Please wait...

<< Back

วนอุทยานเซียงซาน

จากหนังสือ

มุ่งไกลในรอยทราย
มุ่งไกลในรอยทราย หน้า 13-25

(น.13) อาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2533
เช้านี้อากาศเย็นตามเคย ก่อนอาหารเช้าออกไปเดินเล่น หมอเชิดชัยกับอาจารย์สารสินไปวิ่งออกกำลังกายมารอบหนึ่งแล้ว ที่นี่สวนสวย แปลกที่คราวก่อนข้าพเจ้าไม่ยักคิดออกมาเดินเล่น เห็นถังขยะทำเป็นรูปสิงโต ช้าง หมีแพนด้า กบ เลยถ่ายรูปไว้ ในสวนมีหงส์กับนกยูงด้วย แต่ก่อนเราอยู่ตึก 2 07.30 น. กลับบ้านไปรับประทานอาหาร มีข้าวต้ม 2 ชนิด คือ ข้าวต้มข้าวฟ่าง กับข้าวต้มใส่ถั่วเขียว กับข้าวมี เต้าหู้ ไก่ผัดแตง ซีเซ็กฉ่าย ดอกไม้เหลือง ของหวานมีโรตีกับพุทราทอด ข้าพเจ้าถามท่านทูตถึงเช่าซิง ที่ว่าเป็นบ้านเกิดของหลู่ซุ่น ท่านทูตเล่าว่าอยู่ใกล้ ๆ กับเซี่ยงไฮ้ ยังมีบ้านหลู่ซุ่นตั้งโต๊ะตัวเดิมเอาไว้ มีโรงเรียนเก่าของหลู่ซุ่น ร้านขายสุราร้านเดิมที่หลู่ซุ่นเคยเขียนถึง มีโรงงานทำเหล้าเหลือง พูดถึงเหล้าข้าพเจ้าสงสัยว่ามาคราวนี้ไม่เห็นมีเหมาไถ ท่านทูตว่าทั่ว ๆ ไปในพิธีการเขาก็ไม่ค่อยใช้เหมาไถกันแล้ว เพราะว่าเปลืองรับประทานแล้วเมากันมาก ท่านทูตเล่าต่อไปถึงวนอุทยานเซียงซานที่จะไปเที่ยวกันเช้านี้ว่า แต่ก่อนนี้แถว ๆ เซียงซานยังไม่เปิดให้ชม ทางจีนเขาค่อย ๆ บูรณะ และเปิด
(น.14) รูป 7,8,9
(น.15) รูป 10,11 คำอธิบายรูป7.-11. ในเวลาเช้า ๆ อากาศค่อนข้างจะเย็น เราเดินสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณ ในสวนมีถังขยะทำเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ
(น.16) รูป12. วัดพระอรหันต์ 500 องค์ อยู่ในเขตวนอุทยานเซียงซาน (ภูเขาหอม) อันเป็นเขตที่ทิวทัศน์งดงามมาก ให้คนเข้าชมได้ทีละแห่งสองแห่ง ดอยเซียงซานเป็นเขาสำคัญลูกหนึ่งของเทือกเขาซีซาน ซึ่งอยู่ทางชานเมืองปักกิ่งด้านตะวันตก เป็นเขตที่มีทิวทัศน์สวยงาม เวลา 08.20 น. ออกเดินทางเพื่อไปปี้หยุนซื่อ รถผ่านตลาดขายผักผลไม้ ที่ปลูกผักเป็นโครงเหล็กคลุมพลาสติกและใช้เสื่อลำแพนคลุมอีกที ต้นพีช
(น.17) รูป13. รูปพระพุทธเจ้า 3 องค์ และแอปเปิ้ลยังไม่ผลิใบเลยสักต้นเดียว พวกชาวสวนมาพรวนดิน รถผ่านป่าช้าสาธารณะ รถไปถึงปี้หยุนซื่อหรือวัดพระอรหันต์ 500 องค์ ในเขตวนอุทยานเซียงซาน (ภูเขาหอม) ในสมัยราชวงศ์หมิง ขันทีผู้หนึ่งชื่อเว่ยจงเสียนเป็นขันทีตัวโกง มาสร้างสุสานสำหรับตัวเองไว้ แต่ไม่ได้ใช้เพราะถูกลงโทษ
(น.18) รูป14. พระอรหันต์ 500 องค์ของจีน ไม่เหมือนพระอรหันต์ไทย ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติวิเศษ ไม่ใช่คนถือศีล
รูป15. รูปพระบ้าที่บางตำนานกล่าวว่าสังหารฉินกุ้ย ขุนนางกังฉิน แต่บางตำนานว่าฉินกุ้ยตายเอง ไม่ได้โดนฆ่า
(น.19) ประหารชีวิตไปเสียก่อน ถึงสมัยราชวงศ์ชิง พระเจ้าเฉียนหลงมาประทับที่เขาเซียงซานบ่อย ๆ เห็นวัดมีขนาดเล็กจึงได้มาบูรณะสร้างต่อเติม ด้านนอกมีบ่อเลี้ยงปลาเงินปลาทอง สร้างในรัชกาลจักรพรรดิว่านลี่แห่งราชวงศ์หมิง ห้องบูชาพระพุทธเจ้าขณะนี้ไม่มีอะไร ใช้เป็นห้องขายของที่ระลึกและภาพวาด ห้องพระอรหันต์ 500 องค์ พระอรหันต์ทำด้วยไม้ปิดทองใส่ไว้ในตู้กระจก ดูท่าทางไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าที่ไปดูที่ยูนนานคราวก่อน มีป้ายบอกหมายเลขและชื่อ มีพระพุทธรูป 5 องค์ และมีรูปพระเจ้าเฉียนหลงเองใส่หมวก แขนเป็นเกล็ดมังกร รูปพระบ้าซึ่งเป็นคนไม่สมประกอบ แต่มีคุณความดีคือสังหารฉินกุ้ย ขุนนางกังฉินที่รับสินบนจากพวกจินหรือพวกกิมก๊ก แล้ววางแผนใส่ร้ายแม่ทัพเย่วเฟยหรืองักฮุย จนจักรพรรดิซ่งเกาจงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตเยว่เฟยในค.ศ. 1411 ประชาชนจึงรักนับถือพระบ้าองค์นี้มาก และถือว่าคนเราถึงจะไม่สมประกอบ แต่ว่ามีความตั้งใจจริงจะประสบความสำเร็จได้ รูปจี้กงเป็นรูปเล็ก ๆ ติดอยู่ที่เสา จี้กงเป็นพระที่มีชื่อเสียงในจีน เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบปฏิบัติตามศีลของพระ ชอบฉันเนื้อสัตว์ ดื่มสุรา แต่สร้างความดีหลายอย่าง เช่น สร้างวัดที่หางโจว ช่วยประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก วันหนึ่งเขาไปเทศน์สายกว่าปกติเพราะเจอหญิงสาวถูกรังแก จึงเข้าไปช่วย เป็นคนที่มีอารมณ์ดีมาก ถามไก๊ด์ถึงเหตุที่ทำพระจี้กงเป็นรูปเล็ก ๆ เขาตอบว่าอยู่ที่เพดานจะทำใหญ่ไม่ได้
(น.20) นอกจากนั้นมีพระอรหันต์หญิง ถือว่าเป็นพระอรหันต์หญิงองค์เดียวใน 500 มีเรื่องเล่ากันมาว่า เมื่อหลี่ไป๋กวีเอกของจีนยังเล็กเขาเป็นคนที่ขี้เกียจมาก วันหนึ่งเขาไปยืนดูแม่เฒ่าคนหนึ่งนั่งฝนเหล็กอยู่ เขาจึงถามขึ้นมาว่า ทำไมจะต้องฝนทั่งให้เป็นเข็ม จะเป็นไปได้อย่างไร แม่เฒ่าบอกว่า ถ้ามีความตั้งใจจริงก็จะได้รับความสำเร็จในที่สุด ตั้งแต่นั้นเขาก็ตั้งใจเรียนจนเป็นกวีเอก เล่ากันว่าแม่เฒ่าคนนั้นก็คือพระอรหันต์หญิงนี่เอง เรื่องนี้เป็นการเอานิยายพื้นบ้านมาผนวกเข้ากับพุทธศาสนา อาคารอีกหลังมีภาพจตุโลกบาล ซึ่งจะมีเกือบทุกวัด เป็นผู้พิทักษ์ทิศทั้ง 4 ได้แก่ ทิศเหนือ คือ ท้าวกุเวรมหาราช (เวสสัณ) จีนเรียกว่าตัวเหวิน แปลว่าได้ยินมาก มือหนึ่งถือหนูเงิน อีกมือหนึ่งถือฉัตรเหยียบภูตผีปีศาจเป็นเจ้าของพวกยักษ์ ทิศใต้ คือ ท้าววิรุฬหกมหาราช จีนเรียกว่าเจิงจ่าง แปลว่ารากลึก ถือดาบ เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ ทิศตะวันออก คือ ท้าวธตรฐมหาราช จีนเรียกว่า ซือกว๋อ ถือพิณ เป็นเจ้าแห่งคนธรรพ์ ทิศตะวันตก คือ ท้าววิรูปักษ์มหาราช จีนเรียกว่า กว่างมู่ แปลว่า สายตากว้างไกล ถืองู เป็นเจ้าแห่งนาค จากนั้นไปวัดพระนอนว่อฝอซื่อ วัดนี้อยู่ในเขตสถาบันพฤกษศาสตร์ ผู้อำนวยการสรถาบันมาคอยต้อนรับ
(น.21) รูป16. รูปท้าวกุเวร
รูป17. รูปท้าวธตรฐ
(น.22) รูป18. ผู้อำนวยการสถาบันอธิบายถึงเรื่องต้นไม้ น่าสังเกตว่ามีคนเยอะแยะ นอกจากจะเป็นวันอาทิตย์แล้ว ยังเป็นเทศกาลดอกท้อ (เถาฮัวเจี๋ย) ตรงบริเวณทางเข้าจึงตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ ใช้ผ้าทำเป็นรูปต่าง ๆ เช่น มังกร ม้าสวรรค์ สุเหร่าแขก มีรถสำหรับคนนั่งเล่นชมงาน มีขนมขาย ต้นไม้ตามทางขึ้นต้นโตมาก ส่วนมากเป็นต้นไม้จำพวกสน ท่านผู้อำนวยการสถาบันอธิบายว่าบางต้นปลูกในสมัยราชวงศ์หมิง ทางสถาบันทำทะเบียน ติดป้ายเล็ก ๆ ไว้เป็นสามระดับ ตามความจำเป็นที่ต้องคุ้มครอง ต้นที่ติดป้ายแดงต้องอนุรักษ์ไว้ เพราะสำคัญที่สุด และความสำคัญลดหลั่นกันลงมาอีกสองระดับ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว่าเขาใช้ป้ายสีอะไร
(น.23) รูป19. พระอรหันต์ 18 องค์ การดูแลโบราณสถานก็เช่นเดียวกัน เขาแบ่งเป็นหลายระดับ บางแห่งก็ถือว่าเป็นโบราณสถานระดับชาติ แต่ที่วัดพระนอนนี้เป็นโบราณสถานระดับเทศบาล นครปักกิ่งดูแล ตามประวัติว่าเป็นวัดโบราณ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง กษัตริย์ราชวงศ์ต่อ ๆ มาได้พระราชทานพระราชูปถัมภ์เสมอมา ได้ดูพระพุทธรูป 3 พระองค์ ไก๊ด์เล่าว่าเป็นพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ในอดีตพระมหากัสสป ปัจจุบันพระศากยมุนี อนาคตพระเมตไตรย พร้อมกับพระอรหันตสาวก 18 องค์ และมีรูปพระเจ้าเฉียนหลงแต่งกายแบบกษัตริย์ (
น.24) รูป20. เจ้าแม่กวนอิมไขว่ห้าง
(น.24) พระอรหันต์องค์หนึ่ง เป็นพระอรหันต์ปราบมังกร ชี้ไปที่มังกรอยู่ที่เสาวิหารตัวเล็กนิดเดียว เหมือนตุ๊กแก ไม่น่ากลัวเลย (เมื่อเปรียบเทียบขนาดกับพระอรหันต์) เจ้าแม่กวนอิมนั่งไขว่ห้าง เพิ่งสร้างในยุคปัจจุบันนี่เอง แต่เขาว่าทำเลียนแบบราชวงศ์ถัง พระนอน สร้างสมัยราชวงศ์หยวน เมื่อ ค.ศ.1321 ทำด้วยสำริด หนักประมาณ 54 ตัน ยาว 5.3 เมตร สูง 1.6 เมตร พระสาวก 12 องค์ ที่เฝ้าอยู่ทำด้วยดินปั้น เขาเล่าว่าแต่ก่อนมีพระทำด้วยไม้จันทน์
(น.25) รูป21. พระนอนที่วัดพระนอน
รูป22. รองเท้าที่จักรพรรดิถวายเป็นพุทธบูชา
(น.25) ในตู้กระจกมีรองเท้าคู่ใหญ่ ซึ่งเป็นของที่กษัตริย์รางวงศ์ชิงถวายเป็นพุทธบูชา ออกจากวัดประมาณสิบโมง จริง ๆ แล้วท่านทูตว่าที่วัดปี้หยุน ในเขตวนอุทยานเซียงซาน มีพิพิธภัณฑ์ซุนยัดเซน แต่เราไม่มีเวลาจะดู กลับที่พักแวะที่ตึก 19 ซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาไปตามคนขายมาขายให้เป็นพิเศษ จริง ๆ เขาปิดวันอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ร้านค้าใหญ่กว่าแต่ก่อน แต่มีของไม่หลากหลายอย่างแต่ก่อน เช่น รูปวาดในขวด จิ่งไท่หลาน (ถมปัด) ก็ไม่เห็นมี มีเวลาซื้อของไม่นานเพราะต้องไปพบท่านนายกรัฐมนตรี