<< Back
" ใต้เมฆที่เมฆใต้ วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2538 "
(น.26) วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2538
(น.26) รูป 23 รถผ่านไร่ผักน้ำมัน
(น.26) ตื่นมาแต่เช้า เขียนเรื่องจนถึงเวลารับประทานอาหารเช้าเวลา 7 โมงครึ่ง ดร.ธวัชชัยให้หนังสือเกี่ยวกับ “การล่า”
พันธุ์พืชในแถบนี้เรื่อง Plant Hunting in China - A History of Botanical Exploration in China and the Tibetan Marches
ของ E.H. Cox พิมพ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 และเอกสารต่างเกี่ยวกับมณฑลยูนนาน ภูมิอากาศ สังคมพืช และพรรณพฤกษชาติ เรื่องการป่าไม้ของยูนนาน ไม้ดอกและต้นไม้หายากในยูนนาน แผนที่การกระจายของพืชในยูนนาน แผนที่เมืองต้าหลี่ และทะเลสาบเอ๋อร์ไห่
รับประทานอาหารเช้าแล้ว ตอน 9 โมงเช้าออกจากโรงแรม เปียนเหมยมาส่ง เขาเองจะกลับปักกิ่งตอนเที่ยงครึ่ง
(น.27) รูป 24 ทางไปเมืองฉู่ฉยง
(น.27) รถจะต้องแล่นระยะทางไกล ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้จัดให้มีผู้ใหญ่จีนนั่งมาด้วย มีแต่คุณหลิว และหลี่หงเยี่ยน คนขับรถชื่อคุณลุงเซิงฮงจยุน แต่แรกข้าพเจ้าจำลุงได้คลับคล้ายคลับคลา
ที่แท้ก็คือเตี่ยที่ขับรถให้ข้าพเจ้าเมื่อ 14 ปีมาแล้วนั่นเอง เหตุหนึ่งที่ไม่มีทางจะจำได้คือสไตล์การขับรถ เที่ยวก่อนไปแค่ทะเลสาบคุนหมิง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เที่ยวนี้แล่นฉิว เลี้ยวหักมุมไปมาอย่างช่ำชอง
จะเป็นเพราะถนนดีขึ้นหรือจะเป็นเพราะว่าคราวก่อนใช้รถยี่ห้อหงฉีหรือธงแดงของจีน แต่เที่ยวนี้ไม่ใช่ หงเยี่ยนบอกว่าเดี๋ยวนี้หงฉีเขาก็ปรับปรุงดีขึ้นแล้ว แต่อาจจะมีข้อเสียที่จะกินน้ำมันมาก ท่านนายกหลี่เผิงยังใช้อยู่ ถ้าอยากนั่งต้องไปแถวๆ หังโจว เขายังชอบใช้กันอยู่ หงเยี่ยนได้ตามเสด็จสมเด็จป้าไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนคุณหลิวเคยไปกับน้องเล็กเมื่อหลายปีมาแล้ว
ออกไปนอกเมืองเป็นเขตชนบท ขณะนั้นเริ่มจะเข้าฤดูชุนเทียนหรือฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อบานสีชมพู ตามไร่นาจะปลูกผักต่างๆ ที่แถบนี้เป็นที่สูงๆ ต่ำๆ เป็นลูกคลื่น ฉะนั้นคนทำนาขั้นบันได
(ซึ่งดีกว่าทำแบบไร่ ที่ไม่สนใจกับเส้นระดับ) ภาษาจีนเรียกว่า ชีเถียน ที่เห็นมากที่สุดคือ ผักน้ำมัน (โหยวช่าย) ออกดอกสีเหลือง พวกเราที่ไม่ทราบว่า
(น.28) รูป 25 ห้องพักที่โรงแรมฉู่ฉยง
(น.28) ดอกเหลืองนี้เป็นดอกอะไรก็เดา จี้บอกว่าเห็นจะเป็นดอกผักกวางตุ้ง แต่ป้าจันท้วงว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถ้าปล่อยผักไว้จนออกดอกแค่นี้ก็กินไม่ได้แล้ว ต้องใช้ทำพันธุ์
และใครจะทำพันธุ์กันมากมายเช่นนี้ มี ดร.ธวัชชัยตัดสินโดยอธิบายว่าเป็นพวกเดียวกับที่พวกฝรั่งเอาเมล็ดมาทำมัสตาร์ด นอกจากนั้นที่เห็นปลูกกันมากอีกอย่างคือถั่วปากอ้า หรือที่จีนเรียกว่า ฉานโต้ว ส่วนที่เป็นป่า (ซึ่งมีน้อย) เป็นต้นสนส่วนใหญ่
ตามเขาซึ่งค่อนข้างจะเป็นเขาหัวโล้น มองเห็นว่าต้นไม้ยังไม่โตเต็มที่ ปลูกใหม่ ลุงเซิงบอกว่าเป็นต้นอัน ดูใกล้ๆ ก็ต้นยูคาลิปตัสนั่นเอง มียูคาลิปตัสหลายพันธุ์ ดินแถวนี้ลึกๆ
ไปคงจะไม่ค่อยดี และยูคาลิปตัสขึ้นเร็วกว่าสน (ส่วนใหญ่เป็นสนสามใบ) ด้านบ้านเรือนเป็นแบบชนบทเก่าๆ ก่ออิฐ มุงกระเบื้อง ถนนค่อนข้างดี หงเยี่ยนบอกว่าตัดใหม่ในปี ค.ศ. 1991
รถที่แล่นไปมาก็มีนานาชนิดดังได้พรรณนามาแล้วทีหนึ่ง คือ มีทั้งรถยนต์ รถบรรทุก รถเทียมม้า รถขนถ่านหิน (กุดัง) รถอีแต๋น (ขนของ คนโดยสาร) รถสกายแล็บ บรรทุกคนมากมายมหาศาล มีม้ามากกว่าวัวควาย
(น.29) รูป 26 อาหารกลางวันที่โรงแรมฉู่ฉยง
(น.29) มีโรงงานปูนซีเมนต์ ภูเขาบางลูกก็ถูกตัด (เอาไปทำซีเมนต์กระมัง) ข้างทางมีป้ายบอกว่าเป็นเหมืองเกลือ ไม่ทราบว่าเขาทำเกลือกันอย่างไร มีซุ้มบอกชื่อหมู่บ้านไปตลอดทาง
เมื่อออกจากเขตคุนหมิงเข้าเขตฉู่ฉยงมีด่าน แล้วเข้าไปพักที่โรงแรมฉู่ฉยง (Chu Xiong) เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน มีเลขาธิการมณฑลซึ่งอยู่ที่ฉู่ฉยงชื่อผู่เต๋อเฉิงมาต้อนรับ โรงแรมนี้สร้างมา 20 กว่าปีแล้ว ไปถึงขึ้นไปที่ห้อง เข้าห้องน้ำห้องท่ากัน 20 นาที แล้วมารับประทานอาหารกลางวัน
รองประธานฯ เฉิน อธิบายว่า ฉู่ฉยงนั้นเป็นโจว ที่จริงเป็นเขตปกครองตนเองของพวกอี๋ พวกอี๋ยังแยกออกเป็นเผ่าย่อยอีกหลายพวก พวกอี๋แต่ครั้งโบราณนับถือไฟและเสือ
(น.30) รูป 27 อาหารที่เลี้ยงเป็นอาหารพื้นเมือง
(น.30) ข้าพเจ้าถามขึ้นมาอีกถึงเรื่องไดโนเสาร์ (ดูจะติดใจอยู่กับเรื่องนี้เป็นพิเศษ) ท่านรองผู้ว่าฯ เมืองฉู่ฉยง ฝานยี่หยุน ซึ่งเคยเป็นนายอำเภออยู่ที่ที่มีไดโนเสาร์ จึงอธิบายว่าพบ 100 กว่าตัว
แต่ที่สมบูรณ์จริงๆ มีอยู่แค่ 20 ตัว เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ บริเวณที่พบไดโนเสาร์นั้นถนนทางเข้าไม่ค่อยจะดี ท่านรองฯ คนนี้เคยรับเสด็จสมเด็จพระบรมฯ เมื่อเสด็จเยือนต้าหลี่ ตอนแรกก็ไปเครื่องบิน แต่พอค่ำเขาก็ไม่กล้าเชิญเสด็จขึ้นเครื่อง เพราะว่าเครื่องเขาเล็กไม่ปลอดภัย สนามบินก็ไม่มีไฟกำลังปรับปรุง ปลายเดือนนี้คงใช้ได้
อาหารเป็นของพื้นเมือง มีใบไม้เรียกว่า ซู่ฮัว เป็นพืชขึ้นเองในภูเขา ใบไม้ใบใหญ่ ปลาหลีฮื้อทอด ข้าวเหนียว เห็ดหูเจ่า แปลว่า เห็ดเท้าเสือ เห็ดชิงโถว เห็ดจี้จง เป็นเห็ดป่าชนิดหนึ่ง
เห็ดหม่อเล่อ ยอดผักกูด เก็บได้ตามป่า ส่งออกไปญี่ปุ่นได้ ผักกูดแบบนี้ไทยก็มีและดูเหมือนจะส่งญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน แกงไก่ต้มใส่หม้อร้อนใส่สมุนไพรเทียนหมา ซึ่งเขาว่าแก้ปวดหัวได้
แกงถั่วหยุนโต้ว เป็นถั่วที่ปลูกขึ้นเฉพาะที่สูง ชาวเขาที่ปลูกข้าวไม่ขึ้น มักจะปลูกถั่วชนิดนี้และนำลงมาขายแล้วซื้อข้าวกิน อาหารนอกนั้นมีไป๋ซื่อฮัว เป็นไม้พุ่มมีหนามแหลม ข้าวก่ำใส่สังขยา เหมือนกับข้าวเหนียวสังขยาที่รับประทานเมื่อคืนนี้ ข้าวก่ำคือข้าวเหนียวแดง เม็ดเล็กๆ แบบที่รับประทานที่ลาว ข้าวสุกมาทีหลังเป็น
(น.31) รูป 28 หยุดพักเข้าห้องน้ำที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
(น.31) ข้าวเม็ดสั้นๆ คล้ายข้าวไร่ชาวเขา ขนมของท้องถิ่นเป็นแป้งข้าวเจ้าราดน้ำผึ้ง ถามรองผู้ว่าฯ ว่าประชาชนแถบนี้มีอาชีพอะไร
ท่านอธิบายว่าชาวบ้านทั่วไปปลูกข้าวเจ้าเพื่อบริโภคในครัวเรือน พืชเศรษฐกิจสำคัญ คือ ยาสูบ และควักบุหรี่ยี่ห้อหูเตี๋ยฉวน ที่ซองมีคำแปลภาษาอังกฤษว่า Butterfly Pool
ออกมาว่าใครอยากสูบบ้าง ไม่มีใครอยาก ก็เลยสูบเอง วันนี้รู้จักผัก-เห็ดพื้นเมืองหลายอย่าง เลยขอตัวอย่างชนิดที่ยังไม่ได้ปรุงอาหารไปดูเป็นตัวอย่าง
เดินทางต่อ คราวนี้เดินทางยาวนาน ที่จริงระยะทางไม่ไกลนักแต่ทางไม่ค่อยดี ยังซ่อมไม่เสร็จ และเป็นเขตภูเขาที่ทางแคบคดเคี้ยวแต่แรกคิดว่าจะนอนเอาแรง แต่คิดใหม่ว่าชมวิวดีกว่า
ขากลับก็ต้องกลับทางเดิมนี้อีกอยู่ดี จึงเพียงแต่งีบน้อยๆ เป็นครั้งคราว แก้ง่วงด้วย การชวนหลิวกับหงเยี่ยนคุย มีลุงเป็นไกด์ ลุงบอกว่าเป็นต้นอัน (ยูคาลิปตัส) ที่เห็นอยู่นั้นใบทำยาได้
สองข้างทางเห็นเตาเผาอิฐเป็นระยะ เป็นของจำเป็นเพราะบ้านแถวนี้ก่ออิฐทั้งนั้น ภูเขาที่เห็นชื่อ ซื่อชือ ตามหมู่บ้านหลายหมู่บ้านมีโรงบ่มยา ปลูกผัก มีแปลงยกร่องคลุมด้วยพลาสติกบนเขาเห็นได้ว่ามีการปลูกป่า
เข้าเขตต้าหลี่ ตำรวจรถนำที่เป็นของฉู่ฉยงหยุดอยู่ข้างทาง รถตำรวจต้าหลี่นำต่อ การเพาะปลูกสองข้างทางไม่ต่างจากที่ผ่านมามากนัก มีบ่อเลี้ยงปลา มีอ่างเก็บ
(น.32) รูป 29 หยุดพักเข้าห้องน้ำที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
(น.32) น้ำรูปร่างยาวๆ คล้ายกับแม่น้ำ มีเตาเหมือนเตาเผาอิฐ แต่คุณหลิวอธิบายว่าเป็นเตาทำปูนขาว ดินในต้าหลี่คงมีหินปูนมาก ภูเขาที่เห็นคงเป็นเขาหินปูน บางส่วนคงเป็นเขาหินอ่อน เพราะต้าหลี่มีชื่อเสียงมากเรื่องหินอ่อน
เส้นทางช่วงนี้ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ในหมายเขียนว่าก่อนถึงเมืองต้าหลี่ จะหยุดพัก 1 ครั้ง ก่อนถึงต้าหลี่ประมาณ 1 ชั่วโมง
เราเข้าไปพักที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มองไปเป็นภูเขาและมีต้นสนสามใบปลูกเอาไว้ เราเข้าห้องน้ำ (แบบที่เคยเข้าสมัย “ย่ำแดนมังกร” เมื่อปี พ.ศ. 2524) ยังเป็นส้วมหลุมและมีประตู แล้วออกมาดูร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ มีของรับประทานหลายอย่าง ซื้อชายูนนานมาทดลองดื่ม
(น.33) รูป 30 มีร้านขายของ
Next >>