Please wait...

<< Back

" ย่ำแดนมังกร วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2524 "


รูป 38 ดูการทำเครื่องถมปัด-แจกันก่อนลงยา


(น.73) รูป 39 กำลังติโครงโลหะสำหรับลงยาถมปัด

(น.73) เครื่องมืออีกอย่างคือ “เครื่องกรอฟัน” ติดมอเตอร์ มีหัวหลายขนาดเหมือนกัน การแบ่งงานกันทำนี้ทำให้ไม่เสียเวลา เพราะคนแกะก็ไม่จำเป็นต้องเขียนรูปเป็น เขานำคนมาฝึกหัด เพียง 2 – 3 ปี ก็ใช้ได้ งานที่ทำส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 40 วัน – 2 เดือน ห้องที่สองที่ไปดูเขาสานเส้นเงินเป็นลวดลายต่างๆ บางทีก็ชุบทองและแกะลายด้วย ผลิตภัณฑ์มีหลายอย่าง เช่น รูปมังกร ตุ๊กตา ซึ่งส่วนหัวเป็นงา ในนี้เขาไม่ได้แบ่งงานกันทำ แต่ละคนทำเองหมดทั้งตัวและส่งไปชุบที่แผนกอื่น

(น.74) อีกห้องเป็นงานลงยา (ทำเครื่องถมปัด) งานในห้องนี้เขาเตรียมของก่อนลงยา มีวิธีการคือของ (ผลิตภัณฑ์) เมื่อขึ้นรูปมาแล้ว (เช่นขึ้นเป็นรูปแจกัน) จะให้คนงานห้องนี้เอาลวดยาวๆ แบนๆ ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 3 มม. ติดเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้สีมารวมกัน เขาติดลวดด้วยกาวสมุนไพร ห้องที่สี่ที่ได้ไปดูเป็นการเขียนกระจกจากข้างใน คนเขียนต้องเรียนสองปี (อันนี้ฟังไม่ถนัดว่าเรียนเขียนรูปธรรมดา 2 ปี แล้วหัดเขียนในขวดอีก 2 ปี หรือเอาคนไม่เป็นเลยมาหัดเรียนเขียน) พู่กันที่เขาใช้มีขนาดเล็กมาก ประมาณพู่กันเบอร์ 0 ของเราทำด้วยขนหมาป่า ด้ามพู่กันทำด้วยไม้ ตรงปลายเป็นรูปงอๆ เพื่อดัด


(น.74) รูป 40 การเขียนภาพในขวดยานัตถุ์

(น.75) ขนหมาป่าให้เป็นไปตามรูปนั้น จะได้ล้วงเข้าไปเขียนในขวดได้สะดวก สีที่ใช้เขาบอกว่าเป็นสีน้ำธรรมดาทำในประเทศจีน เขาเขียนโดยมีแบบ รูปที่เขียนบางทีก็เป็นรูปคน บางทีก็เป็นรูปวิวทิวทัศน์แบบจีนเขียนในขวดยานัตถุ์เป็นส่วนมาก ห้องที่ห้าเป็นห้องลงยาสี ดังที่กล่าวแล้วว่าเขามีสีมากกว่าของเรา แต่ว่าสีที่สำคัญที่สุดเป็นสีน้ำเงิน การทำเครื่องถมปัดจึงมีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า จิ่งไท่หลาน (หลาน = สีน้ำเงิน) ก่อนจะลงยาสีจะต้องเอาอะไรไม่ทราบสีดำๆ ลงเป็นพื้นก่อน เวลาลงยาเขาต้องเข้าเตาอบ 3 ครั้ง สำหรับอุณหภูมิจะมากน้อยแล้วแต่ขนาดของสิ่งของ จะอยู่ระหว่าง 600 – 800 องศา เตาที่ใช้มีทั้งเตาไฟฟ้าและฟืน ห้องที่หก เป็นห้องทำเครื่องเขิน เครื่องเขินของจีนนี้เป็นสีแดง เขาบอกว่าทาสีตั้ง 100 ชั้นกว่า อีกมุมหนึ่งของห้องมีทั้งคนที่ปั้นรูปตุ๊กตาเล็กๆ ด้วยแป้งสาลี แป้งข้าวเหนียวและน้ำผึ้งใส่สี เขาทำเร็วมาก ถามดูบอกว่าเป็นคนปักกิ่ง เรียนจากพ่อเมื่ออายุได้ 12 ปี ขณะนี้ทำเป็นคนเดียว สอนลูก 2 คน (หญิง 1 ชาย 1) ไว้บ้างแล้ว สิ่งที่ดูแล้วน่าจะมีประโยชน์เอาไปปฏิบัติได้คือไฟที่เขาใช้ทำงาน ช่างของเราใช้ไฟชะโงก (เป็นดวงๆ คนละดวง) ซึ่งช่างแต่ละคนเคยบ่นว่าไฟมันแรงเกินไป เข้าตา ของจีนนั้นเขาใช้หลอดฟลูออเรสเซนตั้งสูงกว่าโต๊ะประมาณฟุตกว่าๆ กลับไปจะลองทำให้คนของเรา (ทางจีนบอกว่าอย่างนี้ทำให้สายตาไม่เสีย)


(น.76) รูป 41 ดูการเขียนรูปในขวด

(น.76) ความจริงจะต้องพูดอย่างเดิมอีกว่า มีอะไรอีกเยอะแยะที่อยากจะดู สังเกต และจดบันทึก แต่ยังทำไม่ค่อยทัน หมดเวลาเสียก่อนนี่ก็เหมือนกัน ยังดูไม่ทั่วเขาก็บอกว่าให้ไปดูที่ร้านค้าของโรงงาน มีบริการแลกเงินอยู่ในนั้นเสร็จ (แลกจากเงินดอลลาร์เป็นตั๋วแทนเงินจีน) รายการ Shopping ขนานใหญ่ก็เกิดขึ้น ข้าพเจ้าซื้อของเอาไปไว้ดูและทูลเกล้าฯ ถวาย มีเครื่องถมปัด ลูกแก้ว ซึ่งเขียนรูปข้างใน สักประเดี๋ยวมีใครก็ไม่ทราบฝ่ายไทยบอกว่าให้ไปดูที่ร้านมิตรภาพมีของแยะกว่า แล้วพอมีเวลาด้วย

(น.77) เมื่อซื้อเสร็จแล้วครบทุกคน ผู้ควบคุมโรงงานก็ส่งเราหน้าประตูโรงงาน เราถามเขาว่าคนงานนี้สักแต่ว่าใครจะมาสมัครก็ได้หรือต้องมีการสอบคัดเลือก เขาบอกว่าต้องมีการสอบคัดเลือก และส่วนมากคนงานขอเขามีการศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษา มาดามเหอหลี่เหลียงก็ลาเราตอนนี้ เราไปต่อกันที่ร้านมิตรภาพ (Youyi Shangdian) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ สถานทูต ร้านนี้มี 3 ชั้น ดูลักษณะไม่ค่อยเหมือนร้านขายของ เหมือนสำนักงานมากกว่า เราขึ้นลิฟต์ไปชั้นสาม ซึ่งขายเครื่องหัตถกรรมต่างๆ ของจีนสำหรับขายคนต่างชาติ คนขายส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ และร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้เขตสถานทูต มีของ


(น.77) รูป 42 กำลังลงยาเครื่องถมปัด

(น.78) มากกว่าที่ร้านของโรงงานมาก เช่น ที่โรงงานมีขวดยานัตถุ์ ที่ร้านนี้มีขวดของโบราณราคาเป็นร้อยๆ หยวน เพื่อนของข้าพเจ้าฝากซื้อกระดาษสำหรับเขียนภาพอย่างจีนอย่างดี ถามราคาดูแพงมากราคาถึงแผ่นละ 6 หยวน เลยไม่ซื้อ จะขอให้ข้าราชการสถานทูตไปหาซื้อที่ร้านอื่น ข้าพเจ้าซื้อพู่กันมา 2 กล่อง เป็นพู่กันเขียนหนังสือกับพู่กันระบายสี กล่องละ 9 หยวน มี 5 ด้าม ซื้อหมึกแท่งสี 1 กล่อง มีสีขาว สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดง ถามหาพู่กันขนหมาป่าแบบที่โรงงานแล้วไม่มี ข้าพเจ้าชอบดูแท่งหมึกจีน เห็นเขาบอกว่ามีเกือบร้อยชนิด มีลวดลายสวยมาก หินสำหรับฝนหมึกเช่นกันมีสวยๆ ราคาแพงมากๆ ก็มี ได้ทราบว่าเขามีตำราเกี่ยวกับหินฝนหมึกด้วย อยากได้ของถวายอีก แต่ก็ไม่รู้จะ


(น.78) รูป 43 โรงงานศิลปหัตถกรรม

(น.79) ซื้ออะไร ซื้อลูกคิดอันเล็กๆ สำหรับทูลเกล้าฯ ถวาย ชั้นกลางมีเสื้อผ้า ข้าพเจ้าไปซื้อตุ๊กตาหมีแพนด้าเอาไปฝากหลาน ข้างล่างขายหลายอย่าง เช่น อาหาร ของสด ชาประเภทต่างๆ เลยซื้อไปให้คุณยายลองดื่ม 1 ชนิด มีขนมนานาชนิด ช็อกโกแลต ซึ่งคุณหญิงตุ๊กตาบอกว่าอร่อยมาก แต่เราไม่ได้ซื้อ มียาจีนขายด้วย อีกห้องมีจักรยาน เครื่องเทป วิทยุของญี่ปุ่นขาย จักรยานในเมืองจีนเป็นของสำคัญที่สุด และเดี๋ยวนี้เดินไปไหนพบหนุ่มสาวชาวจีนถือวิทยุเทปเปิดเพลงจีนดังลั่น ตอนซื้อของนี้ข้าพเจ้าไปกับคุณเฉินสำหรับช่วยพูด แต่ตอนหลังนี้คุ้นเคยกับเงินจีนมากขึ้นจึงลองซื้อเอง อัตราแลกเงินจีนตอนนั้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา 1 หยวน ประมาณ 12.60 – 14 บาท มีมาตราดังนี้
10 เฟิน เป็น 1 เหมา
10 เหมา เป็น 1 หยวน
มีเรื่องแปลกอีกอย่างหนึ่งคือเงินจีนนั้นมีชื่อเล่นชื่อจริงเหมือนสุภรเพ็ญชื่อแอ๋ว ดาราสิริชื่อตุ๋ย ฯลฯ เวลาเรียกกันก็มักจะเรียกชื่อเล่นแทนชื่อจริง เงินหยวนนั้นไม่มีใครเรียกว่า หยวน แต่เรียกว่า ขว้าย เหมามีอีกชื่อว่า เจี่ยว (ไม่รู้อันไหนเป็นชื่อเล่นชื่อจริง) ส่วน เฟิน นั้นไม่มีชื่อเล่น เหมือนที่ข้าพเจ้าเรียกอารยาว่าอารยา

(น.80) ซื้อของเสร็จแล้วป้าไลชวนกลับบ้าน จะได้เตรียมตัวไปงานเลี้ยงรับรองที่มหาศาลาประชาชน พอกลับถึงบ้าน ป้าไลบอกว่าให้นั่งรออยู่ในห้อง เดี๋ยวจะไปสั่งนมเย็นมาให้รับประทาน เราก็นั่งรออยู่สักครู่ใหญ่ ป้าไลก็ไม่กลับมา เราจึงแกะรอยไปดูที่ห้องไว้เครื่องดื่ม เห็นป้าไลกำลังเถียงกับ “มหาดเล็ก” ด้วยภาษาทุกภาษา มหาดเล็กหน้าตางงเต็มที่ หยิบน้ำหวาน น้ำแร่ เหมาไถ ฯลฯ และทุกๆ อย่างเท่าที่เขาจะหาได้ ข้าพเจ้าจึงบอกว่าขอเข้าไปเจรจาเอง ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด ข้าพเจ้าขอนมเย็น เขาฟังอย่างไรก็ไม่ทราบเป็นนมเย็นสองแก้ว พอได้เวลาเราก็พากันไปงานเลี้ยงซึ่ง ฯพณฯ จ้าวจื่อหยาง เป็นเจ้าภาพ งานเที่ยวนี้เขาเชิญเราหมดทั้งคณะ มีผู้ที่ไม่ยอมไปคือคุณวิไล กับคุณออมทรัพย์ ข้าพเจ้าต้องออกเดินทางตั้งแต่ 18.30 น. เพื่อพบ ฯพณฯ จ้าวพร้อมกับท่านทูตและคุณหญิง คุณพูนเพิ่ม ท่านผู้หญิงทั้งสอง คุณดำรง และอาจารย์สารสินเมื่อเข้าไปถึง ฯพณฯ จ้าว มาพบและพาไปนั่งในรูปเดิมที่ห้อง ฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) ท่านจ้าวจื่อหยางก็ชวนสนทนาอย่างเดียวกับเมื่อวานที่สนทนากับท่านเติ้งอิงเชา ท่านจ้าวจื่อหยาง อายุ 62 ปี ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรี กรรมการประจำ โปลิตบุโร และเป็นสมาชิกสำนักเลขาธิการของพรรค เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากในการปรับปรุงการเกษตรและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดเล็กของเอกชน เมื่อสมัยที่เป็นประธานคณะกรรมการปฏิวัติมณฑลเสฉวน (เท่ากับเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด) ได้แก้ไขภาวะทรุดโทรมและล้าหลังทางเศรษฐกิจ โดยใช้วิธีให้ค่าตอบแทน

(น.81) ในการทำงาน ให้โบนัส กำหนดให้ชาวนาปลูกพืชต่างๆ และขายได้เอง เป็นคนที่รู้ปัญหาของจีนมาก ฯพณฯ จ้าว กล่าวต้อนรับว่าชาวจีนมีความยินดีที่ข้าพเจ้ามาประเทศจีนครั้งนี้ เพราะไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันยาวนาน ตัวฯพณฯ จ้าว เองได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เข้าเฝ้า เขารู้สึกประทับใจในการเยือนไทยครั้งนั้นมาก และเขาเชื่อมั่นว่าการที่ข้าพเจ้ามาเยือนจีนครั้งนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศ และให้ข้าพเจ้าช่วยทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงความปารถนาดีจากรัฐบาล และประชาชนจีนด้วย ข้าพเจ้ากล่าวว่า ทั้งสองพระองค์ได้ทรงฝากขอบใจนายจ้าวที่ได้เชิญให้ลูกสาวคือข้าพเจ้าและน้องสาวได้มาแสวงหาความรู้ ซึ่งจะใช้เป็นประโยชน์ได้ ข้าพเจ้าเองมีความเสียใจที่น้องสาวของข้าพเจ้าป่วยมากเมื่อก่อนที่จะมาเพียงวันเดียว จึงไม่สามารถมาเยี่ยมประเทศจีนได้ ขณะนี้อาการดีขึ้นบ้าง ท่านจ้าวบอกว่าฝ่ายจีนก็เสียใจ หวังว่าจะสามารถมาเมืองจีนในภายหน้า หลังจากนั้นท่านจ้าวก็บรรยายนำเที่ยวจีนในที่ที่หมายกำหนดการกำหนดไว้ และได้บอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงช่วยช่วยเกษตรกรมาก เมื่อคราวที่เข้าเฝ้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีโอกาสฟังพระกระแสรับสั่งเกี่ยวกับการชลประทานและการกำเนิดไฟฟ้าในท้องถิ่นทุรกันดาร จีนผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด

(น.82) 200 KW. โดยใช้พลังน้ำ และมีความประสงค์จะถวายชุดหนึ่งว่าท่านจ้าวก็เรียกหยิบแฟ้มผูกโบว์ส่งให้ข้าพเจ้า แล้วบอกว่าในแฟ้มนี้เป็นแบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 แบบ ขอให้ทรงเลือกชนิดที่จะเหมาะสมกับภูมิประเทศของไทยมากที่สุด ถ้าโปรดแบบใดก็ขอให้ทรงแจ้งให้สถานทูตจีนที่กรุงเทพฯ ทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป สุดท้ายก่อนลุกขึ้นไปรับประทานอาหารในห้องโถงตะวันออกท่านจ้าวจื่อหยางกล่าวว่า เมื่อปี 1978 ประธานรัฐสภาจีน จอมพล เย่เจี้ยนอิง และอดีตนายกรัฐมนตรี ฮวากว๋อเฟิง ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน และรัฐบาลจีนชุดนี้ใคร่จะเชิญเสด็จฯ รวมทั้งกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และสมพระศรีนคริทราบรมราชชนนี ข้าพเจ้าบอกว่าจะกราบบังคมทูลให้ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดที่จะเสด็จออกนอกประเทศมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วเพราะขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ดีนัก ถ้าเสด็จออกนอกประเทศเสียแล้วประชาชนจะไม่อุ่นใจ เมื่อเข้าไปในห้องที่เลี้ยง ท่านจ้าวก็แนะนำฝ่ายจีนที่ร่วมงานทั้งหมดตามรายชื่อที่เขาให้มาดังนี้
1.Qian Zhengying – Minister of Water Conservancy (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงชลประทาน)
2.Xie Bangzhi – Vice – Minister of Justice (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม)
(น.83)

3.Wang Ziyi – Vice – Minister of the 1. Machine – Building (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจักรกลที่ 1)
4.Shou Hanqing – Vice – Minister of Textile Industry (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมสิ่งทอ)
5.Zhao Qiyang – Vice – Minister of Culture (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม)
6.Huang Xinbai – Vice – Minister of Education (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ)
7.Yang Chun – Vice – Minister of Public Health (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข)
8.Huang Ganying – Vice – Chairman of the National Woman’s Federation (รองประธานสภาสตรีแห่งชาติจีน)
9.Li Ming – Deputy Director General of the CAAC (รองผู้อำนวยการสายการบิน CAAC)
10.Lei Jieqiong – Vice – Mayor of Beijing (รองนายกเทศมนตรีนครปักกิ่ง)
11.Gu Jiexin – Vice – President of the Red Cross Society (อุปนายกสภากาชาดจีน)
12.Long Jiaxing – Soloist, Representative Cultural Circle (นักร้องเดี่ยว ผู้แทนของวงการวัฒนธรรม)

(น.84)
13.Situ – Zhiwen – Cellist, Representative from Culture Circle (นักดนตรีเชลโล ผู้แทนของวงการวัฒนธรรม)
14.Fang Bihui – Teacher of Special Classification, Representative from Education Circle (ครูที่ได้รับรางวัลพิเศษ ผู้แทนของวงการการศึกษา)
15.Wang Biling – Teacher of Special Classification, Representative from Education Circle (ครูที่ได้รับรางวัลพิเศษ ผู้แทนของวงการการศึกษา)
16.Prof. Jin Lan – Doctor of the Capital Hospital (แพทย์แห่งโรงพยาบาลนครหลวง)
17.Dr. Zhang Huifen – Doctor of the Beijing Hospital (แพทย์แห่งโรงพยาบาลปักกิ่ง)
18.Tong Ling – Table tennis player, Champion of the Woman’s single at the 36th World Table Tennis Championship (นักปิงปอง เป็นแชมเปี้ยนหญิงเดี่ยวในการแข่งขันชิงแชมเปี้ยนโลกเทเบิลเทนนิส ครั้งที่ 36)
19.Song Youping – Badminton player (นักแบดมินตัน) เป็นอันว่าฝ่ายจีนเขาพยายามจัดรายการให้พวกเราได้พบกับคนหลายๆ วงการ แต่ก็ไม่มีโอกาสจะสนทนากันเลย เมื่อวันวานที่มาดามเติ้งอิงเชาเลี้ยงนั้น ก็มีครูสอนภาษาอังกฤษกับนักร้องเสียงโซปราโน

(น.85)การที่ข้าพเจ้าต้องลอกชื่อทุกๆ คนเป็นภาษาอังกฤษเพราะว่าเกรงจะออกเสียงไม่ถูก เนื่องจากใบที่เขาเขียนให้มานั้นไม่มีเครื่องหมายบอกวรรณยุกต์ อีกประการหนึ่งเขาไม่ได้บอกว่าคนไหนเป็นผู้หญิง คนไหนเป็นผู้ชาย เขียนไปเกรงจะจำผิด ส่วนตำแหน่งนั้นพยายามแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเอาไว้ เขียนภาษาอังกฤษไว้ด้วยเพื่อผู้อ่านจะเช็คได้ถ้าเกิดความสงสัย สำหรับมาดาม เฉียนเจิ้งอิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงชลประทานนั้น ข้าพเจ้าได้ส่งพวงมาลัยดอกไม้ให้ตั้งแต่วันแรกถึงปักกิ่งและนั่งโต๊ะข้าพเจ้าในงานเลี้ยงวันนี้ด้วย มาดามอายุ 59 ปี ได้เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 และเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาดามจบวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย ต้าถง นคร เซี่ยงไฮ้ ทำงานทางด้านการชลประทานและอนุรักษ์แหล่งน้ำมาตลอด เมื่อ พ.ศ. 2502 ได้เป็น ร.ม.ช. ชลประทานและพลังไฟฟ้า เมื่อได้มีการแยกกระทรวงชลประทานออกจากการพลังไฟฟ้า ก็ได้รับเลื่อนเป็นรัฐมนตรีข้าพเจ้าได้เล่าให้มาดามฟังถึงที่ได้สนทนากับอธิบดีเสิ่นผิง ถึงเรื่องกรรมวิธีสำรวจและจัดทำชลประทานแบบพื้นเมืองของจีน แต่ข้าพเจ้าไม่สู้จะเข้าใจนัก ถ้ามีภาพยนต์หรือภาพถ่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ช่วยหาให้ดูด้วย ฯพณฯ จ้าวได้บอกว่า ที่รับรองข้าพเจ้าด้วยตนเองในวันแรกไม่ได้ เพราะต้องต้อนรับประธานาธิบดีแห่งซิมบับเว ซึ่งมาเจรจาปรึกษาข้อราชการบางประการ ท่านประธานาธิบดีซิมบับเวนี้คงจะเหนื่อยมาก เพราะว่านอกจากต้องเจรจาความเมือง ยังต้อง

(น.86) ไปชมที่ต่างๆ ไปแสดงปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมีพวกแอฟริกาที่พำนักอยู่ในกรุงปักกิ่งด้วย (สังเกตดูจากที่เดินอยู่ในร้านมิตรภาพก็มีจำนวนไม่น้อย) นอกจากนั้น ฯพณฯ จ้าว ได้กรุณาเล่าเรื่องเกี่ยวกับพัฒนาทางการเกษตร การใช้ปุ๋ยธรรมชาติและแก๊สธรรมชาติ พร้อมทั้งเรื่องอาหารต่างๆ ที่รับประทาน อีกเรื่องที่ข้าพเจ้าท่านจ้าวคือเรื่องที่ได้เห็นงานศิลปหัตถกรรมบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องถมปัด ซึ่งทางจีนทำได้ดีมาก จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะขอครูจากจีนไปสอนที่เมืองไทยหรือส่งนักเรียนไทยมาศึกษาที่ประเทศจีน ท่านจ้าวบอกว่าทำได้ทั้งสองอย่าง จะจัดการให้ถ้าต้องการเมื่อไรก็ให้ติดต่อผ่านทางสถานทูตทั้งสองก็สะดวกดี (ก่อนมาพวกเราก็กะกันเล่นๆ ว่าน่าจะให้ตุ๋ยมาเรียนเพราะจบเพาะช่าง มีความรู้อยู่แล้ว ภาษาจีนหัดเอาทีหลังได้) เราคุยกันเรื่องการทำไหม ท่านจ้าวบอกว่า ตอนมาเมืองไทยได้ดูกิจการทอผ้าไหมของไทย รู้สึกว่าทำได้ดีมาก สำหรับของจีนจะได้ดูเมื่อไปที่เสฉวน จะเห็นการปลูกหม่อนบนคันนา เพื่อไม่ให้เสียที่ ท่านผู้หญิงสุประภาดาบอกว่า ของไทยมักนิยมมีไร่แยกออกไปจากนา ข้าพเจ้าเล่าถึงการทอผ้ามัดหมี่ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านอีสาน ในแถบที่แห้งแล้งมากที่สุดได้มีอาชีพและมีรายได้เพิ่มเติมจากการเกษตรสำหรับบางปีที่นาล่มเสียหาย หม่อนเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดีมาที่สุดอย่างหนึ่ง การเลี้ยงไหมของไทยก็ทำอย่างง่ายๆ อยู่ใต้ถุนบ้านของชาวนาฉะนั้นไม่ต้องลงทุนมาก ท่านผู้หญิงสุประภาดาเป็นคนที่มีความ

Next >>