Please wait...

<< Back

" คืนถิ่นจีนใหญ่ วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540"

(น.206) วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2540
ออกจากห้องก็เดินไปเดินมา (มีกงสุลเดินด้วยอีกคนหนึ่ง) มีคนมาแจกคำปราศรัยของประธานาธิบดี อีกครู่หนึ่งซึ่งไม่นานนักก็รีบเข้าไปที่ห้อง Hall 3, Level 7 เพื่อร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของบุคคลสำคัญในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เรียกชื่อนี้เป็นภาษาอังกฤษ (ยาวมาก) ว่า The Ceremony for the Establishment of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China and the Inauguration of the Government of the Hong Kong Special Administrative Region



(น.206) รูป 177 บัตรเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของบุคคลสำคัญ ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

(น.207) คราวนี้ไม่มีปัญหาเรื่องหาที่นั่งเพราะข้าพเจ้ามีบัตรเชิญที่บอกรายละเอียดว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร คือบอกห้อง เวลาคือ 01.30 น. แขกทุกคนจะต้องติดบัตร คนที่ติดบัตรเท่านั้นจึงจะเข้าได้ ต้องเอาบัตรที่นั่งมาด้วย แขกควรเข้ามาในห้องระหว่างเวลา 00.15 น. ถึงเวลา 01.00 น. บอกเส้นทางเดินทางมาถึงห้องนี้ด้วยตั้งแต่เลี้ยวเข้าถนน (รอบคอบมาก) แขกที่นั่งโซน 1 ถึงโซน 14 เข้าประตูด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนแขกที่นั่งโซน 15 ถึง 28 ให้เข้าทางตะวันตกเฉียงใต้ (แบบนี้ก็ดี ยังไม่สับสน) ระหว่างพิธีห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ห้ามใช้เพจเจอร์ บนที่นั่งเขาวางโปรแกรมไว้ให้ มีรายละเอียดข้อตกลงเพิ่มเติมอีก คือให้ยืนเวลาเล่นเพลงชาติจีน ระหว่างงานนอกจากห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและเพจเจอร์ดังที่กล่าวแล้ว ยังห้ามใช้กล้องถ่ายภาพหรือกล้องถ่ายวิดีโอเทปนอกจากพวกสื่อมวลชนที่ได้รับอนุญาตพิเศษ เขาว่าถ้ามีปัญหาอะไรถามเจ้าหน้าที่ของเขาได้


(น.207) รูป 178 บัตรเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของบุคคลสำคัญ ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

(น.208) ที่จริงข้าพเจ้ามีอุปกรณ์ต่างๆ เตรียมมาร่วมพิธีหลายอย่างได้แก่ สมุดที่จดได้แม้ในที่เปียกชื้น แต่ใช้ไม่ค่อยได้ผลเมื่อฝนกระหน่ำอย่างงานที่ East Tamar ข้าพเจ้าเอากล้องถ่ายรูปเล็กๆ ใส่กระเป๋ามา มีทั้งที่ใส่ฟิล์มสไลด์และฟิล์มธรรมดา ถ่ายได้บ้างแต่ไม่มากเพราะมัวแต่ฉุกละหุกเลยลืมถ่าย ถ้าอยากเป็นผู้สื่อข่าวที่ดีจะต้องฝึกตรงนี้อีกมาก กล้องวีดีโอไม่ได้ถือเพราะแค่นี้ก็แย่แล้วโทรศัพท์มือถือก็มี แต่จะไว้ใช้เฉพาะยามคับขัน เช่น หาใครไม่เจอ ที่นั่งของข้าพเจ้าก็อยู่กับคณะของท่านรัฐมนตรีนั่นเอง แสดงว่าเมื่อสักครู่นี้นั่งถูกต้องแล้ว เมื่อมีที่นั่งอย่างภาคภูมิข้าพเจ้าก็เลย ออกมายืนคุยกับคนข้างนอกแถวเก้าอี้ เจอใครต่อใครมาก พบพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และคุณพิชัย รัตตกุล ดูท่าทางทั้งสองท่านสนุกสนานดีกับการร่วมงานนี้ พบ Mrs. Betty Tung ซึ่งบ่นว่าไม่มีโอกาสพาข้าพเจ้าไปชมสถานที่ต่างๆ ตามที่นึกอยาก ทูตเคนยาประจำประเทศไทย แต่มีถิ่นพำนักอยู่ที่ปารีสบอกว่า ถ้ามีเวลาก็ขอเชิญไปเคนยา คณะผู้แทนจากปากีสถาน และครอบครัววิลสันทั้งครอบครัว คราวนี้เจอลูกชายสองคนคือ ปีเตอร์ ตอนนี้เป็นข้าราชการสถานทูตอังกฤษประจำปักกิ่ง และแอนดรูตอนนี้เป็นพระ แต่แรกข้าพเจ้าจำเขาไม่ได้ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ห้องพิธีนี้ดี มีคนนั่งแยะ เขาจึงกลัวจะไม่เข้าใจพิธี ข้างๆเวทีก็เลยมีจอ บางที่ก็ฉายเป็นภาพ ถ้ามีการกล่าวสุนทรพจน์ก็จะมีเขียนไว้ให้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน (ใช้อักษรตัวเต็ม) ตอนนี้เขาฉายให้เห็นภาพที่ Prince of Wales พาผู้ว่าราชการ Chris Patten ลงเรือบริตาเนีย ไป และโทรทัศน์ CCTV ของจีน มีภาพการเฉลิมฉลองใน

(น.209) ที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปักกิ่ง ทำยกพื้นมีการแสดงต่างๆมากมาย เมื่อใกล้เวลาพิธี ผู้ใหญ่ฝ่ายจีนและฝ่ายฮ่องกงเข้ามา ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรของงานนี้คือ รองนายกรัฐมนตรีเฉียนฉีเฉินซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเตรียมการตั้งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประกาศว่าจะเริ่มต้นงาน วงโยธวาทิตของกองทัพปลดแอก (People’s Liberation Army) บรรเลงเพลงชาติจีน ประธานาธิบดีประกาศตั้งรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นเป็นการสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งเริ่มต้นจากนายต่งเจี้ยนหัว (Tung Chee-hwa) หัวหน้าคณะผู้บริหาร (Chief Executive) ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยมีนายกรัฐมนตรีหลี่เผิงเป็นผู้รับฟังคำสาบาน กลุ่มต่อมาเป็นพนักงานรัฐชั้นผู้ใหญ่ (Principal Officials) นำกล่าวโดยคุณแอนสัน ชาน และสาบานต่อนายกรัฐมนตรีหลี่เผิง เช่นเดียวกัน ต่อจากนั้นเป็นการสาบานของสภาบริหาร (Executive Council-ExCo) สาบานต่อนายกต่งเจี้ยนหัว


(น.209) รูป 179 รัฐธรรมนูญจีน และ Basic Law ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

(น.210) การสาบานของสภานิติบัญญัติเฉพาะกาล (Provisional Legislative Council-Legco มีหน้าที่ออกกฎหมาย ควบคุมการทำงานของฝ่ายบริหาร) สาบานต่อนายต่งเจี้ยนหัว การสาบานของผู้พิพากษาศาลฎีกา (Court of Final Appeal มีหน้าที่พิจราณาคดีฎีกา ใส่เสื้อคลุมสีดำ) และผู้พิพากษาศาลสูง (High Court ตัดสินได้ทั้งคดีแพ่งและอาญา ใส่เสื้อคลุมสีแดง) สาบานต่อนายต่งเจี้ยนหัว คำสาบานนั้นมีเนื้อหาเหมือนกันคือ จะยึดมั่นในกฎหมาย Basic Law มีความภักดีต่อ HKSAR รับใช้ HKSAR ด้วยความซื่อสัตย์ เมื่อเสร็จแล้วนายกรัฐมนตีหลี่เผิงกล่าวสุนทรพจน์ว่า ในโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ ในนามของรัฐบาลจีน ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีในโอกาสการสถาปนารัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ข้าพเจ้าใคร่ถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาในพิธีนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณสมาชิกคณะกรรมการเตรียมการตั้ง HKSAR และสมาชิกคณะกรรมการคัดเลือกรัฐบาลแรกของ HKSAR และผู้ที่สนับสนุนการกลับคืนสู่จีนของฮ่องกง ตั้งแต่วันนี้กฎหมาย Basic Law ของ HKSAR มีผลบังคับใช้หัวหน้าคณะผู้บริหารท่านแรก พนักงานรัฐชั้นผู้ใหญ่ สมาชิกสภาบริหาร สมาชิกสภานิติบัญญัติเฉพาะกาล ผู้พิพากษาศาลฎีกาและศาลสูง ท่านทั้งหลายได้สาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งแล้วประวัติศาสตร์ได้มอบความรับผิดชอบที่สำคัญให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะปฏิบัติตาม Basic Law อย่างตั้งใจ ทำหน้าที่ด้วยความสำนึกสมกับที่ประชาชนคาดหวัง ด้วยความรักจีนและรักฮ่องกง
br> (น.211) รัฐบาลกลางสนับสนุนหัวหน้าคณะผู้บริหาร นายต่งเจี้ยนหัว และงานของรัฐบาล HKSAR อย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าเชื่อว่าเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกง ซึ่งขณะนี้กลับมาอยู่ในครอบครัวใหญ่ของมาตุภูมิ จะยังคงอุทิศตนเพื่อให้ฮ่องกงมีความมั่งคั่งและมีเสถียรภาพ ด้วยความขยันขันแข็งและด้วยปัญญา การที่ฮ่องกงกลับคืนสู่มาตุภูมิและการสถาปนารัฐบาลของ HKSAR แสดงความสำเร็จของการใช้วิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของนายเติ้งเสี่ยวผิงเรื่อง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในการแก้ปัญหาฮ่องกง เป็นการแสดงความสำเร็จอย่างยิ่งของชาวจีนในการรวมประเทศ ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมแนวทางสู่สันติภาพสากลและความก้าวหน้า ฮ่องกงในปัจจุบันได้ก้าวสู่ยุคใหม่ทางประวัติศาสตร์ และจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ยิ่งไปกว่านี้ ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน จากนั้น นายต่งเจี้ยนหัว หัวหน้าคณะผู้บริหารของ HKSAR ออกมากล่าวเป็นภาษากวางตุ้ง ว่า ท่านประธานาธิบดีเจียง ท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ เพื่อนร่วมชาติและมวลมิตร วันนี้เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง : วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 หลังจากที่ต้องแยกจากกันมาถึง 156 ปี ฮ่องกงและจีนก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้ง นี่เป็นช่วงเวลาที่เคร่งขรึม เป็นพิธีการ และน่าภาคภูมิใจ วันนี้เรามาที่นี่เพื่อประกาศแก่โลก ด้วยภาษาของเราเองว่า ฮ่องกงได้เข้าสู่ยุคใหม่

(น.212) ในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน จีนเป็นประเทศ และเราในฐานะเป็นพลเมืองได้เคยผ่านวันเวลาแห่งความรุ่งเรือง ความหวัง และความมั่งคั่ง เราได้ผ่านวันเวลาแห่งความท้อแท้ ความอัปยศ และความสิ้นหวัง บทเรียนนี้มีความชัดเจน สิ่งที่มีค่าที่สุดของชาติหรือประชาชนใดก็ตามคือ ความสามารถที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง เป็นใหญ่เหนือชะตาชีวิตของตนเอง ศตวรรษกึ่งมาแล้ว เพื่อนร่วมชาติหลายคนนำโดยอุดมการณ์ที่สูงส่งและความเชื่อมั่นที่ไม่คลอนแคลน ได้อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของประชาชนและเพื่อรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติเราไว้ การเสียสละอย่างใหญ่หลวงของพวกเขาและความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนำเรามาสู่ที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เราในฐานะเป็นชาติ มีความมั่งคั่งและมีศักยภาพจะบรรลุถึงความยิ่งใหญ่เหมือนที่เราเป็นในปัจจุบัน เราไม่เคยเป็นที่ยอมรับและมีศักดิ์ศรีในประชาคมระหว่างประเทศเหมือนที่เราเป็นในวันนี้ ในที่สุดฮ่องกงก็รวมเข้ากับจีนอย่างราบรื่นและสันติ วันนี้ เราเป็นชาติโชคดีที่อยู่ในฐานะที่คนรุ่นก่อนเราได้แต่ฝัน ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นคนจีนอาศัยอยู่ในฮ่องกง และในนามของคนฮ่องกงทั้งหมด ขอแสดงความเคารพอย่างยิ่งและสำนึกบุญคุณของชายหญิงผู้เสียสละทำให้เราได้รับสิ่งที่เราได้มา การเริ่มต้นปกครองแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เป็นความคิดใหม่อันชาญฉลาดและสูงส่ง สายตาของโลกมองมาที่เรา ในขณะที่ฮ่องกงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ และจะพบกับสิ่งท้าทายในการเข้าสู่

(น.213) น่านน้ำใหม่ ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ เรามั่นใจว่าเราจะเผชิญกับสิ่งท้าทายนั้นได้ และจะสร้างอนาคตที่ดีกว่าและสดใสกว่า ความมั่นใจของเราเกิดจากรากฐานที่ดี และรากฐานของความเชื่อมั่นของเราคือ ความชาญฉลาดและวิสัยทัศน์ของรัฐบุรุษผู้รักชาติ คำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ของชาติขึ้นกับปัญญา ความหมั่นเพียร ความสามารถรอบตัวของชาวฮ่องกง และมรดกทางวัฒนธรรม นอกจากนี้เราในฐานะที่เป็นประเทศเดียวกัน ประชาชนเดียวกัน จะปฏิบัติตามแนวคิด “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ทั้งหมดนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของเราที่จะทำให้เป็นจริงได้ โดยกฎหมาย รัฐบาลกลางให้สิทธิแก่ฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างสูง แบบไม่มีที่ใดเหมือน เราเห็นคุณค่าในการได้รับอำนาจนี้ เราจะใช้อำนาจอย่างรอบคอบและด้วยความรับผิดชอบ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยความนับถือและเชื่อมั่นของทั้งชาติ เราจึงพร้อมที่จะก้าวไปด้วยความมั่นใจ และมีความเชื่อมั่นว่า เราจะมีส่วนในการทำให้ประเทศทั้งประเทศรวมกัน และทำให้เกิดชีวิตขึ้นที่ดีทั้งชาติ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรา ชาวฮ่องกง ได้เป็นนายของโชคชะตาของเราเอง รัฐบาลของเขตบริหารพิเศษมีข้อผูกพันที่จะรักษาวิถีชีวิตของฮ่องกง ที่จะรักษาระบบเศรษฐกิจที่เป็นอิสระและเปิดกว้าง รักษากฎหมายและสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เราจะเอื้ออาทรต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เราจะรักษาฮ่องกงให้เป็นเมืองนานาชาติที่มีชีวิตชีวาต่อไป

(น.214) ประเทศชาติและประชาชนได้มอบความรับผิดชอบให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อข้าพเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจ ข้าพเจ้าตระหนักถึงความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงในเบื้องหน้า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์ของความยินดีความพอใจในความสำเร็จ ความเจ็บปวดและความผิดหวังจากความล้มเหลว ข้าพเจ้าทราบดีถึงความคาดหวังและความต้องการของคนฮ่องกง ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงพลังอำนาจที่มาจากความเป็นเอกภาพของจุดมุ่งหมายและทิศทาง ข้าพเจ้าจะรักษาหลักของการปกครองตนเองดังที่ระบุไว้ใน Basic Law ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และความมุ่งมั่น ข้าพเจ้าจะนำชาวฮ่องกง 6.5 ล้านคนไปสู่อนาคตพร้อมกับจิตใจที่ไม่ย่อท้อโดยที่เราเป็นส่วนหนึ่งของจีน เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยหลักการที่มีสองระบบอย่างชัดเจน ข้าพเจ้าเชื่อว่าฮ่องกงในฐานะที่เป็นเขตบริหารพิเศษของจีน จะมีอนาคตที่รุ่งเรืองและประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อกล่าวจบแล้วท่านรองนายกรัฐมนตรีเฉียนฉีเฉินกล่าวสรุปเป็นอันเสร็จพิธี ข้าพเจ้าค่อนข้างจะผิดหวังตัวเองที่ไม่สามารถบันทักสิ่งที่ได้พบเห็นทุกอย่างได้อย่างละเอียด เนื่องจากฝนตกดังที่กล่าวมาแล้วและตอนดึกเริ่มง่วงนอน เตรียมบดกาแฟอย่างดีจากดอยตุงมาขวดหนึ่งยังไม่แก้ความง่วง ตอนพิธีอำลาและพิธีส่งอำนาจยังถ่ายรูปได้บ้าง แต่ตอนที่จีนจัดพิธีนี้เขาห้ามถ่ายเด็ดขาด

(น.215) รีบออกจากห้องเดินทางไปประตูทางออก มีรถมารับกลับบ้านพักกงสุล ถึงประมาณเกือบตีสาม มีนพร จี้ และอาจารย์สารสิน ซึ่งเห็นจะหลับไปคนละหลายตื่นออกมารับ คุยเรื่องการผจญภัยกันสองสามคำก็เข้านอน เช้าสักหกโมงตื่นขึ้นมาอีกก็เลยส่ง E-mail ถึงใครต่อใคร โดยถือว่าส่งจากฮ่องกงภายใต้จีนเป็นวันแรก เวลา 08.30 น. ออกไปจะรับประทานอาหารเช้าแบบจีน แต่ได้ความว่าเมื่อคืนนี้ฝนตกมาก น้ำท่วมห้องกินข้าว ข้าพเจ้าไม่ได้ออกไปตอนเช้าเลยไม่ได้ช่วยเขาวิดน้ำ ขึ้นไปชั้นบนมีโทรทัศน์เรื่องการคืนฮ่องกง เวลา 09.30 น. ถึงประมาณเกือบ 10 โมง ออกจากที่พักไป Hong Kong Convention and Exhibition Centre Extension เพื่อเข้าร่วมงานฉลองการก่อตั้ง HKSAR ที่ห้องโถง 3 ชั้น 7 ก่อนออกมีใครบอกว่าให้ใช้บัตรเชิญเมื่อคืนนี้และนั่งที่นั่งเดิม เลยเอาบัตรนั้นไปและลืมเอาบัตรคล้องคอไป เมื่อเข้าไปถึงเขาก็อุตส่าห์ให้เข้า ทั้งๆ ที่ไม่มีบัตรคล้องคอ ไปถึงที่ที่เคยนั่ง ก็มีคนนั่งอยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็ไปเถียงเขาว่าเป็นที่ของข้าพเจ้า เขาก็ว่าเป็นที่ของเขา บัตรของข้าพเจ้าเป็นบัตรเมื่อคืนนี้ เถียงอยู่พักข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้าคงผิดแน่ พี่แอ๊ก็เลยขอรายชื่อแขกมาดู มีชื่อข้าพเจ้าอยู่อีกแห่ง พอหาที่ถูกต้องแล้วลงนั่ง ไม่กล้าลุกออกไปเดินเพ่นพ่านที่ไหน นั่งอยู่สักพักเห็นรัฐมนตรีกับภริยามา แต่ดูท่านก็ไม่ทราบว่าจะนั่งตรงไหนดี ข้าพเจ้ามีประสบการณ์แล้วเลยบริการตรวจชื่อ ได้ความว่าก็นั่งติดกับข้าพเจ้านันเองระหว่างรอวงโยธวาทิตบรรเลง

(น.216) พิธีการในช่วงนี้มีดังนี้ เมื่อบุคคลผู้ใหญ่เข้ามาพร้อมกันแล้ววงดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติ ประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินกล่าวสุนทรพจน์ ดังนี้ ท่านสุภาพสตรี ท่านสุภาพบุรุษ และเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย วันนี้รัฐบาลจีนและอังกฤษได้จัดพิธีส่งมอบฮ่องกง ประกาศว่าฮ่องกงกลับเป็นของจีน ขณะนี้มีการสถาปนาเขตบริหารพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นทางการ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญ มีผลอย่างมากต่อฮ่องกง ต่อจีน และแม้แต่ต่อโลกทั้งโลก ข้าพเจ้าขอถือวันนี้เป็นวันมงคล ไม่เฉพาะแต่สำหรับเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกง แต่สำหรับชาวจีนและชาติจีนทั้งหมด ในโอกาสประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ ในนามของรัฐบาลกลางของจีนและชาวจีนทุกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีในการที่ฮ่องกงกลับคืนสู่มาตุภูมิและการสถาปนาเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ข้าพเจ้าขอถือโอกาสต้อนรับเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกง 6 ล้านคน ที่กลับสู่ครอบครัวใหญ่แห่งมาตุภูมิ และแสดงความขอบคุณเพื่อนร่วมชาติในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน กับทั้งชาวจีนโพ้นทะเลที่ช่วยในการกลับคืนจีนของฮ่องกง และผู้รักชาติทุกคนที่ช่วยในการรวมฮ่องกง ข้าพเจ้าขอขอบคุณเพื่อนชาวต่างประเทศที่ใส่ใจและสนับสนุนการที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีน ในนามของรัฐบาลจีน ข้าพเจ้าใคร่ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและมวลมิตรที่มาพร้อมกันในพิธีนี้ การกลับคืนสู่มาตุภูมิของฮ่องกงเป็นหน้าที่สว่างไสวของพงศาวดารชาติจีน ตั้งแต่นี้ต่อไปเพื่อนร่วมชาติฮ่องกงจะเป็นนายที่นี่อย่างแท้จริง ในขณะที่พงศาวดารของฮ่องกงพลิกหน้าใหม่

(น.217) ตั้งแต่สมัยโบราณ บรรพบุรุษของเราได้อาศัยอยู่และทำงานบนผืนแผ่นดินนี้หลายชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินจนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเตากวางในราชวงศ์ชิง ฮ่องกงอยู่ในขอบเขตอำนาจอธิปไตยของจีน ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลังจากทำสงครามฝิ่นสองครั้ง อังกฤษบังคับรัฐบาลชิงซึ่งฉ้อราษฎร์บังหลวงและไร้ความสามารถให้ลงนามในสนธิสัญญานานกิง ค.ศ. 1842 และอนุสัญญาปักกิ่ง ค.ศ. 1860 ใน ค.ศ. 1898 อังกฤษบังคับรัฐบาลชิงอีกครั้งให้ลงนามในอนุสัญญาขยายฮ่องกง และครอบครองเขตฮ่องกงทั้งหมด แม้ว่าจะแยกกันนาน ความผูกพันทางเลือดเนื้อของประชาชนในผืนแผ่นดินใหญ่และเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกงก็ไม่เคยถูกตัดขาด ความรู้สึกร่วมกันเพื่อความอยู่ดีกินดีของชาติก็ไม่ถูกตัดขาดเช่นเดียวกัน ประชาชนจีนไม่เคยยอมรับสัญญาไม่เสมอภาคที่ตนเองถูกบังคับ แม้แต่วันเดียวก็ไม่เคยลืมความรู้สึกอัปยศที่ฮ่องกงถูกยึดครอง และไม่เคยหยุดยั้งการต่อสู้ที่ไม่ย่อท้อเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยและเพื่อการปลดปล่อยฮ่องกงกลับมาเป็นของชาติจีน เมื่อกาลเวลาผ่านไป มีการเปลี่ยนแปลงที่สะท้านโลก เมื่อธงดาวแดงห้าดาวได้ผงาดขึ้นเหนือจัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นครั้งแรกแสดงต่อโลกว่าจีนได้รับเอกราชและการปลดปล่อย และเริ่มเดินทางในเส้นทางสู่ลัทธิสังคมนิยม การปฏิรูปและการเปิดประเทศทำให้ชาติจีนได้เผยตนในโฉมหน้าใหม่ มีความยิ่งใหญ่ด้านการต่างประเทศเด่นชัดมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขซึ่งตรงข้ามกับฉากหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ที่ฮ่องกงกลับคืนสู่มาตุภูมิ

(น.218) ในวันแห่งการเฉลิมฉลองระดับชาติเนื่องในการกลับคืนของฮ่องกงเราขอน้อมรำลึกและยกย่องนายเติ้งเสี่ยวผิงผู้ล่วงลับไปไม่นานมานี้ ท่านเป็นผู้ริเริ่มการมองการณ์ไกลที่สร้างสรรค์หลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ด้วยปัญญาอันยอดเยี่ยมและความเป็นรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นำทางที่ถูกต้องให้เราแก้ปัญหาฮ่องกงโดยการเจรจาทางการทูต และให้รักษาความมั่งคั่งและเสถียรภาพของฮ่องกงในระยะยาว หลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มได้อธิปไตยในฮ่องกง ฮ่องกงยังคงใช้ระบบทุนนิยมต่อไป และใช้ระบบเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กฎหมายก็ไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังใช้ระบบสังคมนิยม ฮ่องกงในฐานะที่เป็นเขตบริหารพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีอำนาจปกครองตนเองสูงตามกฎหมาย Basic Law ซึ่งรวมทั้งด้านการบริหาร นิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการที่เป็นอิสระรวมทั้งการวินิจฉัยความขั้นสุดท้าย รัฐบาลกลางจะบริหารในด้านการต่างประเทศและการป้องกันประเทศของ HKSAR ตามกฎหมาย เราขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อนายต่งเจี้ยนหัว หัวหน้าคณะผู้บริหารของ HKSAR ผู้ซึ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันนี้ เรามีความมั่นใจเต็มที่ต่อ HKSAR ภายใต้การนำของเขาและจะสนับสนุนเต็มที่ Basic Law ของ HKSAR จะไม่มีผลปฏิบัติแต่ในเฉพาะฮ่องกงเท่านั้น แต่หน่วยราชการต่างๆ ของรัฐบาลกลางก็ต้องถือตามเช่นเดียวกัน รวมไปถึงมณฑล ภูมิภาคปกครองตนเอง มหานครทั้งหลายที่อยู่ใต้รัฐบาลกลางโดยตรง จะไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลกลาง

(น. 219) หรือรัฐบาลท้องถิ่นใดที่สามารถเข้าแทรกแซงงานที่กำหนดไว้ใน Basic Law ว่าเป็นหน้าที่ของ HKSAR เองได้ หลังจากที่กลับคืนสู่มาตุภูมิ ฮ่องกงยังคงมีสิทธิตามกฎหมายที่มีอยู่เดิม ผู้ที่อยู่อาศัยในฮ่องกงยังมีสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย และมีความเท่าเทียมกันภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมาย บทบัญญัติของข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิด้านการเมือง (The International Covenant on Civil and Political Rights) ข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมละวัฒนธรรม (The International Covenant on Economic Social and Cultural Rights) และอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศที่ใช้กับฮ่องกงยังคงใช้ปฏิบัติอยู่โดยผ่านทางกฎหมายของฮ่องกง ระบบประชาธิปไตยที่ค่อยๆ ปรับปรุงให้เหมาะสมกับความเป็นจริงในฮ่องกง เป็นการประกันที่ดีที่สุดสำหรับเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองตาม Basic Law ฮ่องกงจะค่อยๆ พัฒนาประชาธิปไตย โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่จะเลือกหัวหน้าคณะผู้บริหารและสภานิติบัญญัติโดยการเลือกตั้งทั่วไป หลังการกลับมาสู่มาตุภูมิ ฮ่องกงจะรักษาสถานะเป็นเมืองท่าเสรี และศูนย์กลางของการคลัง การค้า และการเดินเรือระหว่างประเทศ ในขณะที่ยังคงรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับประเทศอื่น กับภูมิภาคต่างๆ และกับองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้มหานครทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศแห่งนี้จะได้คงความแข็งขันและมีชีวิตชีวาตลอดไป HKSAR

(น.220) คุ้มครองสิทธิชาวฮ่องกงที่จะมีสมบัติส่วนตัวตามกฎหมาย และสามารถวางหลักเกณฑ์นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การคลัง การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรมและการกีฬาตามกฎหมาย สามารถมีอิสระในการคลัง ในการเก็บภาษี และคงสถานะแยกต่างหากในด้านศุลกากร กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าและผลกำไรจากการลงทุนของประเทศและเขตอื่นในฮ่องกงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย รัฐบาลกลางได้วางนโยบายและแนวทางเหล่านี้ภายหลังจากการพิจารณาอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับคงามจำเป็นที่จะรักษาผลประโยชน์ในปัจจุบันของเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกงและผลประโยชน์พื้นฐานของชาติจีน การยึดมั่นในหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของฮ่องกง ของทั้งชาติและทั้งโลกด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ณ ที่นี้ข้าพเจ้าอยากจะเน้นว่าหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” และ “คนฮ่องกงบริหารฮ่องกง” และ “การปกครองตนเองในระดับสูง” จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไป 50 ปีนี้ นี่คือหลักการพื้นฐานของจีนในระยะยาว ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย ความสำเร็จของฮ่องกงในวันนี้เป็นผลงานของเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกง พลังนักบุกเบิก และความกล้าเสี่ยง ทำให้คนทั่วโลกชื่นชมเพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกงของเรา พวกเขาจะดำรงพลังอันทรงคุณค่านี้เพื่อนำมาซึ่งอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับฮ่องกง ดังที่นายเติ้งเสี่ยวผิงได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องว่า “ชาวจีนในฮ่องกงมีความสามารถที่จะดำเนินกิจการของฮ่องกงเป็นอย่างดีและจะต้องมั่นใจในความสามารถนั้น”

(น.221) ความสำเร็จของฮ่องกงในวันนี้แยกไม่ออกจากการพัฒนาของจีนและความสนับสนุนของคนในแผ่นดินใหญ่ หลังจากได้สถาปนาจีนใหม่ รัฐบาลจีนได้สนับสนุนฮ่องกงที่มีเสถียรภาพทางสังคมและมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่จีนเริ่มปฏิรูปและเปิดประเทศ ความสนับสนุนนั้นได้เพิ่มกำลังและเป็นผลมากขึ้น ฮ่องกงซึ่งเป็นสะพานเชื่อมจีนกับส่วนอื่นของโลกในการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ก็ได้ประโยชน์จากความสนับสนุนนั้นอย่างมาก ยิ่งจีนพยายามที่จะปรับปรุงประเทศให้สมัยใหม่ได้มากขึ้น ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของฮ่องกงกับแผ่นดินใหญ่ก็จะใกล้ชิดยิ่งขึ้น และบทบาทในการเป็นสะพานจะชัดเจนยิ่งขึ้นยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้แก่ความเจริญทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ความสำเร็จของฮ่องกงในวันนี้ยังเกิดจากสาเหตุอื่นอีกหลายอย่าง ได้แก่ ที่ตั้งที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ นโยบายเมืองท่าเสรีที่เปิดกว้างเต็มที่ ระบบกฎหมายที่พัฒนาอย่างดี ทีมเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานมีประสิทธิภาพ การจัดการทางเศรษฐกิจและการบริหารการปกครองที่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยเหล่านี้จะมีบทบาทอย่างแน่นอนหลังจากที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีน

(น. 222)ฮ่องกงได้กลายเป็นบ้านของชาวต่างประเทศหลายคนที่อาศัยอยู่ที่นี้ไปแล้ว ในอนาคตฮ่องกงยังคงเป็นบ้านของพวกเขา พวกเขาสามารถอาศัยอยู่และทำงานอย่างปลอดภัยด้วยความพึงพอใจ ในฮ่องกงทุกคนจะมีโอกาสที่จะแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน และทุกคนจะมีสิทธิและเสรีภาพโดยความคุ้มครองของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติหรือสีผิวใด เมื่อตกลงปัญหาฮ่องกงสำเร็จ รัฐบาลจีนและอังกฤษได้แสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศได้เห็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาทางประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐโดยสันติวิธี ณ ที่นี้ข้าพเจ้าของแสดงความขอบคุณชาวอังกฤษทั้งที่อยู่ในรัฐบาลและไม่ได้อยู่ในรัฐบาลที่มีส่วนร่วมในการทำให้การเปลี่ยนแปลงในฮ่องกงเป็นไปได้อย่างราบรื่น เรามั่นใจว่าความสำเร็จในการแก้ปัญหาฮ่องกงจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ จีนเองมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจและชีวิตทางสังคมเนื่องมาจากผลของการปฏิรูป การเปิดประเทศ และแรงกระตุ้นจากขบวนการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย ผลแห่งความสำเร็จเหล่านี้สืบเนื่องมาจากเส้นทางสู่สังคมนิยมตามแบบจีนที่เราถือปฏิบัติ เราจะถือการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นงานหลัก โดยไม่หันเหไปด้านอื่น พยายามปฏิรูปให้ลึกเข้า เปิดกว้างขึ้นไปอีกสู่โลกภายนอก และผลักดันความก้าวหน้าทางสังคม เราจะสนับสนุนการรวมตัวกับมาตุภูมิโดยอาศัยหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เพื่อให้แน่ใจว่าการกลับคืนของมาเก๊าจะเป็นไปอย่างราบรื่น และในที่สุดจะสามารถแก้ปัญหาไต้หวันได้ เราจะปฏิบัติตามนโยบายต่างประเทศที่เป็น

(น. 223) อิสระในเรื่องสันติภาพร่วมกับประชาชนของประเทศอื่นในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพของโลก สนับสนุนการพัฒนาร่วมกัน ร่วมช่วยกันสถาปนาระเบียบโลกใหม่ที่ยุติธรรมและเสมอภาคเพื่อสันติภาพและความมั่นคง ขณะนี้เราเริ่มนับถอยหลังการเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ประเทศของเรากำลังอยู่ในช่วงระยะเวลาที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ ขอให้ชาวจีนทั้งหมด ทั้งเพื่อนร่วมชาติในฮ่องกง มาเก๊าและไต้หวัน ตลอดจนชาวจีนโพ้นทะเลจงสามัคคีกัน ขอให้ผู้รักชาติซึ่งสนับสนุนการรวมประเทศและการพัฒนาของจีนจงสามัคคีกัน ขอให้ทุกฝ่ายจงมาร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ใช้ทุกวันเวลาเพื่อให้การรวมประเทศของแผ่นดินแม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์เพื่อความกระปี้กระเปร่าของชาติจีนทั้งหมด ขอขอบคุณ เมื่อประธานาธิบดีกล่าวจบแล้ว นายต่งเจี้ยนหัวขึ้นมากล่าวมีลักษณะเหมือนกับเป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลในสภา (พูดเป็นภาษากวางตุ้ง แต่เขาแจกเอกสารเขียนเป็นภาษาจีนและอังกฤษ) ดังนี้ ประธานาธิบดีเจียง ท่านผู้แทนมิตรประเทศผู้ทรงเกียรติ แขกผู้มีเกียรติ เพื่อนร่วมชาติชาวฮ่องกง มิตรสหาย

(น. 224) วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับจีน เป็นวันที่รื่นเริงสำหรับชาวจีนทั้งหมด วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 เป็นวันที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนหลังจากที่แยกกันมานาน เป็นวันสถาปนาเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณนัฐประชาชนจีน ในตอนเที่ยงคืนที่ผ่านมา จีนได้กลับปกครองฮ่องกงเป็นทางการ มีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใน HKSAR ต่อหน้ารัฐบาลกลางของจีน โดยสันติอย่างเคร่งขรึม ฮ่องกงเปิดหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ ในขณะที่ฮ่องกงก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยเอกลักษณ์ใหม่ ความนึกคิดและความทรงจำของเราหวนรำลึกถึงนายเติ้งเสี่ยวผิงผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยความเคารพ ในต้นทศวรรษ 1980 คนฮ่องกงเริ่มกังวลยิ่งขึ้นทุกทีกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นราว ค.ศ. 1997 แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกของชาวฮ่องกงมีแต่ความหวั่นไหวเพราะไม่เห็นแนวทางที่แน่ชัดสำหรับอนาคต นายเติ้งเสี่ยวผิงได้ก้าวเข้ามาอย่างเด็ดเดี่ยวและสร้างแบบแผนสำหรับฮ่องกงหลัง ค.ศ. 1997 ภายใต้แนวคิดที่ประกอบด้วยจินตนาการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” โดยถือเอาผลประโยชน์ร่วมกันของจีนและประชาชนชาวจีน แนวคิดนี้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สามารถแก้ปัญหาความไม่แน่นอนในเรื่องอนาคตของฮ่องกง เราต้องขอบคุณประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินและคณะผู้นำจีนทั้งหมด ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงที่บางครั้งอาจจะดูวุ่นวาย คณะผู้นำจีนได้ทำงานอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เส้นทางการคืนฮ่องกงกลับสู่จีนเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ นี่เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

(น.225) ขณะนี้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าโดยมีรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งเกิดจากความสำเร็จในอดีต โดยแนวทางของ Basic Law เป็นโครงสร้างรัฐธรรมนูญของ HKSAR กฎหมายนี้ได้กำหนด “การปกครองตนเองในระดับสูง” ให้เรา เป็นการกำหนดระบบสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างชัดเจน ต่างจากระบบในแผ่นดินใหญ่ เป็นการวางระบบที่ต่างกันในประเทศเดียวกัน เพื่อปกป้องสิทธิ วิถีชีวิตของชาวฮ่องกง และรักษาข้อผูกพันของเรา ในปัจจุบันนี้ฮ่องกงมีเศรษฐกิจที่เป็นอิสระที่สุดในโลก มีธุรกิจการค้าเสรี มีการจัดการเงินที่รัดกุม และการเก็บภาษีในอัตราต่ำ มีกฎหมายที่เป็นระเบียบ มีรัฐบาลนำโดยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสำเร็จเหล่านี้จะได้รับประกันโดย Basic Law ผู้นำในจีนได้กล่าวอยู่เสมอว่าความมั่งคั่งและเสถียรภาพในฮ่องกงมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศของเราให้ทันสมัย ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติตามหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” “การปกครองตนเองในระดับสูง” และ “คนฮ่องกงบริหารฮ่องกง” ให้ได้ผลเป็นขั้นแรกในการรวมจีนขั้นสุดท้าย ประชาชนชาวฮ่องกงทั้งหลาย นี่คือภารกิจของเรา เบื้องหน้าของเราคือ ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงและระยะทางอีกยาวไกล ประเทศของเราได้ให้สิทธิการปกครองตนเองในระดับสูงแก่เรา ฉะนั้นเวลานี้เป็นเวลาที่เราจะต้องใช้สติปัญญาของเราทำงานอย่างแข็งขันเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น

(น.226) ข้าพเจ้าก็เหมือนคนในฮ่องกงส่วนใหญ่ที่ไม่เป็นเพียงแต่คนที่ผ่านไปมา บ้านของเรา การงานของเรา และความหวังของเราอยู่ในฮ่องกง เรามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อฮ่องกง และความสำนึกต่อหน้าที่ที่จะต้องสร้างฮ่องกงให้ดีขึ้นไปกว่าปัจจุบัน ในวันนี้ข้าพเจ้าใคร่จะแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตในเรื่องเศรษฐกิจ การศึกษา การเคหะ การดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประชาชนส่วนใหญ่ ฮ่องกงภูมิใจได้กับความสำเร็จที่ผ่านมากว่า 30 ปี ไม่มีผู้ใดกังขาในความสำเร็จนี้ อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการท้าทายเบื้องหน้า เราต้องเผชิญกับการแข่งขันในด้านการค้าและบริการ ความสามารถในการแข่งขันของเราถูกคุกคามด้วยภาวะเงินเฟ้ออยู่ตลอดเวลา เราจะต้องแก้ปัญหาทางสังคมต่างๆ อันเกิดจากการที่ประชากรเพิ่มจำนวนขึ้นและมีอายุมากขึ้น เราจะต้องสนองความต้องการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่ต้องมีจำนวนมากขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น และต้องสามารถจัดการเรื่องแรงงานย้ายถิ่นซึ่งเกิดจากโครงสร้างใหม่ทางเศรษฐกิจเรื่องเหล่านี้ต้องการการเอาใจใส่อย่างเร่งด่วนและต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ภายใต้ความมั่งคั่งของฮ่องกง มีภัยคุกคามอย่างลับๆ ที่จะทดสอบความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของเรา หน้าที่ที่สำคัญประการแรกของเราคือ การสร้างเสริมความมีชีวิตชีวาของเศรษฐกิจฮ่องกงและคงอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการสร้างความมั่งคั่งให้ฮ่องกงเท่านั้นที่เราจะสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและส่งเสริมความเจริญของชาติ

(น.227) จีนของเราได้ เป็นความรับผิดชอบของ HKSAR ที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีทางธุรกิจ วางแผนและฝึกอบรมกำลังคน และรักษาหลักการค้าเสรี การแข่งขันที่ยุติธรรมและตลาดที่ไม่ถูกแทรกแซง เราต้องเน้นความสำคัญของฮ่องกงในฐานะการเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ และเป็นนครของโลก เราจะสนับสนุนภาคบริการและอำนวยความสะดวกแก่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มและใช้เทคโนโลยีสูง โลกกำลังก้าวสู่ยุคสารสนเทศ ฉะนั้นเราจะต้องมีมาตรการที่ชัดแจ้งที่จะสนับสนุนการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโครงสร้างพื้นฐาน และพยายามรักษาความเชี่ยวชาญในด้านนี้ไว้ หากทำได้เช่นนี้ ฮ่องกงก็จะคงอยู่ในแนวหน้าของโลกยุคใหม่ด้วยความแข็งแรงและมีพลัง การศึกษาเป็นกุญแจสู่อนาคตของฮ่องกง เป็นสิ่งที่ให้ความเสมอภาคแก่ทุกคน และสร้างทรัพยากรมนุษย์ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไปในภายหน้า เราจะต้องจัดระบบการศึกษาของเราให้ตรงกับความจำเป็นของฮ่องกง เป็นประโยชน์ต่อประเทศและมีลักษณะสอดคล้องกับระบบสากล จะต้องสนับสนุนความหลากหลาย และรวมพลังของตะวันออกและตะวันตก เราจะวางแผนรวมที่จะปรับปรุงคุณภาพการศึกษา อัดฉีดทรัพยากรให้เพียงพอในการทำให้บรรลุถึงเป้าหมาย แรงผลักดันของนโยบายของเราคือ การปรับปรุงการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เริ่มต้นด้วยการมีครูและผู้บริหารโรงเรียนที่ยึดมั่นในหน้าที่ เราต้องยกระดับคุณวุฒิของครู ในอนาคตที่มองเห็นได้ครูรุ่นใหม่ของโรงเรียนประถมและมัธยมจะต้องมีปริญญา

(น.228) จากมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยฝึกหัดครู เราจะให้โรงเรียนประถมทั้งหมดสอนเต็มวัน และเลิกชั้นเรียนลอยในโรงเรียนมัธยม (หมายถึงการศึกษาที่สอนเป็นบางชั่วโมง ไม่เต็มเวลาทุกวัน) ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เราจะต้องยกระดับการเรียนภาษา วางนโยบายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษา ปรับปรุงระบบการสอบและการจัดการโรงเรียน เราจะสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษาให้พัฒนาสาขาวิชาต่างๆ ให้เป็นเลิศ เราจะทบทวนระบบการศึกษาในแง่ระยะเวลาและให้การศึกษาแต่ละระดับสอดคล้องกัน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าระบบการศึกษาของเราสอดคล้องกับความจำเป็นของฮ่องกงในระยะยาว ในหมู่เยาวชนเราจะต้องสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน ประเทศ และโลก สร้างบุคลิกและความรู้สึกกล้าที่จะสร้างสรรค์ และความสามารถรอบตัวที่จะทำให้พวกเขาเผชิญชีวิตได้ทุกรูปแบบ เราจะสนับสนุนเยาวชนของเราให้มีพัฒนาการแบบครบวงจรในด้านจริยธรรม ปัญญา ร่างกาย ความชำนาญทางสังคม ความสามารถทางสุนทรียะ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายเช่นนี้ โรงเรียน ครอบครัว และชุมชนจะต้องทำงานร่วมกันและรับผิดชอบร่วมกัน การมีที่พักอาศัยของตนเองเป็นความหวังของคนฮ่องกง การมีที่พักอาศัยทำให้คนมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และก็จะรักษาทำนุบำรุงสังคม ราคาที่พักอาศัยก็มีผลมากต่อความมีชีวิตชีวาของฮ่องกง จุดสำคัญของปัญหาคือ การมีที่พักอาศัยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูง และทำให้พวกเก็งกำไรได้โอกาส

Next >>