Please wait...

<< Back

" ต้นน้ำ ภูผา และป่าทราย วันพุธที่ 15 สิงหาคม 2544 "


(น.37) รูป 28 ระฆังวิเศษ
The Magic Bell.




(น.38) รูป 29 แพหนังแพะ
Goat skin rafts.

(น.38) ในแม่น้ำมีแพหนังแพะของพวกหุย เขาทำไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งเล่น แต่เขาไม่ได้ให้เราลง เพียงแต่ยกขึ้นมาให้ดู ทุ่นที่ทำให้แพลอยทำด้วยหนังแพะ ถลกหนังมาใช้ทั้งตัว ใช้ปากเป่าลม แพะต้องเป็นตัวผู้ หนังจะเหนียว (หนังแกะบอบบางใช้ไม่ได้) ระหว่างทำต้องสวดมนต์จากคัมภีร์โกหร่าน แพหนึ่งต้องมี 14 ทุ่น (คือใช้หนังแพะ 14 ตัว) แต่ละตัวต้องมีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ต้องทำด้วยการนำหนังมาแช่น้ำเกลือและทาเนยให้คงทน แพหนึ่งๆ ใช้ได้ประมาณ 4 ปี นั่งได้ 4 คน (บรรทุกน้ำหนักได้ประมาณ 1 ตัน) ข้อดีของแพอย่างนี้ คือ

(น.39) แพหนังแพะไม่กินน้ำลึก เข้าไปฝั่งได้ทุกเวลา หยุดแพได้ตามใจชอบ หนังเหนียวกระแทกหินกรวดก็ไม่ขาด ที่จริงแพแบบนี้ใช้บริเวณนี้ไม่เหมาะ ต้องเป็นบริเวณที่น้ำเชี่ยว รับประทานอาหารกลางวันเป็นอาหารพื้นเมืองแถบนี้ อร่อยดี เหล้าที่นี่เรียกว่า หนิงเซี่ยเยี่ยนจิ่ว เป็นเหล้าขาวดีมาก


(น.40) รูป 30 ขี่อูฐขึ้นเนินทราย
A camel ride up the Dune.

(น.40) เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ขี่อูฐขึ้นเนินทราย คนที่จูงอูฐแข็งแรงมาก เขาบอกว่าเขาเดินจูงอูฐขึ้นๆ ลงๆ เนินทรายวันละ 20 ครั้ง เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นเนินทราย เขาบอกว่าเขามาจากเฉิงตู ถามว่าไม่ขี่อูฐหรือ เขาบอกว่ามาถึงทะเลทรายอยากเดินบนทะเลทราย ถ้าขี่อูฐก็ไม่ได้สัมผัสทะเลทราย

(น.41) ขึ้นมาแล้วเดินทางต่อไปเกาเมี่ยว อยู่ในเมืองจงเว่ย* วัดนี้สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ ราชวงศ์หมิง มีอีกชื่อว่า วัดเป่าอัน (รักษาสันติ) ที่เรียกว่าเกาเมี่ยว (แปลว่า วัดสูง) อาจเป็นเพราะสร้างอยู่บนป้อมเก่า ทำให้สูงกว่าวัดธรรมดา วัดนี้พังเสียหายและซ่อมสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง เช่น หลังแผ่นดินไหวสมัยจักรพรรดิคังซี ราชวงศ์ชิง ต่อมาใน ค.ศ. 1942 ไฟไหม้ต้องบูรณะใหม่อีก เดิมเป็นศาสนสถานของ 3 ศาสนา คือ พุทธ ขงจื้อ และเต๋า แต่ว่าปัจจุบันมีแต่ศาสนาพุทธ เรามีเวลาไม่มากเลยเดินดูคร่าวๆ เท่านั้น วิหารหน้าสุดเมื่อเข้าไปถึงเป็นวิหารจตุโลกบาล มีพระไมเตรยะอยู่ตรงกลาง ขึ้นบันไดไป บันไดชันมาก ผ่านเข้าประตูหัวจ้าง เข้าไปถึงวิหาร 3 ชั้น ชั้นล่างมีรูปพระศากยมุนีกับพระสาวก 2 องค์คือ พระอานนท์กับพระมหากัสสปะ รูปพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ขี่ช้างและพระมัญชุศรีขี่สิงห์ นอกจากนั้นยังมีพระอรหันต์ 18 องค์ พระกษิติครรภ ชั้นที่ 2 เป็นไม้แกะสลัก มีรูปพระอมิตาภะ พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปตะ ชั้นบนสุดมีรูปพระพุทธเจ้าประจำทิศทั้ง 5 คือ พระไวโรจนะ ทิศกลาง พระอมิตายุส (พระอมิตาภะ) อยู่ทิศตะวันตก พระอโมฆสิทธิทิศเหนือ พระอักโษภยะยู่ทิศตะวันออก และพระรัตนสัมภวะอยู่ทิศใต้ * การจัดระเบียบการปกครองของประเทศจีนนั้น อำเภอใหญ่จะมีเทศบาล มีนายกเทศมนตรี ถือว่าเป็นเมืองระดับอำเภอ อำเภอจงเว่ยก็อยู่ในลักษณะเช่นนี้


(น.42) รูป 31 วัดเกาเมี่ยว
Gao miao Temple.


(น.43) รูป 32 พระสงฆ์บรรยายรายละเอียดเรื่องพระปางต่างๆ
A monk explaining Buddhist images.


รูป 33 พระศากยมุนีกับพระสาวกเบื้องซ้าย-ขวา
Sakyamuni with two disciples.


รูป 34 บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ
Praise to the Lord Buddha.

(น.44) จากวัดเดินทางต่อ เพื่อกลับไปสนามบินอิ๋นชวน ใช้เส้นทางต่างจากขามา หยุดที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำชิงถงเสีย อยู่บริเวณเมืองชิงถงเสีย ห่างจากซาปัวโถว 120 กิโลเมตร จากอิ๋นชวน 57 กิโลเมตร มีนายอำเภอและผู้อำนวยการไฟฟ้าพลังน้ำมาต้อนรับพาไปที่ท่าน้ำ แต่แรกคิดว่าจะให้ลงเรือที่แท้ให้ฟังบรรยายสรุปว่าโครงการนี้แต่เดิมชาวรัสเซียเป็นผู้ออกแบบใน ค.ศ. 1958 สมัยนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียยังดีอยู่ เมื่อความสัมพันธ์ไม่ดี ช่างจีนเป็นผู้ก่อสร้างส่วนที่เหลือเองทั้งหมด ผลิตไฟฟ้าได้ แต่จุดมุ่งหมายสำคัญคือ การชลประทาน สามารถเลี้ยงพื้นที่ได้ 5 ล้านโหม่ว (ประมาณ 2 ล้านกว่าไร่) เขตพื้นที่แม่น้ำหวงเหอนั้นรวยที่สุดในหนิงเซี่ยเพราะเขื่อนนี้เอง เมืองชิงถงเสียเป็นเมืองที่มีทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี มีวัดโบราณ ทะเลสาบของเขื่อนนี้ก็เป็นที่ท่องเที่ยวที่ดีเช่นกัน ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดสำคัญ คือ วัดเจดีย์ 108 องค์ เขาเล่าว่ามีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ชาวไต้หวันมานมัสการกันมาก เล่ากันว่าถ้านับเจดีย์ครบ 108 แล้วจะหมดกังวล นักโบราณคดีบอกว่าโบราณสถานแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยที่พวกซีเซี่ยมีอำนาจมารุกรานจีนประมาณ 900 ปีมาแล้ว ตรงกับสมัยราชวงศ์ซ่ง วันนี้เราไม่มีเวลาไป เพราะนั่งเรือข้ามไปต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง ไปกลับชั่วโมงหนี่ง แถวนี้ยังมีวัดวาอารามอีกหลายแห่ง

Next >>