Please wait...

<< Back

กวางโจว

(น.69) ในช่วง ค.ศ. 1552-1567 มีโจรสลัดญี่ปุ่นชุกชุม เมื่อบูรณะอาคารเสร็จจึงให้ชื่อว่า ตึกปราบปรามทางทะเล ค.ศ. 1840-1842 เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ตึกนี้ถูกทหารอังกฤษยิงด้วยปืนใหญ่เสียหาย และบูรณะใหม่ใน ค.ศ. 1928 เปลี่ยนวัสดุจากเดิมเป็นอิฐและไม้มาเป็นตึกปูนเสริมเหล็ก ค.ศ. 1938 จนถึงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นใช้ตึกนี้เป็นที่เลี้ยงม้า ตึกเสียหายมาก

(น.70) ค.ศ. 1950 รัฐบาลซ่อมแซมให้เป็นพิพิธภัณฑ์มาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้นคนยังมาดูตึกว่าเป็นตึกที่งามที่สุดตึกหนึ่ง ทิวทัศน์รอบข้างก็งาม เมื่อปีที่แล้วได้รับเลือกเป็น 1 ใน 10 ของจุดท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของกวางโจว การจัดพิพิธภัณฑ์นั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่แสดงประวัติเมืองกวางโจวว่าเดิมเรียกว่าพานหยู เริ่มสร้างเมืองมาตั้งแต่ 214 ปีก่อนคริสต์กาล ตำนานเล่าว่าเมื่อ 2,800 ปีก่อน มีเทวดาขี่แพะมา 5 องค์ มาช่วยเมืองนี้ให้พ้นจากความอดอยาก เลยเรียกเมืองนี้ว่าเมืองแพะ ไม่ยักเรียกว่าเมืองเทวดา เห็นจะเป็นเพราะเรื่องเล่าต่อไปว่าเมื่อช่วยแล้วเทวดาเหาะกลับสวรรค์ไปเองทิ้งแต่แพะเอาไว้ แพะคาบธัญพืชมาด้วย ชาวเมืองเอาธัญพืชนั้นมาหว่าน จึงมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์จนทุกวันนี้ แพะนั้นกลายเป็นหิน (แต่ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน) เรื่องอย่างนี้เท็จจริงอยู่ที่ผู้เล่า แต่ว่าเขาเรียก 5 แพะ ทำให้คิดถึงถ่านไฟฉายตรา 5 แพะ พอถามคนที่นี่ว่ารู้จักไหมก็ดูจะงงๆ เป็นอันว่าถ่านไฟฉายตรา 5 แพะไม่เป็นที่รู้จักในกวางโจว


(น.70) รูป 65 ฝาผนังพิพิธภัณฑ์ตกแต่งด้วยแผ่นทองแดงสลักรูปเรือ

(น.71) รูป 66 รูปซากอู่ต่อเรือโบราณในจงซาน


(น.71) รูป 66 รูปซากอู่ต่อเรือโบราณในจงซาน

(น.71) มีรูปซากอู่ต่อเรือในจงซาน คนนำอธิบายว่า พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ หรือที่จีนเรียกว่า ฉินซื่อหวาง ส่งทหารมาประจำที่กวางโจว เมื่อ 214 ปีก่อนคริสต์กาล ถือเป็นเมืองค้าขายที่มีประวัติยาวนานที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางการค้า มีท่าเรือใหญ่ที่สุดตั้งแต่สมัยหมิง สมัยชิง จนถึงปัจจุบัน ติดต่อกับต่างประเทศมากที่สุด มีรูปอู่ต่อเรือสมัยราชวงศ์ฉิน กล่าวว่าต่อเรือที่ขนสินค้าได้ 25-30 ตัน รูปซากเรือสมัยราชวงศ์ฮั่น เห็นเป็นเศษไม้ทาสี รูปแสดงเขตเมืองพานหยู แสดงว่าเป็นชายแดนห่างไกลมาก มีกล่องโบราณเขียนชื่อเมืองพานหยู แสดงว่าเดิมเมืองนี้ชื่อพานหยูจริงๆ


(น.72) รูป 67 รูปจำลองเมืองกวางโจว

(น.72) รูปจำลองเมืองกวางโจว เมืองกวางโจว เป็นเมืองอกแตกคือ ส่วนที่สำคัญของเมืองอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ไทยเราถือว่าไม่ดีทางยุทธศาสตร์ เมื่อเกิดศึกสงครามจะรักษาเมืองได้ยาก แต่จีนดูจะไม่กลัวในเรื่องนี้ รูปจำลองเมืองนี้มีแป้นกดไฟฟ้าแสดงตำแหน่งของอาคารสถานที่ต่างๆ มีส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จ เป็นเพียงแผนที่จะสร้างในอนาคต ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 แสดงประวัติศาสตร์สมัยฮั่นถึงสมัยหยวน ตั้งแต่สมัยฮั่น กวางโจวเป็นเมืองท่าที่ส่งเรือออกไปติดต่อเกาะไหหลำ เกาะพาราเซลส์ (จีนเรียกซีชา) และทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ฮั่น ทั้งที่เป็นภาชนะถ้วยชาม และของอื่นๆ เช่น มีรูปบ้านจำลองยกพื้นสูง ดูลักษณะเหมือนบ้านไทยมากกว่าบ้านจีน คอกสัตว์ มีวัว ไก่ ม้า ยุ้งข้าวทรงกลม แผนที่แสดงเส้นทางแพรไหมทางทะเล (ที่จริงสินค้าสำคัญของเส้นทางนี้เป็นเครื่องถ้วยจีนมากกว่าไหม) เขาทำให้เห็นว่าการค้าขายทางทะเลนั้น ในยุคไหนคนจีนเดินทางไปทางไหน และคนต่างชาติยุคไหนเดินทางมาจีน และเดินทางโดยใช้เส้นทางใด สมัย

(น.78)
(น.78) แสดงของต่างๆ ที่สมัยนั้นถือเป็นของสมัยใหม่ แต่ปัจจุบันเราเรียกว่าเป็นของโบราณ เช่น ธนบัตรสมัยต้นๆ เหรียญเงิน จักรเย็บผ้า นาฬิกา เครื่องตอกบัตรบอกเวลามาทำงาน ตู้เย็นแบบโบราณเป็นตู้ไม้ ข้างในคงจะมีโลหะ เวลาจะแช่ต้องใส่ก้อนน้ำแข็งลงไปก่อน ป้ายโปสเตอร์ขายบุหรี่ แผ่นโฆษณาเรื่องการแกะสลักงาช้าง รูปซุนยัดเซ็น และซุนเค่อ ลูกชายคนโตของซุนยัดเซ็น (ค.ศ. 1891-1973) เขาเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกของกวางโจว และยังได้รับเลือกอีกหลายสมัย รูปถนนไท่ผิง เครื่องดับเพลิง มีรถลาก เครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือออกแบบ (ชุดเขียนแบบ) เครื่องมือที่ใช้ในไปรษณีย์ เครื่องเล่นจานเสียง วิทยุทำในสหรัฐอเมริกา เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือแพทย์ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือทางสูตินรีเวช ประวัติของแพทย์หญิงเหลียงอี้เหวิน ซึ่งเรียนทางสูตินรีเวชมาจากสหรัฐอเมริกา ไปเรียนเมื่อ ค.ศ. 1929


(น.78) รูป 75 เกี้ยวสมัยราชวงศ์ชิง


(น.79) รูป 76 ตู้เย็นโบราณ


รูป 77 รถดับเพลิง

(น.79) ชั้น 5 มีของตั้งแสดงเล็กน้อย ส่วนใหญ่มีร้านค้าขายใบชา มีทั้งชาธรรมดา และชาที่ทำจากพืชอื่น เช่น ชากุหลาบ ชาเก๊กฮวย ยาสมุนไพร เครื่องถ้วยภาชนะที่ใช้ชงชา ที่จริงมีเรื่องการต่อสู้กับฝรั่งสมัยจักรวรรดินิยม การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนอีก แต่ว่าเสียดายที่ไม่มีเวลาดู กล่าวโดยสรุป ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองกวางโจว และมณฑลกวางตุ้งจะศึกษาได้เหมือนกับอ่านหนังสือเล่มใหญ่ นอกจากนั้นยังสามารถเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน และน่าเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาของไทยเราในสมัยจักรวรรดินิยม ที่พิพิธภัณฑ์เขาให้หนังสือมาเล่มหนึ่งชื่อ The Maritime Silk Route มีภาพของที่แสดงในพิพิธภัณฑ์ และมีคำอธิบายที่ละอียดกว่าที่จดมาได้


(น.80) รูป 78 รูปจำลองอนุสาวรีย์ 5 แพะ

(น.80) ที่หมายที่ 3 อนุสาวรีย์ 5 แพะ (เขาว่าเป็นแพะตัวผู้ 1 ตัวเมีย 3 ตัวและลูกแพะอีกตัว) ทำด้วยหินแกรนิตอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ บนเนินอีกแห่งซึ่งสูงกว่าพิพิธภัณฑ์เล็กน้อยในเขตสวนสาธารณะเยว่ซิ่ว ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกวางโจว นายกเทศมนตรีนครกวางโจวสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1959 เรื่องราวดังที่ได้กล่าวแล้วที่พิพิธภัณฑ์

ข้าพเจ้าจึงถ่ายรูปหมู่กับคณะคนปีแพะด้วยกัน โดยหาได้เพียง 4 แพะ คือข้าพเจ้า อารยา ประพจน์ และจี้
(น.80) รูป 79 บริเวณอุทยาน 5 แพะ


(น.82) รูป 81 บ้านตระกูลเฉิน

(น.82) ที่หมายที่ 4 คือ บ้านตระกูลเฉิน และพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นเมือง รองนายกเทศมนตรีเปิดรถไฟใต้ดินแล้วกลับมารับ นายหลี่จัวฉีเป็นคนนำชม บ้านหลังนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1890-1894 ผู้ที่ริเริ่มสร้างเป็นบุคคลตระกูลเฉิน 3 คน คือ เฉินหุ่ยหลาน เฉินซีหลาน และเฉินเจียงหลิน มีคนคิดว่าคนตระกูลเฉินที่สอบคัดเลือกมาจากอำเภอแล้วจะต้องมาสอบระดับสูงขึ้นที่กวางโจว น่าจะมีสถานที่เป็นที่พักและศึกษาหาความรู้เพื่อเตรียมตัวสอบ จึงเรี่ยไรคนในตระกูลเฉินรวม 72 ครอบครัว เพื่อสร้างเป็นสถานศึกษา ครั้งแรกได้เงินไม่พอต้องเรี่ยไรอีกครั้งหนึ่ง โดยแจ้งวัตถุประสงค์เสียใหม่ว่า เพื่อสร้างเป็นศาลเจ้าของตระกูล การเรี่ยไรคราวนี้เพียงพอ

Next >>