Please wait...

<< Back

" เจียงหนานแสนงาม วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2542 "


(น. 181) รูป 140 เครื่องปั้นดินเผารูปอูฐ
Earthen camel.


รูป 141 งาแกะเป็นรูปตั๊กแตนในผักกาดและปูแกะสลัก
lvory carved in the shape of a grasshopper on lettuce leaves and a crab carving.

(น. 181) อาคารนี้ยังมีสิ่งของอื่นๆ จัดแสดงไว้ ตั้งแต่เครื่องสำริดสมัยต่างๆ เช่น กลองมโหระทึกมีอักษรจารึก เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบ เช่น ตุ๊กตาอูฐ ม้าสมัยราชวงศ์ถัง เครื่องเคลือบ 5 สี สมัยราชวงศ์หมิง เครื่องประดับเงิน ไม้แกะสลัก สมัยราชวงศ์ชิง มีการสลักรากไผ่อย่างละเอียดประณีต แกะงาเป็นรูปตั๊กแตนในผักกาด แกะรูปปู นอกจากนั้นยังมีเครื่องหยก หินแกะสลัก และเครื่องเขิน


(น. 182) รูป 142 ลงเรือเที่ยวโซ่วซีหู ซึ่งดูเหมือนคลองมากกว่าทะเลสาบ
Along Shou Xihu Lake which is more like a canal.


รูป 143 ลงเรือเที่ยวโซ่วซีหู ซึ่งดูเหมือนคลองมากกว่าทะเลสาบ
Along Shou Xihu Lake which is more like a canal.

(น. 183) กำหนดการต่อไปเป็นการลงเรือชมทะเลสาบโซ่วซีหู โซ่ว แปลตามศัพท์ว่า ผอม แต่ในบริบทนี้ตรงกับคำว่า แคบ ในภาษาไทย ส่วนคำว่า ซีหู แปลว่า ทะเลสาบตะวันตก เพราะอยู่ทางตะวันตกของเมืองหยังโจว ทะเลสาบโซ่วซีหู เดิมมีชื่อว่า เป่าจั้นหู เป็นลำน้ำที่มีต้นน้ำมาจากภูเขาสู่กัง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของหยังโจว ก่อนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ยังมีสภาพเป็นลำน้ำหรือลำคลองธรรมชาติ ต่อมามีการสร้างสวนบนสองฟากฝั่งลำน้ำที่เรียวยาวคดเคี้ยว ก่อเกิดทัศนียภาพที่งดงาม ภาพกิ่งและใบต้นหลิวแตะลงบนผิวน้ำที่ทอดยาวสองฟากฝั่ง ภาพห้องหอศาลาในหมู่ไม้นานาพันธุ์ที่งามหลากสี นับจากนั้นเป็นต้นมาทะเลสาบโซ่วซีหูจึงเป็นที่ล่องเรือชมสวน ชมทิวทัศน์ ที่งามตระการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวลือนามของหยังโจว ลงเรือที่ท่าจักรพรรดิ เป็นท่าที่จักรพรรดิเฉียนหลงเคยมาลงเรือประพาสทะเลสาบ เรือลำที่ข้าพเจ้านั่งจึงให้ชื่อว่า เฉียนหลง ในเรือมีคนบรรยายว่า กวีหลี่ไป๋เคยมาที่หยังโจวในเดือนสาม (เทียบปฏิทินจีนแล้วตกประมาณเดือนเมษายน) และพรรณนาถึงดอกไม้งามในม่านหมอก ข้าพเจ้ามองสองฝั่งแล้วดูไม่ออกว่าเป็นทะเลสาบเหมือนกับแล่นเรือในลำคลอง เห็นคนมานั่งเขียนภาพอยู่ริมฝั่ง มีร้านขายขนม ร้านน้ำชา ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของบรรดาคนที่มีชื่อเสียงและกวีที่จะต้องมาจิบน้ำชาคุยกันในตอนเช้า สมัยราชวงศ์ชิงรุ่งเรือง จักรพรรดิเฉียนหลง (ค.ศ. 1736 – 1795) เสด็จมาภาคใต้ 6 ครั้ง (ค.ศ. 1751, 1757, 1762, 1765, 1780 และ 1784) ทุกครั้งต้องมาแวะที่หยังโจว เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของสินค้าข้าวและเกลือที่จะส่งไป


(น. 184) รูป

(น. 184) ทางเหนือ พ่อค้าเกลือเอาพระทัยจักรพรรดิ ด้วยการสร้างสวนที่สวยงาม 2 ฝั่งคลองยาว 10 ลี้ (ประมาณ 5 กิโลเมตร) ทิวทัศน์ที่เลื่องชื่อลือนามของทะเลสาบนี้มีอยู่ 24 จุด และมีสะพานแบบต่างๆ 10 แบบ เดือนที่ดีที่สุดคือเดือนนี้ เพราะจะได้เห็นท้อสีแดงกับหลิวสีเขียว หลิวที่เห็นที่นี่เรียกว่า หยังหลิว (ต้นหลิวนั้นภาษาจีนกลางออกเสียงว่า หลิ่ว แต่คนไทยออกเสียงว่า หลิว จนคุ้นกับเสียงนี้) มีประวัติว่าสมัยจักรพรรดิสุยหยังตี้ (ค.ศ. 605 – 617) ประทับเรือมังกรให้ผู้หญิงลาก อากาศร้อนเหงื่อออกดูไม่งาม จึงให้ปลูกต้นหลิวเพื่อกันแดด ต้นหลิวทั้งสวยทั้งเป็น

(น. 185) ประโยชน์ จึงให้แซ่ของพระองค์ (แซ่ราชวงศ์สุย) ซึ่งใช้ชื่อแซ่ว่า หยัง เป็นส่วนหนึ่งของชื่อต้นหลิว ในสมัยราชวงศ์ซ่งและหยวน เมืองหยังโจวเป็นท่าเรือสำคัญ มาร์โคโปโลก็เคยมา มีบทกวีที่กล่าวถึงเสียงนกร้อง 1,000 เสียง สีเขียวของหลิวและสีแดงของท้อตัดกันงดงาม มีตลาดดอกไม้และนก รวมทั้งมีสวนไม้ดัด (แบบบอนไซ) สมัยราชวงศ์สุยการทำไม้ดัดมีชื่อเสียงมาก มีอิทธิพลต่อการดัดบอนไซในญี่ปุ่น การดัดต้องเริ่มตั้งแต่ต้นไม้ยังเล็กๆ กว่าจะได้ดีๆ สักต้นต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคน ฝีมือละเอียดมาก


(น. 186) รูป 144 เที่ยวเกาะ ชมดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ
Admiring spring flowers on Qu Yuan Island.

(น. 186) กิ่งยาวนิ้วหนึ่ง งอตั้ง 3 แห่ง เรือล่องผ่านสะพานสายรุ้งหรือสะพานแดง เป็นทิวทัศน์หนึ่งใน 24 แห่ง เดิมเป็นสะพานไม้ ต่อมาเปลี่ยนเป็นคอนกรีต ตรงนี้เป็นทางเข้าทะเลสาบ มีเกาะกลางน้ำ เกาะเหล่านี้จะทำให้นักท่องเที่ยวนึกว่าเป็นเกาะใหญ่ แต่เมื่อเข้าไปแล้วไม่เห็นรถยนต์หรือตึกสมัยใหม่เลย ขึ้นไปบนเกาะซวีหยวน ดอกไม้กำลังบานเต็ม ทั้งดอกท้อ ดอกฉาฮวา (camellia) ดอกตู้จวน (azalea) มีสวนแบบเจียงหนาน พ่อค้าเกลือเป็นผู้สร้าง มีศาลาฟังเสียงนกขมิ้น (ทิงลี่ก่วน) หน้าศาลามีหม้อใบใหญ่ หนัก 3 ตัน ผู้บรรยายเล่าเรื่องมังกรอยู่ในหม้อ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ศาลานี้คงเป็นที่นั่งเล่นดื่มน้ำชา ชมสวน ฟังเสียงนก ประดับด้วยภาพทิวทัศน์ที่นี่ ทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงคือ สะพานห้าศาลา


(น. 187) รูป 145 ภาพวาดบนฉากลายคราม
Paintings on Chinese porcelain screen.

(น. 187) เขาจินซาน (ภูเขาทอง) น้อย จำลองจากเขาจินซานเมืองเจิ้นเจียง ตรงทางเข้ามองไกลออกไปเห็นสะพานห้าศาลา บริเวณเขาจินซานน้อยมีหอชมจันทร์ สำหรับชมแสงพระจันทร์ในยามค่ำคืน ฟังดนตรี กินขนม ดื่มน้ำชา ชื่นชมกลิ่นอบเชย และเล่นหมากรุก มีประตูเปิดหันไปทางทะเลสาบโซ่วซีหู ปลูกต้นกุ้ยฮวา ภายในมีคำขวัญคู่ (ตุ้ยเหลียน) ฝีมือเจิ้งป่านเฉียว มีใจความว่า พระจันทร์ส่องแสงมาเหมือนน้ำเต็มพื้นดิน เมฆลอยขึ้นฟ้าเป็นดั่งภูเขา ในหอนี้มีฉากลายครามสมัยจักรพรรดิคังซี (ค.ศ. 1662 – 1722) มีเพียงชุดเดียว ความพิเศษคือ

(น. 188)

1. ภาพวาดเป็นสามมิติ
2. เส้นชัดเจน แม้แต่ใบไม้เล็กๆ หรือลายกระเบื้องมุงหลังคาก็เห็นชัด
3. เขียนได้บรรยากาศดี มีเมฆบนท้องฟ้า คลื่นในทะเลสาบลายครามปัจจุบันทำไม่ได้แบบนี้
บริเวณสวนเป็นทางเดินคดเคี้ยว มีกำแพงกั้น แต่เจาะช่องลมให้เห็นว่าสวนกว้าง นอกสวนออกไปยังมีสวนอีก แบบนี้เรียกว่าเป็นสวนแบบเจียงหนาน คือมีทิวทัศน์ทั้งด้านนอกและด้านใน ออกจากหอชมจันทร์มีอาคารอีกหลัง แต่ทำเป็นร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร คนมานั่งเล่นไพ่กัน ด้านนอกมีหินงอกที่จักรพรรดิสมัยราชวงศ์ซ่งขุดมาประดับ เขาว่าหินชนิดนี้ในเวลา 50 ปีงอก 1 เซนติเมตร เขาว่าเป็นหินบรรทุกในเรือ (ไม่ทราบว่าหมายถึง อับเฉาถ่วงเรือใช่หรือไม่?)


(น. 188) รูป 146 หินงอกที่จักรพรรดิสมัยราชวงศ์ซ่งขุดมาประดับ
Big piece of stalagmite brought here by a Song emperor for decoration.

Next >>