Please wait...

<< Back

ปูยี

(น.74) เรื่องจักรพรรดิหุ่นเชิดที่จะเขียนคงจะต้องจบแต่เพียงเท่านี้ เมื่ออ่านแล้วควรวิเคราะห์ให้ดีว่าเหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นในโลกก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของจักรพรรดิปูยี หรือแม้แต่ชีวิตของเราของท่านทั้งหลายก็ดี ล้วนแต่มีความสลับซับซ้อนเหมือนเชือกพันกันเป็นปม ความคิดและเหตุผลในการกระทำ การตัดสินใจใด ๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถจะเล่าสู่กันฟังได้ในเวลาเพียงชั่วโมงเศษ ๆ เช่นนี้ อย่างไรก็ตามประโยชน์ของการเรียนรู้เรื่องสิ่งที่ผ่านมา น่าจะมีส่วนช่วยเตือนคนเราให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเจริญในอนาคตได้บ้าง

(น.88) ดูเสร็จแล้วมาที่ห้องรับรอง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์บอกว่ามีของพิเศษให้ดูเฉพาะ คือหนังสือโบราณและภาพเขียนสำคัญ มีผู้เชี่ยวชาญหนังสือโบราณอธิบาย หนังสือแต่ละม้วน


(น.89) รูป 159 ดูหนังสือโบราณและภาพเขียนสำคัญที่ไม่ได้นำออกแสดงในพิพิธภัณฑ์

(น.89) ห่อหลายชั้น ที่ได้ดูเป็นภาพเขียนของติงกวนเผิง ช่างเขียนในราชสำนักราชวงศ์ชิง เป็นภาพในพุทธศาสนา มีลายพระหัตถ์พระเจ้าเฉียนหลงเขียนไว้ มีรูปเทพผู้ควบคุมกฎทางพุทธศาสนา ท้าวจตุโลกบาล พระโพธิสัตว์กวนอิม 16 ปาง พระยูไล พระศากยมุนี พระมี่เล่อ (พระศรีอารย์) พระโพธิสัตว์มัญชุศรี พระโพธิสัตว์กษิติครรภ พระโผหมู่ เป็นพระผู้พิทักษ์เด็ก พระอรหันต์ต่าง ๆ มีพระอานนท์ เป็นต้น พระศาสดานิกายฉานจงหรือเสียมจงหรือฌานที่ญี่ปุ่นเรียกเซน พระมี่จงซึ่งเป็นพวกเทวดาในลัทธิวัชรยาน เทพที่ดูแลพระไตรปิฎก สุดท้ายบอกปีว่าเสร็จใน ค.ศ. 1767 ปีที่ 37 ในรัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง วาดรูป 3 ปี นอกจากนั้นมีคัมภีร์ที่อยู่ในพระราชวังหลวงในปักกิ่ง พระเจ้าปูยีนำมาจากวัง ปัจจุบันได้มีการพิมพ์หนังสือนี้ และเขาให้ข้าพเจ้ามาด้วย

เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลิน หน้า 213-214

(น.213)


รูป 344 ถ่ายภาพกับดาราภาพยนตร์จีน คนซ้ายมือของข้าพเจ้าเคยแสดงเป็นพระเจ้าปูยีตอนหนุ่ม ขวามือของข้าพเจ้าไม่ได้เป็นนักแสดง เป็นรองอธิบดีตำรวจของมณฑล แต่หน้าตาเหมือนปูยีตอนแก่เลยให้ถ่ายรูปด้วย


(น.214) รูป 345 เซ็นเยี่ยม

(น.214) จักรพรรดิต่าง ๆ เป็นส่วนมาก เช่น ถังเกาจง สมัยชิงก็เคยเป็นหลายองค์ เช่น กวงซู่ ถงจื้อ ปูยี เขาให้รูปเขาแต่งเป็นจักรพรรดิคังซี เลยให้ยืนคู่กับรองอธิบดีตำรวจซึ่งมองไปมองมาตั้งแต่ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นเชิดว่าเหมือนพระเจ้าปูยีตอนแก่ คนสุดท้ายคือคุณเหลียงทงยี่ เป็นที่รู้จักของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทั่วประเทศจีน มักจะเล่นหนังชีวิต ปูยี

(น.39) รูป 70, 71 และ 72 ภาพประวัติชีวิตจักรพรรดิปูยี
จักรพรรดิผู่หยี หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่าพระเจ้าปูยี พระองค์ประทับที่วังนี้ระหว่าง ค.ศ. 1932 -1945 มีภาพเป็นกษัตริย์ตอนพระชนม์ 3 พรรษา แต่งงานอายุ 16 พรรษา อายุ 18 พรรษาเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด ต่อมาถูกจับไปอยู่โซเวียต 5 ปี ก็กลับเมืองจีน รับการอบรม 10 ปี ปูยีมีความรู้ทางการแพทย์จึงช่วยตรวจคนไข้ จากนั้นก็เป็นพลเมืองธรรมดา ๆ ภาพถ่ายกับพ่อแม่ รูปพระนางซูสีถ่ายในปี ค.ศ. 1905 – 1911 ซุนยัดเซนปฏิวัติ โค่นบัลลังก์ ยวนซื่อไขเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว[1]

ประวัติ

(น.40) รูป 73 ภาพประวัติชีวิตจักรพรรดิปูยี
รูป 74 ภาพสมัยที่เป็นจักรพรรดิ
เมื่อพระชนม์ 6 พรรษาได้ศึกษากับครูจีน ภาพครูอังกฤษสอนขี่จักรยาน พระเจ้าปูยีตัดหางเปียทิ้ง ปีค.ศ. 1917 เป็นจักรพรรดิครั้งที่ 2 โดยมีจางซุนสนับสนุน แต่เป็นอยู่ได้เพียง 12 วัน ปี 1922 แต่งงานกับพระนางหว่านหรง อายุ 16 ปีเท่ากัน มีสนมอีกคนหนึ่งชื่อเหวินซิ่ว เข้าวังอายุยังไม่ถึง 14

(น.41) รูป 75 และ 76 ภาพสมัยที่เป็นจักรพรรดิ
รูป 77 จักรพรรดิและมเหสี
(น.42) รูป 78 พระตำหนักที่เคยประทับ
(น.42) ปี ค.ศ. 1924 ถูกขุนศึกเฝิงยู่เสียงไล่ออกจากวัง ได้ไปญี่ปุ่น และไปเทียนสินโดยมีญี่ปุ่นสนับสนุนให้ไปอยู่ในเขตเช่าญี่ปุ่น
ปี ค.ศ. 1931 เข้ามาทางภาคอีสานของจีน มีคนญี่ปุ่นสนับสนุน มาสร้างวังแห่งนี้เสร็จเมื่อ ค.ศ. 1932 ค.ศ. 1934 บรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 มีภาพแต่งชุดมังกรอันเป็นชุดเดียวกันกับจักรพรรดิกวงซู่เคยแต่ง และอีกภาพหนึ่งแต่งชุดที่ญี่ปุ่นตัดให้ เป็นชุดสำหรับจอมทัพคุมกำลังทั้ง 3 ทัพ อีกภาพไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิฮิโรฮิโต ภาพสถานีรถไฟ รูปหนังสือพิมพ์สมัยนั้น ปี ค.ศ. 1941 เกิดสงครามแปซิฟิก ยุทโธปกรณ์ขาดแคลน ปูยีต้องส่งปัจจัยสงครามไปให้ญี่ปุ่น ถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945
(น.43) รูป 79 ปูยีแต่งชุดที่ญี่ปุ่นตัดให้
จักรพรรดิฮิโรฮิโตทรงประกาศยอมแพ้สงคราม 19 สิงหาคม ปูยีถูกจับ ทหารโซเวียตเป็นผู้จับที่สนามบินเสิ่นหยาง แต่แรกว่าจะหนีไปญี่ปุ่นแต่ไปไม่ทัน ปูยีเป็นเชลยศึกที่รัสเซียอยู่ 5 ปี
(น.44) รูป 80 รูปจากหนังสือพิมพ์
(น.45) รูป 81 เป็นพยานในศาลโลก
(น.45) ภาพตอนเป็นพยานให้ศาลโลกเรื่องญี่ปุ่นรุกรานจีนที่โตเกียว
ภาพกลับจากโซเวียต ไปอบรมที่จีนอีก 10 ปี ที่เมืองฟูซุ่น
(น.46) รูป 82 และ 83 ภาพแสดงชีวประวัติของปูยีส่วนหนึ่ง
(น.47) รูป 84 ภาพแสดงชีวประวัติของปูยีส่วนหนึ่ง
ภาพตอนที่โซเวียตส่งตัวมาที่จีน ฝ่ายจีนมารับก็ยอมให้ใส่กุญแจมือโดยดี และไปอยู่ที่สถานอบรม เป็นคนที่หวาดกลัว อยู่สถานอบรม 10 ปี ต้องทำงานแบบนักโทษ ศึกษาแนวคิดสังคมนิยม ภาพไปดูงานเรื่องเครื่องจักรกลต่าง ๆ เขียนคำสารภาพผิดว่า “ข้าพเจ้ายอมรับผิด” ช่วงที่มีการพิจารณาอาชญากรสงคราม ผู้นำจีนไปเยี่ยมจอมพลเห่อหลงไปกับผู่เจี๋ย ได้รับการอบรมทางการแพทย์เพิ่มเติมและช่วยตรวจรักษาผู้ป่วย ภาพญาติมาเยี่ยม
ปี ค.ศ. 1959 ได้รับอภัยโทษเป็นพิเศษ ปูยีซาบซึ้งจนร้องไห้ และแถลงว่าจะใช้ชีวิตบั้นปลายให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
9 พฤศจิกายน 1959 กลับไปอยู่กับครอบครัวที่ปักกิ่ง
ภาพโจวเอินไหลถ่ายกับครอบครัวปูยีเมื่อ ค.ศ. 1961
ปี ค.ศ. 1960 ไปอยู่หน่วยที่ 2 มีหน้าที่ทำสวนที่สวนพฤกษศาสตร์กรุงปักกิ่ง
(น.48) รูป 85 ภาพแสดงชีวประวัติของปูยีส่วนหนึ่ง
ปูยีแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกับหลี่ซูเสียน โดยที่รัฐบาลสนับสนุน นับเป็นภรรยาคนที่ 5 ขณะนั้นปูยีอายุ 56 หลี่ซูเซียนอายุ 37 มีภาพใบทะเบียนสมรสของทั้งสอง
ภาพตอนไปเยี่ยมครอบครัวน้องชาย
ภาพถ่ายกับเพื่อนฝูง
ปี ค.ศ. 1964 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ ไปดูงานตามที่ต่าง ๆ ของจีน
เอาตู้มากั้นเป็นห้องเขียนหนังสือของปูยี มีบทนิพนธ์อัตชีวประวัติ ฉบับภาษาเยอรมัน Der letzte Kaiser von China และฉบับภาษาอังกฤษ From Emperor to Citizen
ภาพก่อนเสียชีวิต ปี ค.ศ. 1967 เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไต เมื่ออายุ 61 ปี ถึงปี ค.ศ. 1980 รัฐบาลจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ ก่อนหน้านั้นทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม อัฐิเก็บไว้ที่สุสานปาเป่าซาน ชานกรุงปักกิ่ง และมีการประเมินคุณค่าผลงานของท่านอย่างเป็นธรรม
(น.49) รูป 86 ในบริเวณตำหนักที่ประทับจัดเป็นห้องบรรทม
รูป 87 ทำหุ่นขี้ผึ้งเอาไว้
ขึ้นบันไดไปดูห้องที่ปูยีเคยพักและจัดไว้อย่างเดิม มีห้องบรรทม ต้องห่มผ้าตลอดปี เพราะทางเหนือนี้อากาศหนาวมาก ผ้าห่มธรรมดาก็ไม่ชอบ ชอบห่มผ้าขนหนู ห้องหนังสือทำรูปหุ่นปูยีกำลังนั่งพูดกับชาวญี่ปุ่นที่มาควบคุม ห้องตัดผม ต้องให้ชาว
(น.50) รูป 88 ห้องพระ
ญี่ปุ่นตัด ห้องพระ ตั้งแต่เล็ก ๆ นับถือศาสนาพุทธ มีปัญหาชีวิตใด ๆ ก็จะมาสวดมนต์อธิษฐาน ที่แปลกอย่างหนึ่งคือชอบเสี่ยงเซียมซี ถ้าเสี่ยงออกมาไม่ดีก็จะเสี่ยงไปเรื่อย ๆ จนกว่าผลจะออกมาเป็นที่พอใจ ห้องสรง ห้องยา ปูยีมีความรู้เรื่องแพทย์จึงมีห้องเก็บตัวยามีค่าของจีน ผสมยาเสวยเองทุกวันเพื่อรักษาสุขภาพ ห้องยานี้ดูก็เหมือนร้ายขายยาจีนที่เคยเห็น ๆ กันคือมีลิ้นชักไม้ เขียนชื่อตัวยาแต่ละลิ้นชัก
(น.51) รูป 89 ห้องมเหสี
ห้องพระมเหสีหว่านหรง ถึงจะอยู่ในตำหนักเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันและไม่ยอมมองหน้ากันเสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากหว่านหรงทำสิ่งที่ปูยียอมให้อภัยไม่ได้คือเป็นชู้กับองครักษ์และมีลูกด้วยกัน บริเวณที่อยู่ของหว่านหรงจึงเรียกว่าตำหนักเย็น แปลว่า ถูกแช่เย็น มีห้องนอน ห้องเขียนหนังสือ หว่านหรงเป็นผู้มีความสามารถในด้านกวีนิพนธ์และเขียนภาพ แต่จิตใจฟุ้งซ่าน ภายหลังติดฝิ่น ต้องมีห้องสูบฝิ่น ในห้องทำรูปหว่านหรงนอนสูบฝิ่นอยู่บนโซฟา สูบวันละ 8 กระบอก ฝิ่น 2 ตำลึง แถมด้วยบุหรี่อีก 85 มวน นอนสูบจนเคลิ้ม เกิดวิปลาสฟั่นเฟือน ผมไม่สระ หน้าไม่ล้าง เดินเพ่นพ่าน และป่วยตายปี ค.ศ. 1946 ที่เมืองเหมียนจี๋ อายุ 46 ปี ตอนนั้นญี่ปุ่นหมดอำนาจไปแล้วรัฐบาลจีนเอาไปรักษาที่นั่น
(น.52) รูป 90 ห้องมเหสี
รูป 91 หุ่นขี้ผึ้งรูปพระสนมหว่านหรงตอนติดฝิ่น
(น.53) รูป 92 และ 93 หุ่นขี้ผึ้งรูปพระสนมหว่านหรงตอนติดฝิ่น
ห้องของถานยู่หลิง เป็นสนมองค์ที่ 3 ซึ่งปูยีโปรดมาก เมื่อหว่านหรงฟั่นเฟือนไปแล้ว ปูยีแต่งงานกับคนที่ 3 นี้ ขณะนั้นเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปักกิ่งอายุ 17 ปี เป็นคนอ่อนโยน เป็นภรรยาที่เอาใจสามี ทำรูปหุ่นกำลังถักเสื้อหนาวให้ปูยี ถานยู่หลิงอยู่ในวัง 5 ปี ค.ศ. 1942 ป่วยเป็นปอดบวม เสียชีวิตในห้องนี้เมื่ออายุ 22 ปี (สนมคนที่ 2 ไม่ได้อยู่ที่วังนี้ หย่ากันที่เทียนสิน) เมื่อถานยู่หลิงตายจึงได้สนมที่ 4
(ในห้องคนรับใช้แสดงนิทรรศการภาพเอาไว้อีก มีภาพหว่านหรงอายุ 16 ปี เหวินซิ่ว (สนมคนที่ 2) อายุ 13 ปี ภาพหออภิเษก ภาพเมื่อไปอยู่วังที่ประสูติฉุนหวังฝู่ ปี ค.ศ. 1924 ปี ค.ศ. 1925 เดินทางไปเทียนสิน ช่วงที่อยู่เทียนสินนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่สบายที่สุด ชีวิตสมรสก็ราบรื่น
(น.55) รูป
(น.56) รูป 96 และ 97 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
(น.57) รูป 98, 99 และ 100 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
(น.58) รูป 101 และ 102 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
(น.59) รูป 103 และ 104 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
(น.60) รูป 105 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
(น.60) ภาพถ่ายน้องชายชื่อผู่เจี๋ย และน้องของหว่านหรง ชื่อลุ่นจี้ ขณะนี้ทั้ง 2 ท่านอยู่ที่ปักกิ่ง มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาประชาชน
ภาพหว่านหรงกับเหวินซิ่ว ทั้งสองชอบทะเลาะกัน ปูยีด่าเหวินซิ่วมากกว่า หว่านหรงเป็นฝ่ายคอยแกล้งเหวินซิ่วจนทนไม่ได้ขอหย่า ปูยีปลดเหวินซิ่วเป็นคนธรรมดาและห้ามแต่งงานใหม่
รูป 106 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
ปี ค.ศ. 1931 ญี่ปุ่นบุกจีน และสนับสนุนให้ปูยีจากเทียนสินไปอยู่ที่ตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งรัฐแมนจูกัว ค.ศ. 1932 มาฉางชุน ค.ศ. 1934 ญี่ปุ่นสถาปนาปูยีเป็นจักรพรรดิแมนจูกัว ภาพถ่ายกับญาติหน้าวัง ภาพสปายญี่ปุ่น ค.ศ. 1931 ผู่เจี๋ยแต่งงานกับคนญี่ปุ่น ปูยีไม่ไว้ใจ ระแวงว่าจะแย่งบัลลังก์จึงไม่ติดต่อกันอีก
พระองค์กลายเป็นคนมีนิสัยหวาดระแวง ดูหมอดูให้ตัวเอง ถือโชคลางต่างๆ เช่น งบประมาณแผ่นดินต้องมีเลข 6 ตลอด เพราะถือว่าเลข 6 เป็นเลขมงคลสำหรับพระองค์
(น.62) รูป 107, 108 และ 109 รูปภาพและสิ่งของของจักรพรรดิ
ปี ค.ศ. 1936 หว่านหรงเริ่มถูกขังในตำหนักเย็น ติดฝิ่นบ้างแล้ว สวมชุดญี่ปุ่น ภาพถานยู่หลิงกับผู่เจี๋ย ภาพสนมคนที่ 4 หลี่ยู่ฉิน ตอนนั้นญี่ปุ่นอยากให้แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นแต่ปูยีไม่ยอม และแต่งกับหลี่ยู่ฉินซึ่งเป็นนักเรียนอายุ 15 ปี เนื่องจากหลี่ยู่ฉินเป็นเด็กนักเรียนธรรมดา ๆ ไม่เคยมีความรู้เรื่องราชสำนัก ปูยีจึงต้องควบคุมตั้งกฎเกณฑ์ให้มากมาย เช่น ให้ทำตามกฎเกณฑ์ลัทธิขงจื้อ เป็นผู้หญิงต้องเชื่อฟังพ่อ สามี และลูกชาย ปี ค.ศ. 1956หย่ากับปูยีและแต่งงานใหม่ ขณะนี้อายุ 67 ปี ยังอยู่ฉางชุน [2]


อ้างอิง


1. เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 39
2. ข้อมูลทั้งหมดของประวัติปูยีมาจากเกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 3 จี๋หลินหน้า 40,42,43,44,45,46,47,48,49,50,51,52,53,54,55,56,57,58,59,60,61,62