Please wait...

<< Back

หยวนเจิ่น

จากหนังสือ

เจียงหนานแสนงาม
เจียงหนานแสนงาม หน้า 128-131

(น. 128) นั่งรถแล่นไปอีกบริเวณหนึ่ง เป็นสวนขนาดเล็ก ขนาด 6 เฮกตาร์ สะสมพืชชนิดต่างๆ เป็นที่สอนนักเรียน ให้นักศึกษามาฝึกงาน เมื่อเข้าไปถึงเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถ่ายรูปกันในสวนนี้ ช่วงนี้มีดอกแดฟโฟดิลออก ก็ดูสวยดี ในสวนนี้นอกจากมีทิวลิปแล้ว ยังทำกังหันจำลองเพื่อให้ได้บรรยากาศประเทศฮอลแลนด์ มีต้นไม้อื่นๆ เช่น เหมาอวี้หลานจากญี่ปุ่น ต้นหม่ากั้วหรือต้นเสื้อขุนนาง ต้นกุ้ยฮวา ต้นลั่วอวี่ซาน ขึ้นอยู่บริเวณที่น้ำใต้ดินสูง จึงต้องมีรากขึ้นมาหายใจเอาอากาศ ต้น Taxus chinensis เป็นต้นไม้ที่มีศักยภาพว่าจะสามารถรักษาโรคมะเร็งได้



(น. 128) รูป 106 มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถ่ายรูปในสวนพฤกษศาสตร์
Bride and groom come to have their photographs taken in the Garden.



(น. 129) รูป 107 ดอกไม้ในฤดูชุนเทียน
Spring flowers.

(น. 129) เขาอธิบายว่า ในสวนนี้มีส่วนหนึ่งสำหรับคนตาบอดคือ ให้คนตาบอดเข้ามาสัมผัสต้นไม้ และมีคำอธิบายประกอบว่าเป็นต้นอะไร ดอกอะไร อยากดูเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา
เมื่อเห็นสวนในฤดูชุนเทียน ดอกท้อ ดอกซิ่งสีชมพูอ่อนแก่ ทำให้นึกถึงบทกวีของไป๋จวีอี้ที่ชื่อว่า ชวีเจียงอวี้หยวนจิ่ว หรือ ชวีเจียง คิดถึงหยวนจิ่ว ซึ่งถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า
ฤดูใบไม้ผลิมาถึง ไร้เพื่อน เที่ยวน้อยลง
ความสุขสนุกหายไปสองในสาม
มิต้องกล่าวสวนซิ่งในวันนี้
พบผู้คนมากหลาย แต่มิพบเธอ
บทกวีนี้สื่อให้เห็นถึงความอาทร ความผูกพันที่มีต่อเพื่อน มาเที่ยวสวนในฤดูใบไม้ผลิ พบผู้คนมากมาย แต่ไม่พบเพื่อนรัก ความสุขเลยมลายหายไป เหลือเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่ง ไป๋จวีอี้เขียนร้อยกรองบทนี้ให้หยวนเจิ่น ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท หยวนเจิ่นมีชื่อเล่นที่เรียกกันในหมู่ญาติมิตรว่า หยวนจิ่ว



(น. 130) รูป 108 เซ็นสมุดเยี่ยม
Signing a visitors' book.

(น. 130) หยวนเจิ่น (ค.ศ. 779 – ค.ศ. 831) เป็นกวีเอกและขุนนางสมัยราชวงศ์ถัง เป็นชาวเมืองลั่วหยังในมณฑลเหอหนาน เมื่อเยาว์วัย มีฐานะยากจน ไป๋จวีอี้เองก็อยู่ในสถานะเช่นนี้เมื่อตอนเด็ก หยวนเจิ่นมีพรสวรรค์ในบทกลอน เริ่มเขียนบทกวีตั้งแต่เด็กใน ค.ศ. 800 สอบได้จิ้นซื่อ ปีนั้นมีคนสอบได้ 17 คน ไป๋จวีอี้ก็สอบได้เช่นกัน จิ้นซื่อเป็นการสอบแข่งขันเป็นบัณฑิตระดับประเทศ ผู้ที่สอบจิ้นซื่อได้ที่ 1 เรียกว่า จ้วงหยวน (จอหงวน)

(น. 131) เมื่อหยวนเจิ่นเป็นจิ้นซื่อ ก็ได้เป็นขุนนาง ได้รับราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ชีวิตราชการลุ่มๆ ดอนๆ เนื่องจากเป็นคนตรง ไม่กลัวผู้ที่มีอำนาจ หยวนเจิ่นเขียนหนังสือได้ดีทั้งบทความและบทกวี มีความเห็นเหมือนไป๋จวีอี้ว่า การเขียนหนังสือที่ดีต้องมีแก่นเรื่องที่ได้สาระ แฝงความคิดเห็นเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่มุ่งแต่ชมนกชมไม้ หยวนเจิ่นและไป๋จวีอี้เป็นเพื่อนร่วมความคิดร่วมอุดมการณ์ มักเขียนหนังสือโต้ตอบกันหรือแข่งกันอยู่ในที มีอิทธิพลต่อกัน คนรุ่นหลังจึงเรียกขานกวีเอกคู่นี้ว่า หยวน–ไป๋ ส่วนคำว่า ชวีเจียง ในบทกวีนี้ หมายถึง แม่น้ำชวีเจียง (ชวี = คดเคี้ยว เจียง = แม่น้ำ) เป็นช่วงหนึ่งของแม่น้ำฉังเจียง อยู่ทางใต้ของเมืองหยังโจว มณฑลเจียงซู แม่น้ำช่วงนี้คดเคี้ยว จึงเรียกกันว่า ชวีเจียง
พูดถึงบทกวีของไป๋จวีอี้แล้ว ข้าพเจ้าเลยคิดแต่งเองบ้าง เขียนไว้ว่า
ยามวสันต์ฉันออกมาเที่ยวเล่น
เมื่อไม่เห็นเธอมาพาสุขหาย
ในสวนท้อกลับทุกข์ใจไม่สบาย
คนทั้งหลายล้วนเที่ยวเล่นเว้นแต่เธอ