Please wait...

<< Back

" ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2544 "

(น.200) วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2544
รับประทานอาหารเช้าแล้วไปพระราชวังหลัวปู้หลินข่า (นอร์บุลิงกา Norbulingka) หมายถึง สวนแห่งสมบัติ สร้างขึ้นช่วง ค.ศ. 1740 ผู้ตรวจราชการที่ราชวงศ์ชิงส่งไปประจำทิเบต สร้างวัดถวายดาไลลามะองค์ที่ 7 ซึ่งไปที่นั่นบ่อย ใน ค.ศ. 1751 ดาไลลามะองค์ที่ 7 สร้างตำหนักเก๋อซังผ่อจัง (Kelsang Potsang) ดาไลลามะองค์ที่ 14 ได้ประทับที่นี่ก่อนที่จะสร้างตำหนักใหม่ที่เรามาชมวันนี้ ใน ค.ศ. 1954-1956 เข้าถึงห้องโถงกลางมีรูปสิงโตและเสือ หมายถึง อำนาจ ขึ้นไปชั้นที่ 1 สิ่งที่มีชื่อคือ ภาพฝาผนัง ภาพเขียน 300 กว่าภาพ มีเรื่องความเป็นมาของทิเบต กำเนิดมนุษย์ จนถึง ค.ศ. 1954 เล่าเรื่องกวนอิมให้ลิงมาฝึกสมาธิที่ทิเบต (ตำราอื่นบอกว่ากวนอิมแบ่งภาคเป็นลิง)


(น.200) รูป 158 ภาพฝาผนังตอนกำเนิดทิเบต
The birth of Tibet, a mural painting.

(น.201) ยักขินีมาขอแต่งงานกับลิง แต่แรกลิงไม่ยอม ยักขินีบอกว่าจะออกลูกเอง เป็นภูตผีมาทำอันตราย ไปปรึกษากวนอิม กวนอิมบอกให้ยอม เมื่อแต่งงานแล้วนางยักขินีออกลูกมาเป็นลิง 6 ตัว แยกย้ายกันไปเป็นเจ้าเมืองต่างๆ ต่อมาลิงกินอาหารบนต้นไม้จนหมด ขาดเครื่องมือทำมาหากิน ต้องกลับไปหากวนอิม กวนอิมให้ที่ 5 แปลง พืช 5 ชนิด ให้มาแบ่งกัน (ไม่ทราบว่าแบ่งกันอย่างไร อาจต้องจัดรูปที่ดินใหม่จึงพอสำหรับลิง 6 ตัว) ภายหลังกลายเป็นคนไปอย่างไรก็ไม่ทราบไม่มีเรื่องปรากฏ มีแต่เล่าว่าออกลูกออกหลานหลายกลุ่ม ต้องการมีหัวหน้า วันหนึ่งมีชายรูปงามมาปรากฏ ชาวบ้านถามว่ามาจากไหนก็ชี้ขึ้นฟ้า ชาวบ้านจึงนึกว่ามาจากสวรรค์ ยกย่องเป็นเจ้าเมือง เรื่องเจ้าหญิงเหวินเฉิงมาอภิเษกสมรสกับกษัตริย์นำพระพุทธรูปที่เหมือนพระพุทธเจ้าตอนพระชนม์ 12 พรรษามาด้วย (ดูอย่างไรไม่ทราบ) เจ้าหญิงเนปาลสร้างวัดโจคัง กลางวันเจ้าหญิงเนปาลดูแล กลางคืนเจ้าหญิงเหวินเฉิงมาดูแล เจ้าหญิงเหวินเฉิงให้แหวนเจ้าหญิงเนปาล ตอนนั้นเจ้าหญิงเนปาลไม่รู้จะสร้างวัดที่ตรงไหนดี เจ้าหญิงเหวินเฉิงบอกให้โยนแหวนเสี่ยงทาย แหวนตกที่ไหนให้สร้างตรงนั้น แหวนไปตกในทะเลสาบ มีเจดีย์ขาวองค์หนึ่งโผล่ขึ้นมา ถมเท่าไรก็ไม่เต็มจนแกะกระโดดลงไป วัดสร้างหันไปทิศตะวันตก ซึ่งเป็นบ้านเดิมของเจ้าหญิงเนปาล (เรื่องนี้ไม่ตรงกับเรื่องที่ฟังมาเมื่อวันก่อนๆ ที่กล่าวว่าวัดโจคังสร้างตามจินตนาการของเจ้าหญิงเหวินเฉิง ว่าทิเบตเหมือนนางยักขินีต้องสร้างวัดกำกับ วัดนี้อยู่ตรงหัวใจยักขินีพอดี)


(น.202) รูป 159 พระพุทธรูปพระศากยมุนีขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ 2 องค์
Sakyamuni Buddha with two bodhisattvas.

(น.202) ภาพเจ้าหญิงจินเฉิงมา เชิญพระพุทธรูปมาด้วย เป็นเจ้าหญิงจีนองค์ที่ 2 ที่มาทิเบต ภาพพระศากยมุนี ด้านซ้ายเป็นพระไมเตรยะ ด้านขวาเป็นพระมัญชุศรี ห้องนี้ดาไลลามะใช้ออกว่าราชการ และจัดพิธีที่ไม่ใหญ่โตนัก มีภาพจักรพรรดิซุ่นจื่อให้ดาไลลามะองค์ที่ 5 เฝ้า ค.ศ. 1652-53 ปลายปี ค.ศ. 1652 เดินทางถึงปักกิ่ง ค.ศ. 1653 เดินทางกลับ ภาพที่ประธานเหมาพบดาไลลามะองค์ที่ 14

(น.203) เดินดูห้องต่างๆ มีห้องบรรทม ติดรูปแมวที่คนอังกฤษให้ ห้องเรียน (มีวิทยุ) ห้องอาจารย์ ไกด์เล่าว่าถ้าดาไลลามะสวดมนต์ผิด อาจารย์ต้องแสดงความเคารพแล้วจึงตี ในห้องมีทังกาผ้าตาดรูปอาจารย์อาตีศะ ไกด์เล่าว่าเป็นเจ้าชายเบงกอล ขณะนั้นเบงกอลเริ่มได้อิทธิพลศาสนาอิสลามแล้ว จึงออกเผยแพร่ศาสนาที่ทิเบต ภาพพระอาจารย์จงคาปา กวนอิม ธรรมบาล ฯลฯ ห้องเปลี่ยนเครื่องทรงของดาไลลามะ มีห้องสรง (แต่ไม่ได้เปิดให้ดู) มีรูปเคารพ เช่น เหวัชระ ยมานตกะ มีวิทยุและเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่นายกรัฐมนตรีเนห์รูถวายเมื่อ ค.ศ. 1956 ห้องพระไตรปิฎกเป็นสถานที่ออกว่าราชการ ประกอบพิธีสำคัญ สิ่งที่สำคัญในห้องนี้คือ บัลลังก์ทองคำ มีภาพฝาผนัง 250 รูป มีภาพพุทธประวัติ ภาพอาจารย์จงคาปา เขาพระสุเมรุ สวรรค์ นรก 18 ชั้น เพื่อสอนว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว มีภาพ Shangrila ซึ่งเป็นโลกที่สวยงามที่สุด ไกด์บอกว่าเปรียบเทียบกับสมัยใหม่หมายถึง โลกคอมมิวนิสต์ ห้องน้ำแม่ดาไลลามะ เป็นห้องน้ำแบบใหม่ มีอ่างอาบน้ำ มีชักโครก มีห้องพัก แต่ไม่อนุญาตให้แม่มาค้างได้ มีหิ้งพระไม้จันทน์ ห้องรับแขก เป็นห้องที่มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์คือ เป็นที่ชุมนุมของพวกนายพลต่างๆ ตอนเข้าทิเบต มีของที่นายพลเฉินอี้ถวายดาไลลามะ ภาพที่ลอกจากภาพปัทมปาณีในถ้ำอชันตา นายกรัฐมนตรีเนห์รูถวาย

(น.204) เดินเข้าในสวนมีต้นไม้ใหญ่ๆ อายุเกิน 100 ปีหลายต้น มีต้นไม้ 100 กว่าชนิด อาคารต่างๆ ประดับดอกไม้ มาดามเซริงบอกว่าคนทิเบตชอบปลูกไม้ดอก มีกันทุกบ้าน กลางสวนมีตำหนักเป็นห้องเก็บหนังสือของดาไลลามะ สะสมหนังสือประมาณ 10,000 กว่าเล่ม มีหนังสือทุกด้าน เช่น หนังสือคณิตศาสตร์ แพทย์แผนโบราณของทิเบต เมื่อดาไลลามะองค์ปัจจุบันได้รับเลือกมา ก็ต้องเรียนหนังสือจนถึงอายุ 18 ปี จึงตัดสินใจด้วยตนเอง ในห้องนั้นมีรูปกวนอิม 11 หน้า รูปพระอมิตาภะ


(น.204) รูป 160 เกี้ยวและจักรยานสามล้อของดาไลลามะ
Palanquin and tricycle of the Dalai Lama.

(น.205) ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล ชาวบ้านหยุดทำงานมาเที่ยวกันมาก เขาพาเราไปนั่งเต็นท์พักใหญ่แล้วพาไปที่อาคารของดาไลลามะองค์ที่ 13 ส่วนที่เป็นที่เก็บพาหนะต่างๆ เช่น เกี้ยวหามพระศพดาไลลามะองค์ที่ 13 ไปที่วังโปตาลา (ศพนั่งไป) รถจักรยาน 3 ล้อของดาไลลามะองค์ที่ 14 ตอนเด็กๆ เก้าอี้ล้อสำหรับไปนั่งตากอากาศ เกี้ยว 8 คนหาม เกี้ยว 4 คนหาม ในอาคารนี้มีรูปพระต่างๆ เช่น พระอมิตายุส ตาราขาว ฯลฯ มาดามเซริงให้ข้าพเจ้าลองนั่งรถม้าของดาไลลามะ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปิดประตูนานแล้ว เปิดไม่ค่อยออก ฝุ่นเต็ม กลับโรงแรมพักผ่อนจนบ่ายสองโมงครึ่ง มาดามเซริงจึงมารับนั่งไปสนามบินก้งก่า รถผ่านที่มาดามอธิบายว่าเป็นบ้าน SOS เป็นบ้านเด็กกำพร้ามีเด็กอยู่ประมาณ 30 กว่าคน พ่อแม่ตายเพราะแผ่นดินไหวบ้าง ป่วยตายบ้าง แบ่งเป็นหลังๆ แต่ละหลังมีแม่และน้าคอยดูแล ต้นไม้ข้างทางที่เห็น ผู้นำและชาวบ้านช่วยกันปลูกทุกๆ ปี ให้มีต้นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ไปถึงสนามบินเกือบ 5 โมง ถ่ายรูปหมู่กับพวกทิเบตเป็นที่ระลึก


(น.206) รูป 161 ร่ำลาจากทิเบต รับผ้าฮาดาจากรองประธานสภาทิเบต
Receiving the Hada from Vice Chairman of Tibetan Council in a bidding good-bye ceremony.

(น.206) เวลาเกือบ 5 โมงเย็นเดินทางออกจากนครลาซา มองออกทางหน้าต่างเห็นภูเขามีหิมะปกคลุม ทะเลสาบบนยอดเขา รับประทานอาหารเย็น เมื่อรับประทานเสร็จ เครื่องลงที่นครเฉิงตูประมาณเกือบทุ่ม แต่แรกได้ยินประกาศว่าผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปถึงปักกิ่งให้นั่งอยู่บนเครื่องจะได้มาทันเดินทางต่อ แต่มีรถมารับเอาไปพักที่ห้อง VIP คนที่มารับเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ของมณฑลเสฉวนชื่อ หลัวเซี่ยงตง เขาว่าเคยต้อนรับตอนที่ข้าพเจ้าไปเมืองว่านเซี่ยนเมื่อ ค.ศ. 1996 จำอารยาได้และถามถึงครูหวังจวินเซียง เขาบอกว่าให้ข้าพเจ้ามาอีก และไปเมืองจิ่วไจ้โกว ข้าพเจ้าถามถึงเมืองว่านเซี่ยนว่าขณะนี้เป็นอย่างไร เขาว่าคนที่อยู่ระดับที่น้ำจะท่วม (ยังไม่ท่วม) ย้ายไปหมดแล้ว บ้านที่สร้างใหม่สวยดี สะพานที่ข้าพเจ้าเคยเห็นกำลังสร้างอยู่ก็สร้างเสร็จแล้ว

(น.207) ในโทรทัศน์มีข่าวการเปิดกีฬามหาวิทยาลัยนานาชาติ ข้าพเจ้าบอกเขาว่าไทยก็ส่งนักกีฬาไปร่วมแข่งขันด้วย ดีใจที่คุยกับคนเสฉวนรู้เรื่อง แสดงว่าตอนนี้ฟังสำเนียงได้หลายอย่างแล้ว ขึ้นเครื่องไปอีกที เป็นเครื่องเดิมแต่เปลี่ยนพนักงาน เขาถามว่าจะดื่มอะไรหรือเปล่า ก็บอกว่าไม่ดื่ม จะรับประทานอาหารเย็นไหม บอกเขาว่ารับประทานแล้ว เครื่องบินถึงปักกิ่งราวๆ 3 ทุ่มครึ่ง มีอธิบดีกรมเอเชียมารับ ภริยาท่านทูตฟู่ก็มา นอกจากนั้นมีพวกสถานทูตไทย นั่งรถตรงมาเตี้ยวอวี๋ไถ เขาจัดอาหารเย็นให้อีกมื้อ เจ้าหน้าที่คล่องแคล่วดีมาก ในห้องตอนนี้มีโทรทัศน์แบบจอแบน และเครื่องต่างๆ อีกหลายอย่าง ยังทำไม่เป็น ต่อ internet ไม่ได้ ปลั๊กคนละขนาด