงการ รัฐบาลมณฑลเหลียวหนิงก็ไปลงทุนในประเทศไทยราว 7-8 โครงการ นับว่ามีการลงทุนร่วมกับต่างประเทศมากที่สุด
(น.87) รูป 109 ผู้ว่าราชการมณฑลมอบของที่ระลึกให้
(น.87) ด้านประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของมนุษย์ถือได้ว่ามณฑลนี้เป็นจุดเริ่มต้นกำเนิดมนุษย์ชาติแห่งหนึ่ง แหล่ง กำเนิดมนุษย์คือที่จินหนิวซาน พบหัวกะโหลกมนุษย์วานรอายุ 28,000 ปี
นอกจากนั้นมีที่ซินเล่อ 7,000 ปี หงซานที่พบเครื่องหยกอายุ 5,500 ปี และที่ข้าพเจ้ามานั้นได้ไปสุสานตงหลิง เป่ยหลิง พิพิธภัณฑ์เหลียวหนิง ก็จะได้เห็นความเก่าแก่ของมณฑล มณฑลเหลียวหนิงยังเป็นแหล่งที่มีหยกเนื้อดี ได้แก่ หยกอำเภอ
(น.88) รูป
(น.88) ซิ่วเหยียน เครื่องหยกสมัยราชวงศ์ชิงหลายชิ้นใช้หยกอำเภอนี้เป็นวัตถุดิบ ปีกลายได้หยกมาก้อนหนึ่งสูง 7 เมตร กว้าง 6 เมตร ยาว 5 เมตร หนัก 300 ตัน ได้ขนไปไว้เมืองอันซาน
ห่างจากนครเสิ่นหยาง 90 กิโลเมตร บางคนก็เห็นว่าควรจะเก็บไว้ในสภาพเดิมสร้างหลังคาคุมไว้ นายกพุทธสมาคมว่าน่าจะสลักพระพุทธรูป อีกเรื่องทางวัฒนธรรมได้แก่
เรื่องแม่นางเมิ่งเจียงหนู่ที่เจี๋ยสือ เวลานี้สำรวจทราบแล้วว่าพระเจ้าจิ๋นซีเคยเสด็จจริงๆเป็นสถาน ที่สวยงามมาก อีกหน่อยจะปรับปรุง หวังว่าครั้งหน้าคงจะได้มาอีก เดือนพฤษภาคมหรือกันยายน
ในเรื่องการกีฬา มณฑลนี้นักกีฬาเก่งมาก เมื่อมีการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 7 ได้เหรียญทองเป็นอันดับที่ 1 ได้มากกว่ากวางตุ้งและเซี่ยงไฮ้รวมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิ่งตระกูลหม่า
(น.89) รูป
(น.89) ทำลายสถิติโลก ส่งผลกระทบทั่วโลก เพราะคนยุโรปบอกว่าการวิ่งของชาวเอเชียจะให้เท่าคนยุโรปต้องใช้เวลา 10 ปี การที่พวกตระกูลหม่าทำลายสถิติ ทำเอาชาวยุโรปงงไปหมด
เป็นเกียรติของคนจีนและคนเอเชีย ปีที่แล้วท่านผู้ว่าฯได้เดินทางไปประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม ไปกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ เชียงราย พัทยา ประชาชน สภา และรัฐบาล ต้อนรับเป็นอย่างดี
ท่านนายกฯชวนมาเยือนเมืองจีน ก็ได้จัดเลี้ยงและสนทนากันที่เมืองต้าเหลียน สุดท้ายอวยพรและให้ของที่ระลึกเป็นหยกสลักเป็นดอกไม้ ใบหยกก้อนเดียวมีทั้งสีเขียวใช้สลักเป็นก้านเป็นใบส่วนสีแดงสลักเป็นดอก หยกนี้มาจากอำเภอซิ่วเหยียน เป็นหยกเนื้อดี ราคาแพงมาก
(น.90) รูป
(น.91) รูป 111 เลี้ยงอาหารค่ำ พ่อครัวของเมืองนี้เก่งทางสลักผักเป็นรูปต่างๆ
(น.91) ที่โต๊ะอาหารได้สนทนากันต่อ จึงได้ทราบว่าท่านผู้ว่าฯเป็นชาวเหอเป่ย ก่อนหน้านี้เป็นผู้ว่าฯมณฑลเหอเป่ย ท่านได้เข้าร่วมการปฏิวัติตั้งแต่อายุ 12 ปี
ทำงานให้ท่านเติ้งเสี่ยวผิงในเขตเหอเป่ย ชานตุง เหอหนาน ท่านถ่อมตัวว่าเรียนมาน้อย แก้ปัญหาก็เหมือนยาหม่อง คือรักษาโรคไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ได้ทุกอย่าง
ทั้งในด้านการค้า เศรษฐกิจ ฯลฯ ที่ทำงานได้ก็อาศัยรองผู้ว่า 6 คน รับผิดชอบไปคนละอย่าง ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ฯลฯ ไม่มี 6 คนนี้ก็ทำไม่ไหว
ท่านรองเกาฯเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองต้าเหลียน จึงมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจช่วยได้มาก ในด้านวัฒนธรรมก็มีท่านรองอธิบดี กั๋วต้าซุ่น ซึ่งมีความรู้มาก
ท่านผู้ว่าเองก็ได้เรียนรู้จากท่านผู้นี้ คนพวกหลังๆเป็นนักวิชาการแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ การที่ข้าพเจ้ามาเยือนแต่แรกคิดกันว่าจะเอาใครมาต้อนรับ มานึกได้ว่า ให้ท่านรอง
(น.92) อธิบดีมาจะเป็นประโยชน์ ท่านว่าแต่ก่อนพอรู้ว่าจะต้องมาอยู่ทางนี้ก็กลัวหนาว มาอยู่ได้ 4 ปี ชักจะชินแล้ว คนอายุน้อยทน ความหนาวได้ดีกว่าคนอายุมาก
อาหารท้องถิ่นมีพวกผักดองเป็นหลัก ท่านก็ไม่ชิน นอกนั้นก็เล่าเรื่องอะไรจิปาถะ ท่านว่าพวกแมนจูนั้นปกครองเมืองจีนอยู่ 300 กว่าปี มีทั้งเกียรติภูมิและความอัปยศ
แต่ก็ถือว่าเป็นชาติที่ฉลาด สามารถปกครองคนจีนได้และนำประเทศให้รุ่งเรืองได้ช่วงหนึ่ง ปัจจุบันทั้งประเทศเห็นจะเหลือชาวแมนจูเพียงประมาณ 7 ล้านคน
และไม่มีวัฒนธรรมอะไรหลงเหลือแล้ว ภาษาแมนจูก็ไม่มีใครเข้าใจ นอกจากพวกนักวิชาการ เหลือแต่อาหารบางอย่าง เช่น สุกี้ เสื้อผ้า มีพวกซีโป๋ที่เชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากแมนจู
ประวัติแมนจูน่าศึกษา พวกแมนจูมาปกครองทั้งประเทศ แต่บริเวณแหล่งกำเนิดนั้นยากจนมาก
ระหว่างรับประทานอาหารเอาเหล้าองุ่นยี่ห้อ Great Wall มาเลี้ยงบอกว่าผลิตที่เหอเป่ย ตอนนั้นท่านผู้ว่าฯ เป็นผู้สนับสนุน ได้ร่วมทุนกับฝรั่งเศส ได้รางวัลระดับนานาชาติ
ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของภาคเหนือคือภาชนะใส่อาหารปากเล็ก เพราะว่าช่วยในการเก็บความร้อน อีกอย่างหนึ่งท่านอธิบายการตบแต่งโต๊ะอาหารมีรูปสลักนกกระเรียนบอกว่ากุ๊กที่ทำอาหารใช้หัวไชเท้าสลัก ผู้ที่สอบวิชากุ๊กชั้นสูงต้องสลักเป็น
(น.93) รูป 112 หลังอาหารมีการแสดงดนตรี คุณขลุ่ย (สถานทูตไทย) แสดงความสามารถในการร้องเพลงจีน หลังจากนั้นก็ร้องเกือบทุกวัน
Next >>