Please wait...

<< Back

สุสานและพิพิธภัณฑ์เม่าหลิง

จากหนังสือ

มุ่งไกลในรอยทราย
มุ่งไกลในรอยทราย หน้า 96-99,101-102

(น.96) รองผู้ว่าจบมหาวิทยาลัยซานตง (บ้านเกิดขงจื้อ) ซึ่งมีชื่อมากทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี รองอธิบดีหันจบมหาวิทยาลัยฟูตั้น เซี่ยงไฮ้ ศาสตราจารย์หวางจบมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นอกจากจะเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยส่านซีอีกด้วย ทั้ง 3 คนจบมาทางประวัติศาสตร์ เมื่อรับประทานอาหารแล้วเข้าไปดูในร้านขายของที่ระลึกครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าซื้อ Rubbing จารึกบทกวีโบราณมา 2 แผ่น แล้วเดินทางย้อนกลับทางเก่าเพื่อไปเม่าหลิง ซึ่งเป็นสุสานในสมัยราชวงศ์ฮั่น คุณหันเล่าเรื่องสุสานเม่าหลิงให้ฟังว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับพีระมิดของอียิปต์ สูงถึง 40 เมตร สุสานนี้ถูกขโมยหลายครั้ง ทางราชการจึงยังไม่ได้ขุดค้น ใกล้ ๆ สุสานของจักรพรรดิมีสุสานของหัวชู่ปิ้ง ซึ่งเป็นนายพลหนุ่มสู้รบกับพวกชนกลุ่มน้อยฉยุงหนู (ที่ฝรั่งเรียกว่า Hun) ในมณฑลกานซู ได้ชัยชนะหลายครั้ง เป็นผลให้สามารถดำเนินการค้าในเส้นทางค้าแพรไหมได้สะดวก อิทธิพลของราชวงศ์ฮั่นจึงแผ่ขยายไปได้ถึงมณฑลซินเกียง หัวชู่ปิ้งเป็นเจ้าของวาทะที่ว่า ถ้ายังปราบฉยุงหนูไม่ได้จะคิดถึงบ้านเรือนได้อย่างไร หัวชู่ปิ้งเป็นคนกล่าวอย่างนี้เป็นคนแรก นายพลยุคหลัง ๆ ก็ชอบนำคำพูดนี้มากล่าวเลียนแบบ หัวชู่ปิ้ง (ป่วยตายเอง) เมื่ออายุเพียง 24 ปี จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้เสียพระทัยมากจึงทรงสร้างสุสานมโหฬารให้เขา บนยอดสุสานทำรูปภูเขาฉีเหลียนซึ่งเป็นสถานที่ที่หัวชู่ปิ้งรบได้ชัยชนะหลายครั้ง เอาหินมาแกะสลัก โดยเลือกเอาหินที่มีรูปร่างต่าง ๆ มาตัด และแกะให้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ให้มีชีวิตชีวา ก้อนหินแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดคือรูปม้าเหยียบฉยุงหนู แล้วคุณหันก็เล่าเรื่องทู่หลู่ฟัน เรื่องซินเกียงอะไรอีกเยอะแยะ จนไปถึงสุสานเม่าหลิงเห็นคนกำลังปีนอยู่หลายคน แต่เราไม่ได้ไปที่สุสาน เลยไปที่พิพิธภัณฑ์ ผู้อำนวยการมาต้อนรับพาไปนั่งอธิบายที่ในห้องรับแขกตามเคย คราวนี้ไม่ค่อยมี
(น.97) ปัญหานักเพราะสำเนียงของเขาเข้าใจได้ง่าย เขาเล่าว่าฮั่นอู่ตี้เป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 ของซีฮั่น (ฮั่นตะวันตก) สร้างสุสานใหญ่ที่สุด ขึ้นครองราชย์ 140 ปีก่อนคริสต์กาล พระชนม์ 16 พรรษา เมื่อครองราชย์ได้ 2 ปีก็เริ่มสร้างสุสาน สร้างอยู่ 50 กว่าปี ใช้ภาษี 1 ใน 3 ของประเทศสร้างสุสานตัวเอง ตามบันทึกประวัติศาสตร์ เก็บของล้ำค่ามหาศาลไว้ในสุสาน เช่น เครื่องเงิน ทอง ตุ๊กตา ของถวายจากต่างประเทศ รอบ ๆ สุสานนี้ยังมีสุสานเล็ก ๆ ของนายทหาร เช่น เว่ยชิง หัวชู่ปิ้ง หัวกวง (เสนาบดี) พระมเหสี ฯลฯ ปี 139 ก่อนคริสต์กาลไปตั้งเมืองใหญ่อยู่ที่อำเภอเม่าหลิง มีคนไปอยู่ 61,870 ครอบครัว คน 270,000 คน การสร้างสุสานใช้วัสดุก่อสร้างมากมาย สำหรับสุสานหัวชู่ปิ้งได้พบหินสลัก 16 ชิ้น หินที่พบนั้นตรงกับที่หนังสือประวัติศาสตร์โบราณบรรยายไว้ มีของที่ชาวนาพบโดยบังเอิญ 3,000 กว่าชิ้น ทางพิพิธภัณฑ์ได้เลือกมาแสดง 126 ชิ้น หลังจากนั้นเดินดูก้อนหินสลักเป็นรูปต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ รูปม้าเหยียบฉยุงหนู ทหารฉยุงหนูคนนั้นถือธนูไม่ใส่รองเท้า ม้านั้นเป็นม้าอูซุน (อีลี่) รูปม้าหอบ เสือแสดงกล้ามเนื้อแข็งแรงพร้อมที่จะจับเหยื่อ คางคก กบ ปลา คนกับหมีสู้กัน อาจารย์หวางบอกว่าการสู้กับหมีนั้น ไม่ใช่ธรรมเนียมของคนจีนซึ่งเป็นเกษตรกร น่าจะเป็นประเพณีของพวกที่ล่าสัตว์เร่ร่อนอย่างพวกฉยุงหนูมากกว่า รูปม้าวิ่งข้ามเครื่องกีดขวาง วัว ช้าง หมูป่า รูปพวกนี้บางรูปถ้าไม่มีใครบอกก็ไม่สังเกตว่าเป็นภาพสลักนึกว่าเป็นหินธรรมชาติเฉย ๆ บางรูปเขาก็บอกว่าน่าจะเป็นศิลปะฉยุงหนูมากกว่าศิลปะจีน
(น.98) รูป76. บริเวณสุสานมีหินสลักรูปต่าง ๆ รูปหินสลักเหล่านี้สลักอย่างหยาบ ๆ แต่ก็มองเห็นเป็นรูปร่าง เราเข้าไปดูของในพิพิธภัณฑ์ ดูโบราณวัตถุที่เขาเลือกมาแสดง เช่น หัวธนูสำริดชุบทอง ธนูจำลอง กาน้ำสำริด ดาบเหล็ก เครื่องประดับชุบทอง ครก (โกร่งบดยา) รูปเต่าทำด้วยสำริดเอาเปลือกหอยใส่ข้างใน ไม่ทราบเอาไว้ทำอะไร หม้อน้ำ มีตัวหนังสือบอกน้ำหนัก พบในสุสานของพี่สาวพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ รูปแรด 2 นอ มีลายสลักฝังเส้นทองเส้นเงิน เป็นกาใส่เหล้า กระจกโลหะ นาฬิกามีขีดบอกเวลา หม้อน้ำแบน ๆ สำหรับแขวนข้างม้า
(น.99) รูป77. ภายในพิพิธภัณฑ์มีของที่น่าสนใจหลายอย่างที่แสดงถึงชีวิตในสมัยราชวงศ์ฮั่น เช่น อาวุธ ของใช้ในบ้าน เครื่องประดับ กระถางธูปชุบทองทำเป็นรูปไม้ไผ่ ด้านบนมีมังกร 3 ตัว จารึกบอกศักราชที่สร้าง น้ำหนัก (ฝีมือละเอียดมาก วางไว้ให้เห็นเด่น คงจะถือเป็นของชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์) เป็นของได้จากสุสานพี่สาวพระเจ้าฮั่นอู่ตี้เช่นเดียวกัน เตาสำหรับทำความอบอุ่นในห้อง เตาชุบทองสำหรับทำความอบอุ่นมือ ถ้วยเหล้า เครื่องอุ่นเหล้า เครื่องนึ่งข้าว ทัพพี ม้าชุบทอง ชาวบ้านพบเมื่อเดือนพฤษภาคม 1981 ขณะกำลังไถนา เขาว่าม้าชนิดนี้แหละที่เรียกว่าม้า
(น.100) รูป78. ม้าชุบทอง หล่อขึ้นมาอย่างสวยงามมาก รูปร่างถูกต้องตามหลักกายวิภาค เหงื่อเลือด (ฮั่นเสว่) หัวมีลักษณะคล้ายไม้ไผ่กล้ามเนื้อขาแข็งแรง สัตว์ต่าง ๆ ทำด้วยดินเผาเคลือบมี หมา ไก่ หมูป่า เป็ด กระเบื้องมุงหลังคา เสือทำด้วยอิฐ หอกสำหรับแขวนห่วงหน้าประตู สัตว์ประจำทิศต่าง ๆ ข้าพเจ้าจดจากคำอธิบายที่เขาเขียนไว้ว่า
Blue Dragon (มังกรน้ำเงิน) ทิศตะวันออก
White Tiger (เสือขาว) ทิศตะวันตก
Scarlet Bird (นกกระจอกเทศสีแดง) ทิศใต้
Black Tortoise (ตัวนี้ประหลายหน่อย เป็นเต่าปนงู) ประจำทิศเหนือ ท่อน้ำประปาสมัยโบราณไว้สำหรับต่อน้ำเข้านาขั้นบันได มีที่สำหรับต่อได้ รูปบุคคลชายเปลือย ตุ๊กตาคนรับใช้ในสุสาน ข้าพเจ้าดูจบแค่นี้ จริง ๆ แล้วท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าข้าพเจ้าควรเลิกเขียนเสียนานแล้ว เขียนรายการสิ่งของอยู่ได้ อย่างกับใครมาจ้างให้ทำ
(น.101) รูป79. สุสานหัวชู่ปิ้ง ขุนพลสมัยราชวงศ์ฮั่น ถ้าขึ้นไปข้างบนจะมองลงมาเห็นทิวทัศน์สวยงาม แต่ข้าพเจ้าไม่มีแรงปีนขึ้นไป
(น.102) ทะเบียน จริง ๆ แล้วบันทึกเอาไว้สำหรับเตือนตัวเองว่าได้ดูอะไรไปแล้วบ้าง สมมุติว่าคราวหน้าเกิดได้กลับมาอีก (ใครจะไปทราบได้) จะได้รู้สภาพว่าแต่ก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหมดแรง อ่อนเพลีย ผู้อำนวยการแนะว่าอยากขึ้นไปชมวิวบนยอดสุสานหัวชู่ปิ้งไหม ข้าพเจ้ารีบบอกว่าไม่มีเวลา กลับโรงแรมพักผ่อน ทุ่มสิบห้านาทีจึงไปที่โรงละคร โรงละครนี้ได้ทราบว่าทางรัฐบาลจีนร่วมทุนกับฮ่องกง คืนนี้เขามีการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์แบบราชวงศ์ถัง พร้อมกับการเลี้ยงอาหารค่ำ เมื่อเราไปถึงเห็นมีฝรั่ง (ทัวร์) ส่วนมากอยู่ในวัยชรานั่งรับประทานอาหารอยู่อย่างเงียบ ๆ มีดนตรีจีนบรรเลงเบา ๆ พอขบวน ไทย-จีน ของเรามาถึงก็บ่อนแตก เสียงจ้อกแจ้กดังลั่นทั้งไทยและจีนส่งภาษากันหลายอย่างไทย ๆ จีน ๆ ปนกัน ข้าพเจ้ากำลังพยายามซ้อมพูดภาษาจีน ครั้นจะพูดจีนหมดก็พูดไม่เป็นต้องพูดไทยปน ได้ความว่าโต๊ะโน้นแถมภาษาอังกฤษด้วยอีกอย่าง เพราะหนูกิ่งของข้าพเจ้ากับเปียนเหมย ผู้รักษาความปลอดภัย (ของข้าพเจ้าเหมือนกัน) ซ้อมภาษาอังกฤษกัน กิ่งแนะนำตัวว่า My name is กิ่ง means a branch of a tree เปียนเหมยก็เลยว่าตัวเองชื่อเหมย (Mei) แปลว่า plum (บ๊วย?) เป็นอันว่าชื่อต้นไม้กิ่งไม้ด้วยกันจึงเป็นเพื่อนกันได้ ชักชวนกันเที่ยวเมืองจีน หนูดอกบ๊วยบอกว่ามาเมื่อไรจะต้อนรับอย่างดี หนูกิ่งเลยบอกว่าถ้ามาก็จะอยู่บ้านเธอนั่นแหละ แล้วชวนกันว่าจะเป็น pen friend กัน บทสนทนานี้ต่อไปว่าอย่างไรไม่ทราบ เพราะที่จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้ยิน อึ่งมาเล่าให้ฟังอีกต่อ ก่อนข้าพเจ้าจะเล่าถึงบทสนทนาโต๊ะข้าพเจ้า จะขอเล่าเรื่องอาหารและการแสดงเสียก่อน ดูเหมือนว่ารายการนี้จะจัดสำหรับทัวร์โดยเฉพาะ