Please wait...

<< Back

" เย็นสบายชายน้ำ วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2539 "

(น.77) กลายเป็นอันดับ 2 ของมณฑลหูเป่ย งบประมาณส่วนก่อสร้างที่ตั้งไว้ใน ค.ศ.1993 ราว 50,090 ล้านหยวน งบประมาณอพยพคน 40,000 ล้านหยวน (และเพิ่มขึ้นตามอัตราเฟ้อ) การจัดงบประมาณให้พอต้องใช้วิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. ตั้งมูลนิธิการก่อสร้าง เงินที่หาเข้ามูลนิธิมาจากค่ากระแสไฟฟ้า ในบริเวณที่เรียกว่าเป็นเขตยากจน ถ้าใช้ไฟ 1 วัตต์ ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 0.3 เฟิน (1 หยวน = 100 เฟิน) และเพิ่มอีก 0.1 เฟินตั้งแต่ ค.ศ.1994 รวมแล้วต้องจ่ายเพิ่ม 0.4 เฟิน ได้เงินจากวิธีนี้ 2,500 ล้านหยวนต่อปี ตั้งแต่ ค.ศ.1996 เขตที่เศรษฐกิจดีต้องเสียเพิ่มอีก 0.3 เฟิน รวมเป็น 0.7 เฟิน จะทำให้ได้เงินเพิ่มอีก 3,000 กว่าล้านหยวน เป็นวิธีการที่สำคัญที่สุด
2. เขื่อนเก่อโจวป้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้แล้ว แบ่งกำไรมาเป็นงบประมาณสร้างเขื่อนซานเสีย
3. สถานีกำเนิดไฟฟ้าซานเสียในค.ศ. 2003 เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2 เครื่อง ค.ศ. 2004 ได้ 4 เครื่อง การขายไฟฟ้าใน ค.ศ. 2003 – 2005 จะนำรายได้เข้างบประมาณก่อสร้างในปีนั้น หมายความว่า จากค.ศ. 2005 เป็นต้นไปไม่ต้องกู้เงินหรือใช้งบประมาณรัฐบาลกลางแล้ว ค.ศ. 2005 เป็นปีที่ 13 เรียกว่า ปีสมดุลงบประมาณ จะใช้เงินไปประมาณ 146,800 ล้านหยวน ค.ศ. 2006 เป็นต้นไปเริ่มขายไฟและได้กำไรพอคืนเงินกู้ได้ใน ค.ศ.2010
วิธีทั้ง 3 วิธีนี้ จะรวบรวมเงินทุนได้ประมาณ 58% ส่วนที่เหลือต้องกู้เงินจากธนาคารของรัฐบาลประมาณปีละ 3,000 ล้านหยวน

(น.78) เงินทุนนอกจากนั้นจะต้องกู้ต่างประเทศเพื่อเป็นการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยวิธีสินเชื่อนำเข้า (export credit) ข้าพเจ้าถามถึงปัญหาดินทรายที่มาทับถมคุณถังบอกว่าเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ตอนนี้น้ำในแม่น้ำฉางเจียงเป็นสีเหลืองไปแล้ว แต่ก็ยังน้อยกว่าแม่น้ำหวงเหอ ดินทรายถูกชะไหลมาจากตอนต้นน้ำ แต่ละปีมีดินทรายไหลลงทะเลประมาณ 500 ล้านตัน นักวิชาการจีนจากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ชิงหัวและหนานจิง ได้ศึกษาปัญหาเรื่องดินทรายมา 40 ปีแล้ว คิดว่าน่าจะได้ผลดี เมื่อเขื่อนเสร็จแล้วจะสามารถใช้น้ำสะอาดล้างตะกอน แต่ละปีในฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายนเมื่อมีน้ำหลากก็จะพัดพาเอาตะกอนกรวดทรายและดินจากต้นน้ำลงมาในอ่าง ตะกอนกรวดทรายขนาดใหญ่ก็จะตกอยู่บริเวณปลายอ่างจึงอาจทำให้เกิดการตื้นเขินได้ ส่วนตะกอนขนาดเล็กซึ่งเป็นดินทรายละเอียดก็จะถูกน้ำพัดพามาตกในบริเวณอ่างตอนล่างและหน้าเขื่อน ดังนั้นจึงต้องออกแบบให้มีช่องประตูระบายตะกอนอยู่ที่ระดับต่ำของตัวเขื่อน เพื่อให้เปิดบานประตูระบายชะตะกอนที่อยู่หน้าเขื่อนออกไปทางด้านท้ายน้ำได้จนถึงสิ้นหน้าฝนในเดือนกันยายน แล้วจึงปิดบานประตูเพื่อเก็บน้ำให้อ่างเต็มถึงระดับเก็บกักปกติที่ระดับ 175 เมตร เมื่อทำโครงการเสร็จตะกอนจะไม่ลงมาอีก นาน ๆ เข้าน้ำจะใส เป็นการสมดุลทางธรรมชาติ ท่านทูตถามถึงเรื่องปัญหาแผ่นดินไหวว่ามีหรือไม่ คุณถังบอกว่าตั้งแต่ ค.ศ.1945 มีผู้เชี่ยวชาญทางการสร้างเขื่อนจากสหรัฐฯ มาตรวจสอบดินแถวแม่น้ำฉางเจียง มีความคิดว่า แถบหนานจิงกวนหรือบริเวณอี๋ชางเหมาะสมที่สุด นอกจากจุดนี้ไปหินไม่แข็งพอ ยังมีช่วงที่เรียกว่า ซานโต่วผิง ซึ่งก็คือบริเวณที่สร้างเขื่อนในปัจจุบัน

(น.79) หินเป็นหินแกรนิต เป็นแหล่งที่เหมาะสมที่สุด กล่าวกันว่าเป็นรางวัลจากสวรรค์ อีกประการหนึ่งบริเวณนี้ไม่ใช่เขตแผ่นดินไหว จุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากบริเวณนี้มาก ในการออกแบบตัวเขื่อนและอาคารประกอบต่าง ๆ ก็ได้ออกแบบให้สามารถรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวไว้แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร มีผู้เคยถามว่า ถ้าเกิดสงคราม เขื่อนนี้จะทำให้เกิดอันตรายไหม ตอบว่าการสร้างเขื่อนนี้จะทำอย่างแข็งแรงมาก เป็นคอนกรีตอย่างดี ถ้ามีปัญหาจริง ๆ เช่น เกิดสงครามต้องระบายน้ำออก ใช้เวลา 7 วันก็หมดเหมือนกับแม่น้ำธรรมดา ข้าพเจ้าถามถึงการวางผังเมืองใหม่ว่าทำอย่างไร คุณถังอธิบายว่า ก่อนการอพยพจะต้องสำรวจประชากรและจดทะเบียนทุกคน ลงนามเป็นหลักฐาน เมื่อรัฐบาลกลางประกาศมติว่าจะอพยพ มีข้อบังคับเกี่ยวกับการอพยพ มณฑลเสฉวน มณฑลหูเป่ย จะต้องรับผิดชอบวางผังเมืองใหม่ และทำแผนการละเอียด แบ่งเป็นอำเภอมอบให้เทศบาลวางแผนอพยพให้ชัดเจนว่า ในเมืองใหม่ตรงไหนเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โรงงาน เขตราชการ โรงเรียน แผนการกำจัดน้ำเสีย ฯลฯ งบประมาณอพยพไม่ได้ให้ประชาชน เป็นเรื่องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า ผู้จัดการท่องเที่ยวอธิบายทิวทัศน์ 2 ด้านว่า 18 นาฬิกาจะถึงเฟิงตูเมืองผี อยู่ทางซ้ายมือ 20 นาฬิกาผ่านจงเซี่ยน 21.00 น. ถึงหอสูงสือเป่าไจ้ และ 23.00 น. ไปทอดสมอพักนอนที่เมืองว่านเซี่ยน พรุ่งนี้เช้า (17 สิงหาคม พ.ศ. 2539) ไปในเมือง ออกเรือ 10.00 น. ตอนเที่ยงผ่านหยุนหยาง มีศาลเจ้าเตียวหุย (จางเฟย) 14.00 น. ถึงอำเภอเฟิ่งเจี๋ย ลงเรือเล็กไปไป๋ตี้เฉิง 17.00 น. เดินทางต่อผ่านฉูถังเสีย

(น.80) โตรกเขาแรกซึ่งยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ตอนทุ่มหนึ่งจอดพักแรมที่อำเภออูซาน อีกวัน (18 สิงหาคม พ.ศ. 2539) จะไปเที่ยวซานเสียเล็กเข้าแม่น้ำต้าหนิงเหอ แล้วผ่านอูเสีย โตรกเขาที่สองยาวประมาณ 44 กิโลเมตร ไปถึงอำเภอจื่อกุย ตอนเย็นดูศาลเจ้าชูหยวน ค่ำวันที่ 18 สิงหาคม เวลาประมาณ 20.30 น. บริษัทท่องเที่ยวจัดการแสดงต่าง ๆ มาให้ชม วันที่ 19 สิงหาคม ออกจากอำเภอจื่อกุย 6 โมงเช้า เข้าซีหลิงเสีย โตรกเขาที่สาม ยาวประมาณ 76 กิโลเมตร 08.00 น.- 10.00 น. ดูโครงการก่อสร้างเขื่อนซานเสีย 12.00 น. ผ่านเขื่อนเก่อโจวป้า 18.00 น. ผ่านเมืองซาซื่อ ในมณฑลหูเป่ย สมัยก่อนเป็นที่ตั้งเมืองโบราณเกงจิ๋วหรือเมืองจิงโจว (เมืองของเล่าปี่) วันที่ 20 สิงหาคม เวลา 07.30 น. ผ่านหน้าผาชื่อปี้ เป็นที่โจโฉแตกทัพเรือ บ่าย 2 โมง ไปนครอู่ฮั่น เราถามคุณถังกันอีก 2 - 3 เรื่อง คุณถังเล่าเรื่องปลาในแม่น้ำฉางเจียง มีอยู่อย่างหนึ่งเป็นปลาโบราณ มีมาตั้งแต่สมัยไดโนเสาร์ อีกชนิดหนึ่งคือปลาโลมาขาว เป็นปลาที่ต้องอนุรักษ์เช่นเดียวกัน พบในแม่น้ำฉางเจียง 200 – 300 ตัว สถาบันประมงแห่งชาติที่อี๋ชางค้นคว้าวิจัยเรื่องปลาโบราณ สามารถขยายพันธุ์ได้ ปล่อยไปในแม่น้ำแล้วราว 7 แสนตัว โตเต็มที่ยาวเมตรสองเมตร สถาบันที่อู่ฮั่นศึกษาเรื่องปลาโลมาขาว ที่สถาบันมีอยู่ 2 ตัว ข้าพเจ้าถามถึงปากแม่น้ำว่าน้ำเค็มขึ้นหรือเปล่า คุณถังบอกว่าเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนน้ำลดมาก ฉะนั้นน้ำทะเลจะเข้ามาต้องแก้ไขโดยควบคุมระดับน้ำในแม่น้ำฉางเจียง ยิ่งทำเขื่อนซานเสียจะควบคุมได้ดีขึ้น


(น.81) รูป 71 นั่งอยู่หน้าเรือดูทิวทัศน์ไปพลางเขียนหนังสือไปพลาง ต้องใส่หมวกเพราะลมแรงพัดผมมาแยงลูกตา


(น.82) รูป 72 ทิวทัศน์

(น.82) พูดกันจบแล้วข้าพเจ้าไปนั่งอยู่หน้าเรือดูทิวทัศน์ ตามภูเขามีเจดีย์จีนอยู่ตลอดทาง มีคนอธิบายว่า เป็นการเอาพระเข้าข่มปีศาจน้ำท่วม ตามภูเขาตัดต้นไม้จนโล้น ต้องปลูกใหม่ ยังต้นไม่โต สักประเดี๋ยวครูหวางมาบอกว่า ผ่านเฟิงตูมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนเวลาที่บอกไว้เลยไม่ได้ดู ครูว่าเจ้าหน้าที่ของเรือควรจะบอกให้เราดู ในแม่น้ำมีทุ่นบอกร่องน้ำเป็นระยะ ๆ เด็กเล่นน้ำ 2 ฝั่ง ชักอยากเล่นเหมือนกัน


(น.83) รูป 73 บนภูเขาจะเห็นเจดีย์แบบจีน มีผู้อธิบายว่าใช้สำหรับข่มขวัญปีศาจน้ำท่วม


รูป 74 บริเวณที่ตัดไม้ไปแล้วเขาก็พยายามปลูกไม้เพิ่ม น้ำขุ่นมากเป็นสีแดง


(น.84) รูป 75 เรือท่องเที่ยวแบบเดียวกับที่เรานั่ง


รูป 76 ทิวทัศน์


(น.85) รูป 77 วิ่งออกกำลังกายรอบ ๆ ดาดฟ้าเรือ

(น.85) ทุ่มหนึ่งรับประทานอาหารค่ำ กัปตันเรือเป็นเจ้าภาพ อาหารไม่เผ็ดเท่าเมื่อกลางวันนี้ แต่ว่ามันหน่อยหนึ่ง รับประทานเสร็จขึ้นไปดาดฟ้า คอยดูสือเป่าไจ้ คราวนี้จะไม่ให้พลาด เมื่อเรือผ่านสือเป่าไจ้ไฟสปอตไลต์ส่องเห็นเงา เป็นหอไม้ที่สูง ที่จริงน้ำก็ไม่ท่วมทั้งหมดไม่ต้องย้าย แต่ต้องล้อมเอาไว้ เมื่อดูแล้วก็ออกกำลังกาย วิ่งไปรอบ ๆ ดาดฟ้าเรือ อ้อยนักข่าวช่อง 9 เป็นคนนับรอบ 30 รอบก็กลับมาทำท่ากายบริหาร กลางคืนประมาณ 5 ทุ่ม เรือจอดที่เมืองว่านเซี่ยน

Next >>