Please wait...

<< Back

" ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2544 "


รูป 119 ภาพวาดพระพุทธรูป 1,000 องค์
Mural painting of a thousand Buddhas.


รูป 120 พระไมเตรยะทองสำริด พร้อมรูปถ่ายพระปันฉานลามะองค์ที่ 10 และ 11 (องค์ปัจจุบัน)
Bronze image of Maitreya with photographs of the 10th and the present Pancen Lama.


(น.136) รูป 121 ตึกสีแดงเป็นพุทธาวาส ส่วนตึกสีขาวเป็นที่อยู่ของพระ
The red building is the Buddha area, the white one is the residences of monks.

(น.136) เจดีย์ซันเจี้ยจุนเซิ่ง หมายถึง ชนะสามภพ หรือ แปลเป็นศัพท์คงได้ว่า ไตรภพวิชัย ได้แก่ สวรรค์ มนุษย์ นรก ข้างในวิหารมี “เจดีย์วิญญาณ” ของปันฉานลามะองค์ที่ 10 มีรูปปั้นอยู่ในเจดีย์ ที่แปลกมีเครื่องบูชา มีปากกาปักไว้และมีกำไลคล้องเอาไว้ด้วย ได้ความว่า พวกเด็กนักเรียนที่อยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เอาปากกาปักไว้เป็นการอธิษฐานขอให้สอบได้ กำไลมาจากพวกผู้หญิงที่อยากแข็งแรง สวยงาม

(น.137) เจดีย์ของปันฉานลามะนี้มี 3 ชั้น ชั้นแรกใส่ธัญพืช 15 ชนิด ชั้นที่ 2 เป็นหนังสือต่างๆ รวมทั้งหนังสือที่ท่านเขียนเองและพระไตรปิฎก ชั้น 3 มีร่างกายของท่าน ธัญพืชช่วยป้องกันหนอนต่างๆ ที่จะกัดพระไตรปิฎก ใน ค.ศ. 1989-1993 ศพพระปันฉานลามะองค์นี้แต่ก่อนอยู่อีกแห่ง พอซ่อมที่นี่เสร็จก็เชิญมาไว้ที่นี่ มีเรื่องเล่าว่า ช่วง ค.ศ. 1989-1992 ท่านปันฉานลามะที่มรณภาพไปแล้ว ผมกลับงอกและเล็บยาวขึ้นมา เจดีย์หุ้มทองคำ ทองคำหนัก 589 กิโลกรัม อัญมณี 1,000 เม็ด รัฐบาลกลางบริจาคทั้งทองและเงิน

(น.138) ฝาผนังเป็นรูปพระพุทธรูป 1,000 องค์ ในวิหารนี้การสลักทองและเงิน ถือว่าช่างเงินช่างทองของรื่อคาเจ๋อมีชื่อเสียงยิ่ง เมืองต่างๆ มักนิยมจ้างช่างจากเมืองนี้ มีห้องที่มีพระพุทธรูปเป็นพระศากยมุนี สองข้างเป็นพระไมเตรยะ และพระอมิตาภะ เดินออกมาข้างนอกพระอธิบายว่าตึกสีขาวเป็นที่อยู่ของพระลามะ (เทียบตามศาสนาบ้านเราคงถือได้ว่าเป็นสังฆาวาส) ส่วนตึกสีแดงและเหลืองเป็นพุทธาวาส พระรูปหนึ่งมักมีที่พัก 2-3 ห้อง คือห้องสวดมนต์ ห้องพักผ่อน และห้องนอน เจดีย์วิญญาณของปันฉานลามะองค์ที่ 4 สร้าง ค.ศ. 1662 คือประมาณ 300 กว่าปีแล้ว เป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวที่ไม่ถูกทำลายสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม พระอธิบายว่าเป็นที่เก็บข้าวบาร์เลย์จึงไม่ทำลาย เพราะถือว่าเป็นที่เก็บข้าวบาร์เลย์ (ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันอย่างไร) พระปันฉานลามะองค์ที่ 4 ตอนมรณภาพมีอายุ 93 ปี เป็นอาจารย์ของดาไลลามะองค์ที่ 4 และ 5 เจดีย์ทำด้วยเงิน 1,500 กิโลกรัม มีอัญมณี 1,700 เม็ด เขาว่ากันว่า เจดีย์ของปันฉานลามะองค์อื่นๆ เป็นเงินทั้งนั้นยกเว้นปันฉานลามะองค์ที่ 10 ที่มีคุณูปการแก่จีน จึงทำเป็นทอง ที่อยู่ของปันฉานลามะที่นี่เขาเรียกว่า ตงกง หรือ วังฤดูหนาว ภายหลังนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลให้เงินสร้างเซี่ยกง หรือวังฤดูร้อน


(น.139) รูป 122 พระอวโลกิเตศวร
Avalokitesvara.

(น.139) วิหารจาซีหนานเจี่ย หมายความถึง ความเป็นสิริมงคลและชัยชนะอันยิ่งใหญ่ มีเจดีย์วิญญาณของปันฉานลามะองค์ที่ 5 เจดีย์พวกนี้ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม


(น.140) รูป 123 คัมภีร์ในหอคัมภีร์ที่สร้างสมัยปันฉานลามะองค์ที่ 4
Scriptures created in the reign of the 4th Pancen Lama.


รูป 124 คัมภีร์ในหอคัมภีร์ที่สร้างสมัยปันฉานลามะองค์ที่ 4
Scriptures created in the reign of the 4th Pancen Lama.

(น.140) ค.ศ. 1985 ปันฉานลามะองค์ที่ 10 กำหนดสร้างเจดีย์ให้องค์อื่นๆ สร้างเสร็จใน ค.ศ. 1989 วันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1989 พระปันฉานลามะมาทำพิธีฉลองเจดีย์และอีก 6 วันต่อมาท่านก็มรณภาพ (วันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1989) รูปปั้นปันฉานลามะองค์ที่ 9 มีอัฐิอยู่ข้างใน แม้แต่อัฐิก็มีไม่ครบ เจดีย์ที่นี่พระปันฉานลามะองค์ที่ 10 เป็นผู้ออกแบบภาพวาด แสดงว่ามีหลายนิกายที่เป็นนิกายทิเบต ตรงกลางเป็นลานสำหรับทำพิธีต่างๆ มองลงไปนับสุนัขได้ 11 ตัว มีลักษณะเหมือนหมาฝรั่ง (ที่จริงคงจะมีมากกว่านี้) มีกำแพงสร้างด้วยหญ้าชนิดหนึ่งเรียกว่า หญ้าไป๋หม่า หรือหญ้าม้าขาว เป็นหญ้าที่ทนทานสร้างแล้วไม่พังง่าย รับน้ำหนักได้มาก เบา ช่วยให้คนอยู่ข้างในอบอุ่น ถ่ายเทอากาศได้ดี เก็บไว้เป็นร้อยๆ ปี ก็ไม่เน่า ขอเขาไปดูหอคัมภีร์ ทางวัดให้คนไปเอากุญแจทันที หอคัมภีร์นี้สร้างสมัยปันฉานลามะองค์ที่ 4 ประมาณ 300 กว่าปีมาแล้ว ท่านว่าหนึ่งในร้อยคนจึงจะศึกษาคัมภีร์ได้ จุดมุ่งหมายของคนที่มาศึกษาพระธรรมมีหลายอย่าง ประการแรกก็คือ ต้องการศึกษาเพื่อบรรลุพระธรรม ประการที่ 2 คือ เพื่อได้ตำแหน่งลาภยศต่างๆ ประการที่ 3 เพื่อให้แข็งแรงและอายุยืน พระที่ดูแลคัมภีร์อ่านคัมภีร์ให้ฟังเป็นเรื่องศีลและธรรม เช่น ใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปรารถนาให้คนอื่นมีสุข ปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ จุดหมายสูงสุดของชีวิตคือการบรรลุธรรม ไม่

(น.141) ว่าเป็นคนเป็นสัตว์ย่อมรักชีวิต ในใจให้มีพระรัตนตรัย เมื่ออ่านเสร็จแล้วท่านบอกว่ามาครั้งนี้เป็นสิริมงคล เพราะสิ่งที่อ่านให้ฟังนั้นล้วนเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น สมควรนำไปปฏิบัติและท่านจะภาวนาให้ด้วย คัมภีร์ที่อ่านพิมพ์ที่โรงพิมพ์ (หรือสำนักพิมพ์) อยู่ในเมืองลาซา พิมพ์พระไตรปิฎกและหนังสือธรรมะ ในตู้มีรูปพระปันฉานลามะและพระอรหันต์ 18 องค์ มีรูปพระศากยมุนี รูปนี้เคยนำไปประดิษฐานที่จีน (จงหยวน) แล้วกลับมาอีก พวกชาวบ้านนิยมมาสวดมนต์ที่นี่ สวดเองไม่เป็นก็ฟังลามะสวด จะถวายเงินเล็กน้อย เหมาหนึ่ง หยวนหนึ่งก็ได้ทั้งนั้น


(น.141) รูป 125 มอบทังการูปพระปัทมสัมภวะให้เป็นที่ระลึกแก่วัด
Presenting Padmasambhava Thangka as a souvenir to the monastery.

(น.142) มีภาพทังกามาจากหังโจว มีรูปพระปันฉานลามะในอดีต มีอีกอาคารที่อยากดูเพราะมีภาพฝาผนังงาม วันนี้เปิดไม่ได้เพราะเป็นวันอาทิตย์ คนเก็บกุญแจไม่ทราบว่าไปที่ไหน ต่อไปที่วังฤดูร้อน เป็นวังที่พระปันฉานลามะประทับ เมื่อเข้าไปถึง เดินขึ้นไปชั้นที่ 2 เป็นที่อยู่พักผ่อน เก้าอี้โซฟาตรงกลางนั่งไม่ได้เพราะว่าเป็นที่ปันฉานลามะนั่ง มีผู้มาบรรยายให้ฟังว่านอกจากที่อาคารนี้และบริเวณรอบๆ ยังมีทุ่งหญ้าบนเขาอีกด้วยสำหรับปิกนิก วังนี้รัฐบาลกลางเป็นผู้สร้างถวายปันฉานลามะองค์ที่10 ใน ค.ศ. 1956 มีโรงงานทำพรมของตนเอง ระหว่างนั่งรอนี้ มาดามเซริงให้รับประทานขนมหลายอย่าง มีขนมของทิเบตเคี้ยวไม่ออกเลย อมไว้ตั้งนานก็ไม่ละลายเลยต้องแอบคาย เขาว่าน้ำแร่ก็เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เนยแข็งนี้มีสรรพคุณแก้โรคขาดออกซิเจน แก้คอแห้ง พวกที่ปีนเขา Everest ของจีนจะเอาเนยแข็งแบบนี้เอาไว้ด้วย ค่อยๆ แทะก็กินได้ไปเอง แทะเนยแบบนี้ตอนขึ้นเครื่องบินแก้หูอื้อ มีวิตามินไม่มีไขมัน เสียอยู่ที่ไม่โฆษณาก็ไม่มีใครกิน เมื่อรับประทานโน่นนี่ไปพักใหญ่ ขึ้นไปชั้น 3 มีห้องโถงสำหรับเข้าเฝ้า ใช้ทำพิธีศาสนาที่สำคัญ มีบัลลังก์ มีสุนัขสตัฟฟ์ใส่กรงเอาไว้ มีคนบริจาคเงินไว้ในนั้นด้วย


(น.143) รูป 126 วังฤดูร้อนที่ปันฉานลามะประทับ
Summer Palace, the Residence of the Pancen Lama.

Next >>