Please wait...

<< Back

" ย่ำแดนมังกร วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2524 "


(น.311) รูป 143 ป่าหิน

(น.311) เรื่องอาซือหม่านี้เป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก มีทั้งหนังสือและภาพยนต์ ซึ่งส่งไปฉายทั่วโลก เมื่อตอนอยู่โรงแรมจิ่นเจียงที่เสฉวน ตรงที่ขายหนังสือก็เป็นภาพการ์ตูนเรื่องอาซือหม่าขายอยู่ แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ซื้อเพราะไม่รู้จักว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างไร พวกเราก็นัดกันว่า จะถ่ายรูปหมู่ด้วยกันให้เห็นอาซือหม่านั่งอยู่ด้วย แบ่งถ่ายหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มรวมหมู่ทั้งหมด กลุ่มพวกผู้หญิง กลุ่มล่าม กลุ่มสื่อมวลชน ซึ่งเขามีสื่อมวลชนจีน ผู้แทนจากสำนักข่าว ซินหัว มาด้วย เป็นผู้หญิงอ้วนๆ ท่างทางอารมณ์ดี กลุ่มทูตและภรรยาทูต ถ่ายกับทูตจีน (ในอนาคต) และภรรยา นอกจากนั้นยังมีหินรูปเสาที่ค้ำฟ้าเอาไว้ รูปพระถังซำจั๋ง เป็นต้น ดอกไม้ที่มีประดับแถวๆ นี้มีดอกตรุษจีนซึ่งเขาเรียกว่า ดอกเย่จื่อฮัว คือดอกไม้ใบ และดอกพุด เรียกว่า จื้อจื้อฮัว เหมือนดอกพุดบ้านเรา ที่ดีคือไม่มีแมลงกินข้างในเลย


(น.312) รูป 144 ป่าหิน

(น.312) เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ชมป่าหินต่อ คราวนี้เราไปดูป่าใหญ่ซึ่งมีระยะทางเดินถึง 6 กิโลเมตร เขาตกแต่งธรรมชาติให้เป็นทางคนเดินชมได้ทั่ว และแต่งเรื่องประกอบได้ตื่นเต้นขึ้น จริงๆ แล้วตามภูเขาและถ้าของไทยก็มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่สมควรได้ศึกษา และถ้าจัดทำแบบเดียวกันนี้ก็ไม่แตกต่างกันนักมีหินบางก้อนที่เขาให้เอาหินอีก


(น.312) รูป 145 ป่าหิน


(น.313) รูป 146 ป่าหิน

(น.313) ก้อนมาเคาะจะเป็นเสียงต่างๆ เหมือนเสียงดนตรี ที่ป่าหินนี้ส่วนหนึ่งเขาทำเป็นหมู่บ้าน มีทะเลสาบซึ่งน้ำเป็นสีเขียว เพราะมีสาหร่ายอยู่เต็ม เขาพาเราไปเที่ยวสระสิงโต เขาสิงโต และศาลาสิงโต ซึ่งเราก็ปีนขึ้นไปถึงศาลาสิงโต ซึ่งอยู่บนที่สูงมองลงมาจะเห็นป่าหินทั้งหมดอยู่ข้างหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งเป็นภูมิประเทศแบบเดียวกัน แต่แท่งหินโผล่ขึ้นมาน้อยๆ อาจจะเป็นสภาพธรรมชาติก่อนที่จะมีการขุดแต่งก็ได้ บนศาลาเขามีน้ำชาและน้ำส้มเลี้ยงและให้พักผ่อน พอดีมีฝ่ายจีนเขาสอนเพลงจีนให้ทิพย์ เห็นเขาร้องเพลงกันข้าพเจ้าก็เลยเข้าไปหัดร้องเพลง ความสุขมิใช่เม็ดฝนที่ตกพรำๆ เมื่อเรากลับบ้านแล้วในวันรุ่งขึ้นทางจีนเขาก็เอาเทปคาเส็ตเพลงมาให้ ตั้งใจว่าจะหัดร้องยังไม่ได้หัดมาจนทุกวันนี้


(น.314) รูป 147 ป่าหินคุนหมิง

(น.314) นอกจากที่กล่าวมาแล้วเรายังได้ดู ไห่ยวินเฉิงชู หมายความว่าถ้ามีเมฆจะดูคล้ายหินเคลื่อน ฉีหลิน หรือ กิเลน ที่สนุกก็คือป่าหินนี้มีช่องเล็กช่องน้อยที่เราต้องลอดต้องข้ามอยู่มา แล้วก็เชียร์กันด้วยว่าคนอ้วนๆ จะลอดได้หรือเปล่า แล้วก็ลอดได้ทุกที มีหลายแห่งที่มีทะเลสาบ เช่น ทะเลสาบดาบ หินตรงนั้น เขาบอกว่าแต่ก่อนนั้นทึบ แต่มีคนเอามือเท้ายันจนทะลุ การเห็นอะไรเป็นอะไรนั้น ขึ้นกับสายตาและเรื่องที่มีอยู่ในใจของคนที่มอง เช่น เขาจะเห็นพระถังซำจั๋ง เห้งเจีย โป๊วก่าย เป็นต้น


(น.315) รูป 148 จับมือกับเด็กชาวเขา

(น.315) ก่อนจะออกจากป่าหินเห็นคนจีนเล่นแม่งูและเล่นโพงพาง แถวๆ ป่าหินนั้นมีเด็กชาวอี๋วิ่งไปวิ่งมาอยู่หลายคน ดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเผ่าไหน ตอนกลับมากรุงเทพฯ นี่แล้วรูปที่ข้าพเจ้าถ่ายกับเด็กๆ ชาวอี๋ ถวายท่านภีศเดชทอดพระเนตร ท่านบอกว่าดูเหมือนจะเป็นพวกแม้วขาว ที่ร้านขายของบริเวณนั้นก็มีการฝีมือของชาวอี๋ ซึ่งก็คล้ายงานของชาวเขาบ้านเรา ในร้านนี้ยังมีของทั่วๆ ไป เช่น เสื้อผ้า หมวกของทหารจีน (หมวกดาวแดง) เป็นต้น มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเขากล่าวว่า มีหนุ่มชาวอี๋คนหนึ่งต้องการจะช่วยคนในหมู่บ้านที่เดือดร้อนเพราะความแล้ง จึงคิดจะ


(น.316) รูป 149 กับเด็กชาวเขา

(น.316) สร้างเขื่อนกักน้ำ วันหนึ่งเขาไปขโมยแส้วิเศษจากเทวดา แส้วิเศษนี้สามารถไล่เนินเขาหินไปได้ ในคืนนั้นเขาไล่หินไปเหมือนฝูงแกะจนถึงบริเวณที่เป็นป่าหินในปัจจุบัน พอไก่ขันแส้นั้นก็หมดฤทธิ์ “ฝูงแกะ” กลายเป็นป่าหิน นอกจากพวกเด็กๆ อี๋ที่พบ ยังพบผู้ใหญ่ชาวอี๋เดินไปเดินมาสูบกล้องลักษณะเหมือนบ้องกัญชา แต่เข้าใจว่าไม่ใช่เพราะทางการคงจะไม่อนุญาต

(น.317) เราลาผู้ดูแลป่าหิน กลับไปนี่ฝ่ายจีนเขาบอกว่าจะให้ไปซื้อของที่ร้านชนกลุ่มน้อย ในรถ ท่านท้าวฯ เล่าว่ายูนนานมีถ่านหินมากทุกแห่ง เช่นที่ คุนหมิง กูชิง ใช้ในการกำเนิดไฟฟ้า ในการอุตสาหกรรม และการหุงหาอาหาร ท่านท้าวฯ บอกว่า ชนกลุ่มน้อยจะอยู่บริเวณชายแดนมณฑลโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้และทางตะวันตกมีพวกอี๋มากกว่าเพื่อน มีพวกที่อยู่ตามภูเขาชัน ปลูกผัก เลี้ยงแพะ ทำนา ท่านว่ายูนนานเป็นที่ราบสูง มีภูเขามากที่ราบน้อย บริเวณป่ามีสัตว์ป่ามาก เช่น มีเสือ เสือดาว แรด วัวป่า หมี งูเหลือม กวางฟาน เป็นต้น


(น.317) รูป 150 ของชาวเขาที่ขายในร้านที่ป่าหิน


(น.318) รูป 151 ใส่หมวกจากร้านที่ซื้อที่ป่าหิน

(น.319) คุยไปมาท่านท้าวฯ ก็สอนภาษาไต่ว่า ลูกท้อ เรียกว่า หมากของ สาลี่ เรียกว่า หมากก่อ เรากินแอปเปิ้ลทุกวันเลยถามแกว่า แล้วแอปเปิ้ลนี่ภาษาจีนจะว่าอย่างไร ท่านท้าวฯหัวเราะบอกว่าเห็นจะเรียกว่า หมากผิงกว่อ (ภาษาจีน) เป็นอันว่าไม่มีชื่อเรียกในภาษาไต่ คำว่า อะไร ภาษาไต่ว่า ว่า บอสัง กระบุงข้าวว่า บุงข้าว ยุ้งข้าวว่า เยข้าว เมื่อรถไปถึงทะเลสาบก็หยุดพักกินแอปเปิ้ล และเดินเล่นยืดเส้นยืดสาย มองดูที่ทะเลสาบเห็นเขาทำนาไปจนติดน้ำ คุณหวังไปเก็บดอกไม้มาจากไหนก็ไม่ทราบช่อเบ้อเริ่มมาให้ หมอดนัยถ่ายรูปไม่ทันก็เลยบอกให้ข้าพเจ้าคืนคุณหวัง แล้วให้คุณหวังให้ใหม่จึงถ่ายรูปสำเร็จ เมื่อถึงเวลาไปขึ้นรถใหม่ ท่านท้าวฯ เล่าให้ฟังว่ามีการปลูกป่าสนเพื่อกรีดยางสน ยูนนานทำไม้ได้เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ อันดับหนึ่งนั้นอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอันดับสองเป็นมณฑลเสฉวน ในยูนนานมีโรงงานบ้างแต่ทำไม่มาก ข้าพเจ้าเห็นว่ามีทั้งข้าวเจ้าและข้าวสาลีอยู่ในเวลาเดียวกัน เลยสงสัยว่าฟางข้าวเจ้าและข้าวสาลีนี่เหมือนกันหรือเปล่า ท่านท้าวฯ บอกว่าไม่เหมือนกัน ฟางข้าวสาลีเอามาม้วนทำเป็นอะไรต่อมิอะไรได้และมุงหลังคาได้เพราะแข็ง ส่วนฟางข้าวเจ้าเอาไว้ให้สัตว์กิน ข้อสังเกตคือเตี่ยเมืองนี้เก่งมาก เวลาถามอะไรที่ท่านท้าวฯ ไม่ทราบจะตอบว่าอะไร ท่านหันไปถามเตี่ย เตี่ยตอบได้ทุกที

Next >>