Please wait...

<< Back

ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย คำนำ

จีนเป็นประเทศใหญ่มาก มีลักษณะทางภูมิศาสตร์หลากหลาย เป็นอู่อารยธรรมแห่งหนึ่งของโลก มีเรื่องน่าสนใจมากมายชวนให้ศึกษาค้นคว้าตื่นตาตื่นใจภูมิปัญญาและการสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 จนถึง พ.ศ. 2545 ข้าพเจ้าได้ไปเยือนจีนรวม 15 ครั้ง ทั้งการไปเยือนอย่างเป็นทางการ การแวะเยือนระหว่างเดินทางไปประเทศอื่น การไปเพิ่มพูนความรู้ภาษาจีน-จีนวิทยา และการตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนตุลาคม 2543 ทุกครั้งที่ไปเยือนข้าพเจ้าได้รับความรู้ด้านจีนวิทยาและประสบการณ์อันกว้างไกลเพิ่มพูนหลากหลายเรื่อง ระหว่างวันที่ 13-27 สิงหาคม 2544 ข้าพเจ้าได้ไปมณฑลชิงไห่ ภูมิภาคปกครองตอนเองชนชาติหุยหนิงเซี่ย และภูมิภาคปกครองตนเองซีจั้งหรือทิเบตเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 14 ในช่วงท้ายของการเยือนได้มาที่มหานครปักกิ่งและแวะไปเยือนมณฑลเหอเป่ยด้วย พื้นที่ทั้ง 3 แห่งที่เป็นจุดหลักของการไปเยี่ยมเยือนครั้งนี้มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นเรื่องภูเขาและที่ราบสูง ที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตอยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเล 4,000-5,000 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นที่ราบสูงที่สูงสุดในโลก จนได้สมญาว่า "หลังคาโลก" นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ทะเลทราย มีป่าทราย แลโอเอซิสเขียวขจีในบางแห่ง ส่วนที่หนิงเซี่ยนั้นมีที่ราบสูงดินเหลืองด้วย ภูเขาสูงในมณฑลชิงไห่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำฉังเจียง (แยงซีเกียง) แม่น้ำหวงเหอ (ฮวงโห) และแม่น้ำหลานชางเจียง (แม่น้ำโขง) จึงได้ชื่อว่า "ต้นกำเนิดของแม่น้ำ" คำว่า "ชิงไห่" แปลว่า "ทะเลใส" เป็นชื่อทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในผืนแผ่นดินส่วนในของจีน มีพื้นที่ 4,583 ตารางกิโลเมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,196 เมตร ริมฝั่งทะเลสาบมีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อันกว้างใหญ่ไพศาล ชื่อ "ชิงไห่" จึงใช้เป็นนามของมณฑลด้วย นอกจากภูผา ป่าทราย และความเวิ้งว้างของธรรมชาติ ที่ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความเป็นอิสระ และความงามที่ท้าทายแล้ว พื้นที่ทั้ง 3 แห่งนี้ยังมีชนหลายชาติหลายวัฒนธรรมอาศัยอยู่ร่วมกัน ที่มณฑลชิงไห่ นอกจากชาวจีนแล้ว ยังมีชนกลุ่มน้อย เช่น ชาวทิเบต มองโกล หุย ถู่ ซาลาร์ คาซัค และอื่น ๆ ที่หนิงเซี่ย ชนชาติหุยอยู่ร่วมกับชาวจีน ชาวแมนจู มองโกล และทิเบต ส่วนที่ซีจั้งหรือทิเบตนั้นมีชาวทิเบตเป็นชนส่วนใหญ่ อยู่ร่วมกับชาวจีน หุย เหมินปาและโล่ปา พื้นที่ทั้ง 3 แห่งนี้จึงเป็นดินแดนแห่งสีสันทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจยิ่ง หลังกลับจากการเยี่ยมเยือน ข้าพเจ้าได้บันทึกประสบการณ์การไปเยี่ยมชมและข้อมูลความรู้ที่มาค้นคว้าเองในภายหลัง เรียงร้อยเป็นหนังสือ "ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย" เพื่อชวนให้ผู้อ่านร่วมท่องเที่ยวไปกับข้าพเจ้าในพื้นที่สูงไกลแสนไกล ที่เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม