Please wait...

<< Back

สุสานเจ้าชายจางไหว

จากหนังสือ

มุ่งไกลในรอยทราย
มุ่งไกลในรอยทราย หน้า 93-95

(น.93) หวางแนะนำให้ดูจารึกสรรเสริญพระนางอู่เจ๋อเทียน และถังเกาจง เรื่องพระนางอู่เจ๋อเทียนนี้มีทั้งคนรักมากเกลียดมาก คนบางคนเขาบอกว่าพระนางทำประโยชน์แก่บ้านเมืองหลายอย่าง แต่ก็เสียตรงที่มีความรุนแรงในการกำจัดผู้ที่ขัดแย้ง จารึกสรรเสริญหลักนี้ผู้เขียนคือจักรพรรดิถังจงจงลูกชาย จารึกอีกหลักหนึ่งไม่ได้สลักอักษร มีแต่ภาพลายเส้นรูปมังกรและม้า มีความหมายว่าอำนาจของจักรพรรดิ มีพระบรมเดชานุภาพเกินกว่าจะสรรหาคำมากล่าวอ้าง พอเดินเข้าไปใกล้จริง ๆ ก็เห็นมีตัวอักษรจารึกอยู่เต็ม เป็นลักษณะการจารึกอย่างดี ๆ ไม่ใช่ฝีมือคนมือบอนเขียนชื่อตัวเองไว้ตามก้อนหินที่ต่าง ๆ เรียกใคร ๆ (พวกจีน) มาถาม เลยได้ทราบว่าเป็นคนประมาณราชวงศ์ซ่งมาสลักไว้ มีบทกวีบทหนึ่งมีความว่า
ต้นสนก็ถูกเผาไฟไป
ทั้งภูเขามีแต่หญ้า วัว และแพะ
มีแต่คนอำเภอเฉียนที่ระลึกถึงความดีพระนางอู่เจ๋อเทียน
ทุก ๆ ปีก็ต้องเอาของมาถวาย
จากเฉียนหลิงไปดูสุสานอีกแห่งคือ สุสานของเจ้าชายจางไหว ก็คล้าย ๆ กับของเจ้าหญิงหย่งไท่นั่นเอง เจ้าชายเป็นลูกคนที่สองของอู่เจ๋อเทียนแต่ขัดคำสั่งพระนาง (แต่แรกก็เป็นคนเขียนประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น ตอนหลังเผลอเขียนว่าแม่ตัวเองรวบอำนาจ) จึงถูกเนรเทศไปอยู่เสฉวน และส่งคนไปตามฆ่า เมื่อน้องชายได้ขึ้นครองราชย์สมบัติจึงนำพระศพมาเฉลิมพระนาม และสร้างสุสาน (พระนางอู่เจ๋อเทียนมีลูกชาย 4 คน ฆ่าเสีย 2 คน) ภาพผนังในสุสานมีเรื่องการรับแขกต่างประเทศ มีคนทิเบต คนเกาชางมาจากทู่หลู่ฟัน
(น.94) รูป75. สุสานเจ้าชายจางไหว พระโอรสพระนางอู่เจ๋อเทียน ซึ่งถูกพระนางประหาร ที่ห้องไว้โลงศพก็มีภาพพระจันทร์ มีกระต่ายตำยา ตามนิทานพื้นบ้าน แต่ที่นี่ไม่มีทางช้างเผือก ภาพวาดชีวิตความเป็นอยู่สมัยถังในสวน เขาให้สังเกตคนว่าต้นราชวงศ์ถังคนจะผอม ส่วนถังตอนกลางที่รุ่งเรืองที่สุดนั้นคนจะอ้วน ในเมื่ออ้วน ๆ
(น.95) กันทั้งนั้น ความงามในอุดมคติก็เลยต้องเป็นความงามอย่างอ้วน ๆ เรียกว่าสวยท้วมคงจะดีกว่า อีกอย่างหนึ่งเล่ากันว่านางหยางกุ้ยเฟย พระสนมคนโปรดของพระเจ้าถังเสวียนจงเป็นคนท้วม (หรือจะอ้วนเลยก็ไม่ทราบ) จึงทรงกำหนดว่าภาพเขียนทุก ๆ ภาพต้องอ้วน ข้อนี้เรียกว่าเป็นพระราชนิยม ภาพส่วนมากเป็นภาพที่วาดขึ้นใหม่ แต่ที่เป็นของเดิมก็มีบ้าง ต้องขมวดคิ้วดูจึงจะเห็นเพราะสีจางมาก สมัยนั้นเขียนภาพได้สวยมาก เส้นลายมีกำลัง ส่วนที่เส้นละเอียดก็เขียนได้ประณีต แสดงความรู้สึก ตาคนก็ยังเขียนมีแววตา ถึงเวลารับประทานข้าวกลางวันซึ่งก็เลยเวลามาตั้งนานแล้ว อาหารก็อร่อยดี มีหลายอย่าง เป็นของคาวของหวานสลับกัน บางทีก็ดูไม่ออกว่าอะไรคาวอะไรหวาน บางทีก็เอาของหวาน (ขนมทองพลุ) ไปจิ้มน้ำพริก แต่แรกเกือบจะเอาน้ำพริกใส่เข้าไปในเห็ดหูหนูต้มน้ำตาล แต่เอะใจ ชิมดูก่อนเลยรู้ว่าเป็นของหวานไม่ควรใส่น้ำพริก แต่ของที่ไม่น่าจะใส่น้ำพริกแล้วใส่ก็มีเช่น เต้าฮวย บ้านเรามีแต่เต้าฮวยใส่น้ำขิง น้ำตาลทรายแดง เขามีเต้าฮวยแช่น้ำพริกเค็ม ๆ มีถั่วลิสง ผักต่าง ๆ รากบัวต้ม โรตีทอดน้ำมันยัดไส้ (ล่อปี) ขนมปังชนิดเก็บได้นาน เป็นของคนภาคตะวันตก แข็งโป๊ก เขาบอกว่าทำเลี้ยงเราเขาทำอันเล็กหน่อย (ทำนองว่าเป็นตำรับชาววัง?) ของจริงนั้นอันโตและแข็งกว่านี้ ข้าพเจ้าเคยเห็นเมื่อไปอิหร่าน เขาขุดเตาในดินและอบขนมปังนี้ สุดท้ายมีแอปเปิ้ล นั่งคุยกันก็สนุกดี ได้ทราบว่าเส้นทางที่อาจจะเรียกเส้นทางแพรไหม (แต่ยังไม่เข้าระบบ) คือเส้นที่ลงจากซีอานมาทางมณฑลยูนนาน มีเมืองราชวงศ์ฮั่นที่เรียกว่าเมืองหยงช่าง ปัจจุบันชื่อเป่าสี