<< Back
" มุ่งไกลในรอยทราย วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2533 "
(น.213) และเข้าไปอยู่แถบฉนวนเหอซี ช่วงเวลาการย้ายถิ่นตรงกับการเผยแพร่พุทธศาสนามาจากตะวันตก ทำให้เกิดเมืองเป็นจำนวนมากมาย ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 – 8 มีชนเผ่าต่าง ๆ เช่น พวกชนเผ่าเชื้อสายทิเบต เชื้อสายเตอร์ก ทังกุตจากอาณาจักรซีเซี่ยเข้ามาปกครอง
ค.ศ. 1226 กองทัพของเจงกิสข่านมาตีจิ่วฉวน ตั้งหน่วยทหาร พัฒนาจิ่วฉวนให้เป็นปึกแผ่น มาร์โคโปโลมาอยู่จิ่วฉวนปีหนึ่ง กล่าวถึงศาสนาคริสต์นิกายเนสโตเรียน
การค้าพืชชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากในภูเขา ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีบันทึกของบาทหลวงเจซูอิต ชาวโปรตุเกสว่ามีชาวต่างประเทศอาศัยอยู่มาก พ่อค้าที่อยู่ในจิ่วฉวนเกิน 9 ปี จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจีน
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 พวกมุสลิมได้มาทำลายวัดวาอาราม สถานที่ต่าง ๆ ค.ศ. 1813 นายพลจว่อจงถัง (ที่ได้กล่าวมาแล้วว่าเป็นคนปลูกต้นหลิว) ยกกองทัพจำนวนประมาณ 15,000 คน
พร้อมอาวุธหนัก (เขาว่าเป็นของบริษัทครุปป์ของเยอรมัน) ยิงกำแพงเมืองจิ่วฉวน เอาชนะกบฏมุสลิมได้ ค.ศ. 1881 จีนและรัสเซียทำสัญญาเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก วรรคหนึ่งของสัญญากล่าวถึงการตั้งสถานกงสุลรัสเซียในจิ่วฉวน
ในค.ศ. 1907 และ 1914 เซอร์ออเรล สไตน์ เข้ามาในเมืองจิ่วฉวนตอนที่ไปสำรวจหนานซาน
ปัจจุบันชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น (จีน) ทำเหมืองแร่ใยหิน ควอตซ์ ยิปซั่ม ถ่านหิน มีอุตสาหกรรมทำกระดาษ ซีเมนต์ และอื่น ๆ
ที่สถานีรถไฟคณะรับรองเจียยู่กวนมาส่ง เราขอบคุณและลาพวกเขาขึ้นรถไฟเดินทางผ่านด่านเจียยู่กวน ไปหยุดสถานียู่วเหมิน สถานี
(น.214) รูป 138. เดินทางจากเจียยู่กวนไปตุนหวงโดยทางรถไฟ
Departing from Jiayuguan Pass to Dunhunang by train.
(น.214) ดังกล่าวไม่ใช่ด่านยู่วเหมิน ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมาก จนจรดเขตมณฑลซินเกียง ด่านยู่วเหมินอยู่ใกล้เมืองตุนหวง สมัยโบราณมีความสำคัญในด้านยุทธศาสตร์และการค้า มีบทกวีของหวางจือห้วน กวีสมัยราชวงศ์ถังบทหนึ่งกล่าวว่า
แม่น้ำหวงเหอไหลไกลจรดเมฆสีขาว
เมืองโดดเดี่ยวล้อมรอบด้วยเขาสูง
ชนเผ่าเฉียงเป่าขลุ่ยทำนองเพลงหยางหลิว จะว่าไปทำไม
ลมชุนเทียน (หมายถึงความเจริญ) ไม่เคยพัฒนาถึงด่านยู่วเหมิน
(น.215) คุณเฉิง (เลขาธิการมณฑลกานซู) นำข้อมูลเกี่ยวกับจีนภาคตะวันตกซึ่งเขาเป็นคนทำหนังสือนี้ด้วย ยังมีเอกสารเกี่ยวกับชนเผ่าในท้องถิ่นในด้านวัฒนธรรมประเพณีในกานซู
จารึกจากถ้ำตุนหวง มีบทกวีอธิบายภาพฝาผนังด้วย บทกวีอธิบายเกี่ยวกับภาพที่เหอซี และถ่ายเอกสารเหตุการณ์สำคัญในเส้นทางค้าแพรไหมมาด้วย
รถไฟผ่านหลายสถานี้หยุดหลายสถานี ภูมิประเทศมีแต่ทะเลทราย พวกเราก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ หลายอย่าง จนถึงเวลารับประทานข้าวก็รับประทานกันในรถห้องอาหาร หลังอาหารข้าพเจ้าเกิดถามคุณจางจากกรมเอเชีย
(ซึ่งเคยไปรับราชการอยู่ลาวมานาน) ว่าร้องเพลงลาวได้ไหม คุณจางร้องเพลงดวงจำปาได้ เราเลยพลอยร้องเพลงเย็นสบายชาวนา ของลาว จากนั้นก็เริ่มรายการ มีคนแซว เปียนเหมยว่าเมื่อคืนก่อนไปดิสโก้ เลยขอให้ลองเต้นให้ดู เขาเต้นแอโรบิก ต่อจากนั้นที่ปรึกษาเซ่าออกมาร้องเพลง มีใจความว่า
เมฆขาวบนท้องฟ้าคราม
ฝูงมาวิ่งภายใต้เมฆขาว
ถ้าผู้ใดถามว่านี่ที่ไหน
ข้าพเจ้าจะตอบว่านี้คือบ้านของข้าพเจ้า
คุณหลิวมาร้องเพลงมาตุภูมิของเราเป็นรายการที่ 4
รายการที่ 5 คุณเจียงเป่าเหยียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้มีฉายาว่า ซานตงต้าฮั่น แปลว่าบุรุษกำยำแห่งมณฑลซานตงขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจเด็กอนุบาลเมื่อ 20 ปีมาแล้ว ชื่อเพลง หว่ออ้ายเป่ยจิง เทียนอันเหมิน หรือฉันรักเทียนอันเหมิน ปักกิ่ง ลุกขึ้นเต้นประกอบด้วย
(น.216) รูป 139. หลังอาหารในรถไฟ พวกเราจัด “คอนเสิร์ต” กะทันหันเพื่อฆ่าเวลา
On the train after a meal, we organized an impromptu "concert" just to kill time.
(น.216) รายการที่ 6 อาจารย์สารสินร้องเพลงเถียนมี่มี
รายการที่ 7 ท่านทูตเตชและคุณติ๋ม ซึ่งบอกว่าร้องไม่เป็น เมื่อรับการขอร้องก็ขึ้นมาร้องเพลงกล้วยไม้ อย่างไพเราะ
รายการที่ 8 คุณวิชัย พอให้ร้องของผลัดว่าจะไปหาเครื่องมือมาก่อน หายไปพักหนึ่ง ได้ขวดกับตะเกียบมาเป็นเครื่องดนตรี ร้องเพลงอนุบาลแต้จิ๋วชื่อเพลงไก่ขัน มีเนื้อร้องว่าไก่ขันตอนเช้ารีบออกมากวาดบ้าน พ่อแม่จะได้ดีใจ
รายการที่ 9 คุณหลี่ เจ้าหน้าที่พิธีการทูตของกานซู ร้องเพลงฉันมีลาตัวเล็ก ๆ ต้องทำความสะอาดลา
(น.217) รายการที่ 10 สามัคคีสี่เหล่า สำหรับผู้ช่วยทูตทหาร 3 เหล่าทัพและคุณเสริม
จบด้วยสามัคคีชุมนุม (ภาษาไทย) เปียนเหมยเขาร้องได้เป็นภาษาจีน จึงร้องคลอไปด้วย
อีกไม่นานรถไฟถึงสถานีหลิ่วหยวน มีคณะของนายกเทศมนตรีเมืองตุนหวงมาต้อนรับ เราต้องนั่งรถอีก 2 ชั่วโมง หลังจากนั่งรถไฟมาแล้วถึง 4 – 5 ชั่วโมง รถเมืองตุนหวงนี้เป็นรถเล็ก
เลยให้ข้าพเจ้านั่งกับคุณเฉิงไปสองคน เปียนเหมยนั่งข้างหน้า คุณหลิวไม่ได้นั่งด้วย ตอนที่ยังสว่างอยู่คุณเฉิงสอนให้ข้าพเจ้ากับเปียนเหมยพับกระดาษแบบพื้นเมือง พอมืดเลยคุยกันใหญ่
มีคนขับรถชื่อคุณหวางร่วมวงสนทนาด้วย ที่เห็นภูเขาเป็นสีดำคุณหวางบอกว่ามีแร่เหล็ก เปียนเหมยว่ามาจีนคราวหน้าอย่าให้ช้านักถึง 9 ปีเขาต้องย้ายไปแล้วแน่ ๆ
คุณหวางกับคุณเฉิงบอกว่าถ้าช้าเขาจะเกษียณไปเลย ก่อนเรามาตุนหวงอากาศไม่ดี แต่โชคดีที่มาถึงแล้วอากาศดีมาก อุณหภูมิประมาณ 0 – 20 ซํ
ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟของในเมืองทำให้เห็นดาวต่าง ๆ ได้ชัดเจน เปียนเหมยบอกว่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาชอบออกไปดูดาว รู้จักกลุ่มดาวหลายกลุ่ม
ข้าพเจ้ารู้จักแต่ดาวหนิวหลางคือเด็กเลี้ยงโคกับสาวจื๋อหนี่ทอผ้า ที่จะมาพบกันที่ทางช้างเผือกเพียงปีละครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 เวลานั้นถ้าท้องฟ้ามืดมัวมีฝนลง
คนแก่คนเฒ่าจะเล่ากันว่า 2 คน (ดาว 2 ดวง) นี้ร้องไห้ รู้สึกวันนี้คุยกันมากหน่อย ได้ฝึกภาษาจีนและอังกฤษ ได้คำพูดมาใหม่อีกอย่างหนึ่ง (เปียนเหมยสอน) ตอนข้าพเจ้าหาปากกาไม่เจอทั้ง ๆ ที่มันเสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อตัวเองว่า ฉีหลูว เจ่าหลูว แปลว่า ขี่ลา หาลา
ไปถึงโรงแรมก็อาบน้ำเตรียมนอนได้เลย