Please wait...
<< Back

เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม 1 ปักกิ่ง วันอังคารที่ 4 มกราคม 2537


(น.8) รูป 1 เมื่อไปถึงปักกิ่งมีคนมารับมาก คุณหลี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยรับดอกไม้

(น.8) วันอังคารที่ 4 มกราคม 2537
เครื่องออกประมาณ 11.00 น. นอกจากคณะที่ไปด้วยกันแล้ว ยังมีคณะของการบินไทยที่จะไปประชุมเรื่องท่องเที่ยว มีคุณธรรมนูญ หวั่งหลี ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ คุณอภิชัย จันทรเสน เป็นต้น


(น.9) รูป 2 คณะสถานทูต

(น.9) ในเครื่องบิน ข้าพเจ้าถามภาษาจีนอาจารย์สารสินและอาจารย์พรพรรณ ข้าพเจ้าเตรียมแบบเรียนพูดภาษาจีนและบทกวีสมัยราชวงศ์ถังมา อาจารย์สารสินมีหนังสือนำเที่ยวภาษาจีน และมีหนังสือมาอีกหลายเล่มว่าจะเอามาให้ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าให้อาจารย์ถือไว้ก่อน พี่หวาน (อาจารย์พรพรรณ) มีแผนที่และหนังสือเกี่ยวกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


(น.10) รูป 3 เดินอยู่ในอาคาร (ทางเดินเลื่อนที่สนามบิน) ไม่ต้องออกไปข้างนอก ตอนนี้อากาศหนาว

(น.10) ไปถึงสนามบินปักกิ่งเวลาประมาณบ่ายสี่โมงของเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาในประเทศไทยชั่วโมงหนึ่ง (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง) ครั้งนี้ข้าพเจ้าเตรียมเสื้อโค้ตมาใส่ แต่ที่จริงแล้วเขาให้เราออกทางงวงจะได้ไม่โดนอากาศหนาว ท่านทูตมนตรีมารับแนะนำนายอู๋เต๋อก่วน ที่ปรึกษาอาวุโสกรมพิธีการทูต ฯพณฯ นายถังเจียฉวน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดูแลด้านเอเชีย เคยไปประเทศไทย 2 ครั้ง ฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ยังคงเป็นคุณหลี่เฟิ่งจุนคนเดิม คราวนี้คุณก่วนมู่กับพี่อู๋หุ้ยชิงเป็นล่าม พวกสถานทูตมารับที่สนามบินในห้อง


(น.11) รูป 4 สนทนากับท่านซ่งเจี้ยนก่อนอาหาร

(น.11) นั่งรถไปกับท่านทูตจางเหลียน แต่ก่อนเป็นท่านทูตจีนประจำศรีลังกาและมัลดีฟส์ พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่ข้าพเจ้าก็ถือโอกาสหัดภาษาจีนอยู่ดี คราวนี้เดินทางจากสนามบินไปบ้านพักเตี้ยวหยูว์ไถได้รวดเร็วสัก 20 นาที แทนที่จะเป็น 40 นาที เพราะมีทางด่วนเพิ่งสร้างเสร็จ ค่าขึ้นทางด่วนราว 10 หยวน หรือประมาณ 30 บาท นอกจากนั้นยังมีแท็กซี่สีเหลือง ซึ่งพี่อู๋บอกว่าคนจีนชอบขึ้น ค่าโดยสารราว 10 หยวนเช่นเดียวกัน เวลา 4 โมงกว่าหน้าหนาวนี้พระอาทิตย์จวนตกดินแล้ว อุณหภูมิปักกิ่งราว 5 ˚C เขาบอกว่าวันนี้อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 8 ˚C รถผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สนามกีฬาห่างหลานเต่าซึ่งเปิดใหม่ บริเวณ


(น.12) รูป 5 สนทนากับท่านซ่งเจี้ยนก่อนอาหาร

(น.12) ที่จะสร้างแหล่งการค้าที่เรียกว่า หยินเจียจินเจีย (แปลว่า ถนนเงินถนนทอง) ร้านมิตรภาพ รถแล่นไปตามถนนฉางอานเจีย อันเป็นถนนที่ยาวที่สุด ตัดผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมิน ถึงเตี้ยวหยูว์ไถ คราวนี้เราได้พักที่ตึก 12 ซึ่งซ่อมใหม่ตกแต่งใหม่สวยงามมากน้ำในสระยังเป็นน้ำแข็ง ไปถึงอ่านหนังสือพิมพ์ China Daily มีข่าวท่านรัฐมนตรีซ่งเจี้ยน เจ้าภาพของเราคืนนี้ กล่าวถึงนโยบายใน ค.ศ. 1994 ที่จะออกกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กฎหมายนี้ครอบคลุมถึงการควบคุมมลภาวะ คุ้มครองพืชสัตว์ที่หายาก มีบทมาตรการลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างรุนแรง

(น.13) ท่านซ่งเจี้ยนเป็นมนตรีแห่งรัฐ (State Councillor) ประธานกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งกรรมาธิการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ได้ทราบว่าตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐสูงกว่ารัฐมนตรีธรรมดา งานที่สำคัญของประเทศนั้นเขาจะตั้งเป็นกรรมาธิการ เวลา 18.30 น. ท่านซ่งเจี้ยนเลี้ยงที่ตึก 10 มีมาดามกู้ซิ่วเหลียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเคมี มาร่วมงานด้วย นอกจากนั้นมีผู้ร่วมงานอีกหลายท่าน เช่น ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการถังเจียฉวน ท่านฑูตหลี่ซื่อฉุน ที่อดีตเคยอยู่ไทย (เพิ่งพ้นตำแหน่งไปเมื่อปลายปีที่แล้ว) ท่านทูตจินกุ้ยหัว แต่ก่อนเป็นทูตอยู่มาเลเซีย และจะย้ายไปประจำประเทศไทย กำหนดเดินทางวันที่ 28 เดือนนี้ ท่านทูตจางเหลียน ท่านที่ปรึกษาอู๋เต๋อก่วง เป็นต้น ก่อนรับประทานอาหาร มีการนั่งสนทนาในห้องรับแขกตามธรรมเนียม โดยมีคุณก่วนมู่เป็นล่าม ท่านซ่ง กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-จีนที่เจริญขึ้น ตั้งแต่เริ่มมีความสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมานี้ มีการเยือนระดับสูงหลายครั้ง เช่น นายกรัฐมนตรีของไทยได้มาเยือน ทางจีนมีท่านประธานสภาประชาชน ท่านเฉียวสือ และท่านอู๋สวยเชียน ท่านพูดต่อไปว่า ทุกครั้งที่ผู้นำจีนไปเยือนเมืองไทยก็ได้เฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถด้วย สำหรับข้าพเจ้าเองก็มาเมืองจีนเป็นครั้งที่ 5 แต่ละครั้งที่มาก็ได้พบปะคนจีนหลายวงการ ได้มีเพื่อนฝูงมาก


(น.14) รูป 6 ท่านซ่งเจี้ยน มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพอาหารมื้อนี้

(น.14) ความสัมพันธ์ดีขึ้น ทุกครั้งก็ได้เขียนหนังสือเล่าเรื่องการมาเยือนจีน และได้แปลเป็นภาษาจีน ดีใจที่จะมีหนังสือใหม่อีกเล่ม นอกจากนี้ยังมีผู้แปลงานเขียนของข้าพเจ้าเป็นภาษาจีนพิมพ์เผยแพร่ ข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่าผู้แปลพยายามเลือกเรื่องราวที่เขียนขึ้นหลายช่วงเวลา มีเนื้อหาต่างๆกัน เพื่อให้คนจีนรู้จักคนไทย จากนั้นท่านพูดถึงงานของท่านในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ท่านเป็นประธานกรรมาธิการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลงานนี้ด้วยตนเอง แต่ขณะนี้นายก


(น.15) รูป 7 ท่านซ่งเจี้ยน มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพอาหารมื้อนี้

(น.15) รัฐมนตรีงานมีมากขึ้น ท่านจึงรับเป็นผู้อำนวยการสำนักงานอีกตำแหน่งหนึ่ง งานอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมนี้เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงทบวงกรม เช่น การอนุรักษ์สัตว์ป่าที่จวนจะสูญพันธ์ขึ้นกับกระทรวงป่าไม้ สัตว์น้ำขึ้นกับกระทรวงเกษตร ทรัพยากรทางทะเลขึ้นกับสำนักงานสมุทรศาสตร์ เป็นต้น ทุกหน่วยงานเหล่านี้จะส่งตัวแทนมาร่วมวางแผนอนุรักษ์ร่วมกับสำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ข้าพเจ้าถามถึงข่าวหนังสือพิมพ์ว่าสำนักงานของท่านมีหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายด้วยใช่หรือไม่ ท่านบอกว่าในประเทศจีนสภาประชาชนเป็นผู้ออกกฎหมายทั้งหมด ในด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้อำนาจคณะกรรมาธิการกำหนดเข้าที่ประชุมเพื่อลงมติแล้วประกาศเป็นกฎหมาย ข้าพเจ้าถามเรื่องมลภาวะเกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่ ท่านบอกว่าในกระทรวงอุตสาหกรรมก็มีหน่วยงานดูแลเรื่องนี้ และส่งตัวแทนมาร่วมประชุมวางแผนกับท่านเช่นเดียวกับกระทรวงอื่นๆ


(น.16) รูป 8 สนทนาระหว่างอาหาร คุณก่วนมู่ช่วยแปล
v (น.16) พอดีอาหารพร้อมจึงไปนั่งห้องอาหาร ท่านซ่งเล่าว่าท่านได้ไปประชุมเอสแคปที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 1988 เกี่ยวกับการพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมกับคณะผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมด ได้ไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยต่างๆของประเทศไทย ไป AIT ซึ่งมีนักศึกษาจีนเรียนอยู่หลายคน ได้กลับมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ ข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่า ทุกปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่นักศึกษาทุกๆชาติที่เรียนที่ AIT ท่านซ่งเล่าว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดีมาก เพราะนักศึกษาเอเชียในหลายชาติได้มาเรียนร่วมกัน

Next >>