<< Back
คุนหมิง
(น.2) รูป 1 ถึงสนามบินคุนหมิง
(น.3) รูป 2 ถึงสนามบินคุนหมิง
(น.3) เมื่อไปเมืองจีนครั้งก่อนมีผู้เล่าให้ฟังว่า ยูนนานเป็นมณฑลที่มีพรรณพืชมากกว่าทุกๆ มณฑลของจีน จึงชวนดร. ธวัชชัย สันติสุข นักพฤกษศาสตร์ซึ่งได้มาศึกษาพันธุ์ไม้จีนหลายครั้งแล้ว ที่เชียงใหม่ข้าพเจ้าเคยไปดูดาวที่หอดูดาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี รศ. บุญรักษา สุนทรธรรม เป็นผู้แนะนำอาจารย์บุญรักษาเล่าว่าที่ ยูนนานกล้องดูดาวเขาใหญ่กว่าของเรา คราวนี้ก็เลยชวนอาจารย์มาด้วย
บันทึกการเดินทางครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับบันทึกเล่มอื่นๆ ที่เคยเขียนมา คือเพื่อบันทึกประสบการณ์สิ่งที่ได้ยินได้ฟังได้ประสบ รวมทั้งความรู้สึกขณะเดินทาง เสนอประเด็นที่น่าศึกษาต่อบางประการ มิได้มุ่งเป็นผลงานทางวิชาการ ฉะนั้นคงมีข้อผิดพลาดและขาดตกบกพร่องอยู่มาก เมื่อมีผู้อ่านท้วงติงหรือตนเองได้ไปศึกษาเพิ่มขึ้น ก็จะหาโอกาสแก้ไขไปเรื่อยๆ
เมื่อไปถึงสนามบินนครคุนหมิง มีท่านทูต (คุณสวนิต คงสิริ) กับอธิบดีสำนักงานการต่างประเทศมณฑลยูนนานขึ้นมารับบนเครื่องบิน คนอื่นๆ ที่สนามบินมี นางเฉิ่นลี่ยิง รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองมณฑลยูนนาน นางหลี่ซื่อฉุน อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและภรรยา นายหวังถิงเชิน นายกเทศมนตรีนคร
(น.4) รูป 3 พบเปียนเหมย
(น.4) คุนหมิง ศาสตราจารย์หวงฮุ่ยคุน รองอธิการบดีสถาบันชนชาติมณฑลยูนนาน
ฝ่ายไทยมีคณะสถานทูต สถานกงสุล และเจ้าหน้าที่การบินไทย
ครั้งนี้เปลี่ยนล่ามใหม่ชื่อ คุณหลิวหลานเจิน เป็นเพื่อนเรียนหนังสือชั้นเดียวกับพี่อู๋หุ้ยชิง และทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศเหมือนกัน ส่วนตำรวจประจำตัวคราวนี้เป็นคนใหม่ชื่อคุณหลี่หงเยี่ยน (พูดภาษาอังกฤษเก่ง) คุณหลี่เจียถิง รองผู้ว่ามณฑลนั่งรถจากสนามบินไปโรงแรมจินหลง (มังกรทอง) ด้วยกัน ท่านรองฯ บอกว่าเพิ่งกลับมาจากการประชุมที่ BOI จัดที่แหลมฉบัง ถนนเข้านครคุนหมิงมีรถหลายชนิด รถยนต์ รถจักรยาน รถเทียมม้า และรถอีแต๋น เป็นต้น ท่านรองฯ หลี่ชี้ให้ดูศูนย์การค้ายูนนานที่ใหญ่ที่สุด สร้าง 10 เดือน ใช้เงิน 400 ล้านหยวน ท่านเล่าว่าท่านเป็นคนมณฑลยูนนาน ไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และออกไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดหลายปีอยู่ฮาร์บิน 30 กว่าปี จึงกลับมณฑลยูนนานเมื่อ 10 กว่าปีมานี้เอง
ไปถึงโรงแรมที่แปลกใจที่สุดคือเจอเปียนเหมย เขารู้ข่าวว่าข้าพเจ้ามาเมืองจีน แต่ไม่ได้เข้าปักกิ่ง จึงตัดสินใจนั่งเครื่องบินมาหาที่นี้ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาคุยกันมาก คืนนี้หลังอาหารให้ข้าพเจ้าโทรฯ บอก เขาจะได้ขึ้นมาคุยด้วย เจอเพื่อนเก่าอีกคนคือคุณเจียง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ
(น.5) รูป 4 พิพิธภัณฑ์มณฑลยูนนาน เก็บสิ่งของที่เกี่ยวกับชนชาติส่วนน้อยในยูนนาน
(น.5) ชานตงต้าฮั่นเจ้าเก่าตั้งแต่ท่องเที่ยวเส้นทางแพรไหมเมื่อ พศ. 2533
ห้องในโรงแรมนี้สบายดี หน้าห้องมีเฉลียง มีกุหลาบพันปีสีแดงและชมพู แต่อีกด้านหนึ่งโผล่หน้าต่างออกมาเห็นแต่ตึกและการก่อสร้างใหม่ๆ เขาให้ทหารยืนยามหน้าห้องคนหนึ่ง
เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ออกไปพิพิธภัณฑ์มณฑลยูนนาน มาดามเฉินลี่ยิงนั่งรถไปด้วย มาดามเคยเป็นวิศวกรโรงงานทอผ้า ต่อมาเป็นผู้ว่าราชการมณฑล ปัจจุบันนอกจากเป็นรองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง มณฑลยูนนานแล้ว ยังเป็นประธานสภากาชาดมณฑล และกรรมการบริหารสภากาชาดจีนด้วย รวมทั้งเป็นประธานมูลนิธิสวัสดิการข้าราชการครูดีเด่นของโรงเรียนระดับอนุบาล ประถม และมัธยมของยูนนาน
ตอนที่คณะของท่านผู้หญิงนวลผ่อง เสนาณรงค์ จากสภากาชาดไทยมาคุนหมิง มาดามก็เป็นคนต้อนรับ
ไปถึงพิพิธภัณฑ์ มาดามว่าสร้างมานานแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 กว่าๆ เล็กและคับแคบไปแล้ว อยากจะสร้างใหม่ มีหัวหน้าพิพิธภัณฑ์กับอธิบดีวัฒนธรรมของมณฑลมาต้อนรับ
ห้องแรก ที่ดู แสดงชีวิตชนชาติส่วนน้อยในมณฑลยูนนาน 25 ชนชาติ มีแผนที่มณฑลแสดงว่าเผ่าต่างๆ อยู่ที่ไหน มีชนกลุ่มน้อยรวมกันประมาณ 13.7 ล้านคน เป็นจำนวนหนึ่งในสามของประชากรในมณฑลเขาจัดพิพิธภัณฑ์ได้ดีทีเดียว มีสิ่งของต่างๆ ของชนชาติต่างๆ แบ่ง
(น.17) รูป 19 ลงนามในสมุดเยี่ยม
(น.17) ภาพแผนที่โบราณแสดงว่ายูนนานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ในแผนที่ราวปี 109 ก่อนคริสต์กาล ตรงกับสมัยราชวงศ์ฮั่น แวะดูร้านขายของที่ระลึก เลือกซื้อหนังสือเป็นบางเล่ม ไม่มีเวลาเลือกนาน ของที่ระลึกอื่นๆ มีพวกศิลปะชาวเขา ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่าตอนไปเยี่ยมชนชาติต่างๆ คงมีขาย
เมื่อดูเสร็จแล้วไปนั่งที่ห้องรับรอง มอบของขวัญให้แก่กันตามธรรมเนียม ในห้องนั้นประดับด้วยดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงาม ปลูกในคุนหมิงนี้เอง (ออกนอกเมืองไปหน่อยหนึ่ง มีทั้งดอกทิวลิป ดอกกุหลาบ ดอกแกลดิโอลัส ดอกคาร์เนชั่น เป็นต้น)
(น.18) เมื่อออกมาแล้วมาดามเฉินบอกว่ามีความคิดอยากสร้างพิพิธภัณฑ์ชนชาติต่างๆ แยกออกมาต่างหาก เพราะว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมาก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สมเด็จป้ามาทอดพระเนตรแล้วใน พ.ศ. 2528 คือเมื่อ 10 ปีก่อน และดูเหมือนจะทอดพระเนตรเฉพาะส่วนที่แสดงเครื่องสำริด
กลับโรงแรม รถผ่านวังวัฒนธรรมคุนหมิง โบสถ์ศาสนาคริสต์เรียกว่าเทียนจู่ถัง ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ฯลฯ มาดามเฉินอธิบายว่านครคุนหมิงนี้มีอากาศสบายตลอดปี ไม่ร้อนไม่หนาว ถือว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ นอกจากเวลาฝนตกจะหนาวนอกจากนั้นยังมีดอกไม้สวยงาม
กลับมาพักผ่อนครู่หนึ่ง จวนถึงเวลาอยู่แล้ว จึงไม่ได้โทรฯ บอกเปียนเหมยให้มาคุยด้วย
เวลา 18.00 น. ไปชั้นที่ 3 ของโรงแรมที่พัก พบกับนายเหอจื้อเฉียง ผู้ว่าราชการมณฑลยูนนานและคณะ ท่านผู้ว่าราชการฯ อายุ 60 ปี เป็นชาวน่าซี เกิดที่เขตลี่เจียง มณฑลยูนนาน เป็นนักธรณีวิทยา จบจากมหาวิทยาลัยฉงชิ่งในเสฉวน เคยเป็นรองอธิบดีสำนักธรณีวิทยา มณฑลยูนนาน เมื่อรับการอบรมที่สถาบันฝึกอบรมพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้วได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการมณฑลยูนนานและผู้อำนวยการใหญ่ (ระดับรัฐมนตรี) ประจำคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์มณฑลยูนนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 จนถึงปัจจุบันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลยูนนานและเป็นผู้ว่าราชการมณฑลยูนนาน
(น.19) รูป 20 ก่อนงานเลี้ยงที่ผู้ว่าราชการมณฑลเป็นเจ้าภาพ
(น.19) ท่านผู้ว่าฯ กล่าวต้อนรับและกล่าวถึงข้าพเจ้าว่า เป็นผู้ที่มาถึงยูนนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ขณะนั้นชาว ยูนนานยังไม่รู้จักคนไทยดีนักและคนไทยก็ยังไม่รู้จักชาวยูนนานดีนักเช่นกัน แต่เมื่อปีที่แล้วมีคนไทยมา 10,000 กว่าคน คนยูนนานเองก็ไปเมืองไทยหลายหมื่นคนต่อปี นอกจากการไปมาหาสู่กันธรรมดาๆ แล้วยังมีความสัมพันธ์ต่อกันในระดับสถานศึกษาต่างๆ หลายแห่ง มีนักธุรกิจไทยมาลงทุนในยูนนานหลายกิจการ และนักธุรกิจจีนก็ไปลงทุนในประเทศไทย ฉะนั้นปีหนึ่งๆ มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนหลายสิบคณะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคณะผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคใต้ 14 จังหวัดของไทยมาเยือน ชาวยูนนานติดต่อกับทางเหนือของไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อได้พบผู้ว่าฯ จากภาคใต้ทำให้เข้าใจสถานการณ์ทางภาคใต้ของไทยดีขึ้น จะเห็นได้ว่าภายใน 10 กว่าปีมานี้ความสัมพันธ์พัฒนาดีขึ้นมาก จีนและไทยร่วมมือตกลงกันพัฒนาบริเวณแม่น้ำโขง ติดต่อกันผ่านทางพม่าและลาว มีโครงการสร้างถนนจากคุนหมิงที่ติดต่อลงมาได้ถึงเชียงใหม่ ในส่วนที่อยู่ใน
(น.20) ประเทศก็กำลังสร้างอยู่ ถ้าถนนสายนี้เสร็จแล้วจะมีประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกันระหว่างประเทศแถบนี้ หวังว่าจะเสร็จใน 3-4 ปี นอกจากทางรถยนต์แล้ว มีแผนในเรื่องการปรับปรุงทางรถไฟทั้งในประเทศและนอกประเทศออกไปทางใต้ถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ทางตะวันออกถึงประเทศกัมพูชา และจะต่อออกไปถึงเวียดนามด้วย รัฐบาลไทยได้มาตั้งกงสุลใหญ่ที่คุนหมิง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนมีมากขึ้น
ส่วนการติดต่อทางน้ำนั้น เดินทางไปได้หลายประเทศโดยผ่านแม่น้ำโขง เรื่องการคมนาคมติดต่อกันทางน้ำนี้ได้ประชุมกันมา 3 ครั้งแล้ว ยังไม่มีการตกลงกันเรื่องการเดินเรือเป็นทางการ มีแต่เรือเล็กๆ เพราะว่าท้องน้ำมีก้อนหินที่เรือใหญ่กินน้ำลึกเข้าไม่ได้ ต่อไปการขนส่งทางน้ำจะเป็นสิ่งสำคัญ
ข้าพเจ้าถามว่าสินค้าชนิดใดนำรายได้ที่ดีมาสู่มณฑล ท่านผู้ว่าฯ บอกว่าบุหรี่เป็นสินค้าที่ทำรายได้ดีมาก ขณะนี้ยูนนานคุมตลาดทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศด้วย อากาศในมณฑลอำนวยต่อการปลูกยาสูบ ทำให้ได้ยาสูบที่มีคุณภาพดี นอกจากนั้นยังมีอุตสาหกรรมเครื่องกล เคมี การก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอาหาร
ไปรับประทานอาหาร นั่งโต๊ะแล้วเพิ่งสังเกตเห็นท่านเตากว๋อตงที่เคยต้อนรับข้าพเจ้าเมื่อมาที่คุนหมิง 14 ปี มาแล้ว ท่านบอกเป็นภาษาไทยว่าไม่ได้พบกัน 14 ปี ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก่อนท่านเคยเป็นผู้ว่าราชการมณฑล ปัจจุบันออกมาแล้วได้เป็นรองประธานสภาประชาชน ท่านผู้ว่าฯ (เหอจื้อเฉียง) บอกว่าแต่ก่อนเป็นผู้ว่าฯ ก็ปกครองรองผู้ว่าฯ (เตากว๋อตง) แต่ปัจจุบัน ท่านเตา ท่านเฉินไปเป็นสมาชิกสภา ก็เป็นฝ่ายควบคุมการทำงานของรัฐบาลมณฑล
(น.21) บุคคลอีกท่านที่ข้าพเจ้าถามถึงคือ ท่านหลี่หยวน ประธานคณะกรรมการปฏิวัติแห่งคุนหมิง ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ถามว่าทำไมที่นี่มีคณะกรรมการเช่นนี้ ท่านยังบอกว่าต้องมีการประชุมสภาอีกครั้ง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นนายกเทศมนตรีเหมือนกับที่อื่นๆ ตอนที่ข้าพเจ้ามาเมื่อปี ค.ศ. 1981 ท่านผู้ว่าฯ ยังเป็นอธิบดี ตอนที่เป็นรองอธิบดีอยู่ 3 ปีนั้น ได้พาคณะไปเยือนประเทศไทย ไปเยือนกรมทรัพยากรธรณี แร่ธาตุไทยจีนคล้ายคลึงกัน เพราะมีสภาพภูมิประเทศคล้ายกัน ข้าพเจ้าถามท่านเรื่องถ่านหิน ท่านอธิบายว่าบางส่วนของแม่น้ำแยงซีเกียงไม่มีถ่านหิน ที่ยูนนานหรือกุ้ยโจวมี ได้ส่งไปในที่ที่ไม่มีถ่านหิน ต่อไปจากคุนหมิงไปต้าหลี่นอกจากจะปรับปรุงสนามบิน ปรับปรุงถนนแล้ว ยังจะสร้างทางรถไฟสำหรับขนสินค้าที่สำคัญคือ ถ่านหิน
สำหรับเรื่องไฟฟ้านี้ แต่ก่อนใช้พลังน้ำ 60% ถ่านหิน 40% ปัจจุบันมีการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำมากขึ้น ด้านการท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศประมาณ 520,000 กว่าคน ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ญี่ปุ่นและยังมีประเทศในยุโรปด้วย ชาวยุโรปชอบไปท่องเที่ยวที่ทะเลสาบเทียนฉือ และเขตปกครองต้าหลี่ คนจากคุนหมิงก็เดินทางไปประเทศไทยเป็นแสนคนแล้ว อีก 15 ปีคงเป็นล้านคน ค่าเดินทางไปประเทศไทยไม่แพงเกินไปที่ชาวคุนหมิงจะจ่ายได้ คือ จ่าย 3,000 หยวน ได้ไปเที่ยวทั้งกรุงเทพฯ และพัทยา จากปักกิ่งไปฮ่องกง ไปสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย จ่าย 10,000 หยวน
ข้าพเจ้าถามเรื่องการลงทุน ท่านผู้ว่าฯ บอกว่าขณะนี้ถ้านับด้านจำนวนเงินลงทุนโดยทั่วๆ ไปแล้ว ถือว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีการลงทุนสูงที่สุด เฉพาะด้านการก่อสร้างโรงแรมและการท่องเที่ยวนั้น
(น.22) ไทยกับสิงคโปร์ทำมากที่สุด
ถามถึงพืชอย่างอื่นที่ปลูกกันมาก ท่านผู้ว่าฯ บอกว่าที่มีการปลูกกันเป็นพิเศษคือการปลูกอ้อย ทำน้ำตาลได้ 8 แสนตัน ส่งทั่วมณฑล ที่สิบสองปันนามีภูมิประเทศคล้ายประเทศไทย จึงปลูกชายาสูบ และดอกไม้กันมาก ในคุนหมิงก็ปลูก ส่งออกไปยังสิงคโปร์และฮ่องกง ดอกไม้บางชนิดก็มีในมณฑลอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ทางไต้หวันกับฮอลแลนด์มาลงทุน ดอกกล้วยไม้ พันธุ์มาจากประเทศไทย เขาว่ามีบริษัทของเกาหลีเอาต้นอ่อนกล้วยไม้จากประเทศไทยมาปลูกที่คุนหมิงและส่งออกขายญี่ปุ่น เกาหลีมาเช่าที่ดินทำเรื่องการเกษตรในแถบรอบๆ ทะเลสาบคุนหมิงหรือเทียนฉือ พูดเรื่องไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ที่แม่น้ำล้านช้างมีสถานีไฟฟ้า เขื่อนสูงร้อยกว่าเมตร ใกล้ๆ ต้าหลี่ก็จะสร้างอีกแห่ง รวมแล้วในยูนนานมี 8 แห่ง สร้างไปแล้วแห่งหนึ่ง สำหรับแห่งที่ 2 จะสร้างห่างจากเชียงรุ้ง 15กิโลเมตร บริษัทของไทยได้ลงนามแล้ว แต่รัฐบาลกลางยังไม่ได้อนุมัติโครงการ แห่งแรกบริษัทยูนนานสร้างเอง ได้ไฟฟ้า 1.5 ล้านกิโลวัตต์ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 เพิ่งเสร็จปีนี้ ขณะนี้เวลาฤดูฝนมณฑลยูนนานมีไฟฟ้ามากใช้ไม่หมด ต้องส่งไปที่กวางตุ้ง และมณฑลอื่นสถานีกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กมีอยู่ประจำอำเภอ
คุยกันถึงเรื่องอื่นๆ เช่น ท่านเล่าว่าที่ฉู่ฉยงที่เราจะไปกินข้าวกลางวันพรุ่งนี้ ได้ขุดพบซากมนุษย์โบราณ และบริเวณใกล้ๆ ต้าหลี่หรือบริเวณฉู่ฉยงเองพบกระดูกไดโนเสาร์ รวมได้ 108 ตัว เขาขุดพบ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมา คงเก็บรักษาไว้อยู่ที่ใต้ดินนั่นเอง
ข้าพเจ้าถามคุณหลี่ซื่อฉุน อดีตเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยว่าขณะนี้ทำอะไร ท่านว่าทำงานมูลนิธิใหญ่ที่มีงานด้านสงเคราะห์ใหญ่
(น.24) sinensis (Brek) Saec เจริญเติบโตอยู่ สปอร์ของเห็ดแทงเข้าตัวหนอนที่จำศีลในฤดูหนาว เชื้อเห็ดโตเป็นเส้นใย Hypha ดูดแร่ธาตุจากตัวหนอน จนตัวหนอนค่อยๆ ตายไป ถึงฤดูใบไม้ผลิเห็ดจะงอกออกเป็นต้นบนซากหนอนตายแห้ง อาหารนอกจากนั้นมีเกี๊ยว ของหวานมีข้าวเหนียวสังขยาใส่อะไรต่อมิอะไร อย่างเช่น ลูกเกด เม็ดบัว ของหวานอีกอย่างคล้ายๆ ลูกชิด มีผลไม้ลอยแก้วใส่ในลูกแตงโมสลักเป็นรูปมังกรทอง
รับประทานอาหารเสร็จขึ้นมาบนห้องพัก โทรศัพท์ไปห้องเปียนเหมยให้มาคุยด้วย เขาเอาใบชามาให้ เป็นของฝากจากปักกิ่ง คุยกันว่าแต่แรกคิดว่าข้าพเจ้าจะแวะปักกิ่ง แต่ไม่ได้ไป เขากับพี่อู๋หุ้ยชิงผิดหวังมาก เปียนเหมยตัดสินใจมาคุนหมิงชวนพี่อู๋มาด้วย แต่พี่อู๋ติดราชการ ไม่ใช่วันหยุดก็มาไม่ได้ แต่เปียนเหมยออกจากราชการตำรวจแล้ว มาทำงานบริษัทเอกชน จึงไปไหนๆ ได้ตามสบาย คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะไปเที่ยวเมืองไทย แต่จะต้องนัดก่อนว่าข้าพเจ้าจะอยู่กรุงเทพฯ เมื่อไร จะพบกันอย่างไร ข้าพเจ้าถามว่าจะได้ไปอเมริกาไหม เพราะรู้สึกว่าเขาเคยบ่นอยากไป เขาบอกว่าอาจจะมีโอกาสเพราะทางบริษัทก็มีธุรกิจติดต่อกับนิวยอร์ก ไปๆ มาๆ ลองให้เปียนเหมยต่อโทรศัพท์ไปคุยกับพี่อู๋แล้วคุยกับเปียนเหมยต่อ เปียนเหมยเขียนเป็นจดหมายภาษาจีนเล่าเรื่องต่างๆ ถึงคุยอยู่นานก็อาจจะรู้เรื่องไม่ครบ 100% เพราะข้าพเจ้าไม่เข้าใจคำเกี่ยวกับธุรกิจที่เขียนเป็นภาษาจีน
คุยกับเปียนเหมยจบ คุยกับศุภรัตน์ต่อ จากนั้นอาบน้ำแล้วมาเขียนเรื่อง เขียนกลอนที่จะเป็นบทรำถวายพระพรสมเด็จป้าตอนเดือนพฤษภาคม เตรียมของสำหรับพรุ่งนี้ เปิดทีวีจีน แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
ใต้เมฆที่เมฆใต้ หน้า 27,29,37
(น.27) รูป 24 ทางไปเมืองฉู่ฉยง
(น.27) รถจะต้องแล่นระยะทางไกล ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้จัดให้มีผู้ใหญ่จีนนั่งมาด้วย มีแต่คุณหลิว และหลี่หงเยี่ยน คนขับรถชื่อคุณลุงเซิงฮงจยุน แต่แรกข้าพเจ้าจำลุงได้คลับคล้ายคลับคลา ที่แท้ก็คือเตี่ยที่ขับรถให้ข้าพเจ้าเมื่อ 14 ปีมาแล้วนั่นเอง เหตุหนึ่งที่ไม่มีทางจะจำได้คือสไตล์การขับรถ เที่ยวก่อนไปแค่ทะเลสาบคุนหมิง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เที่ยวนี้แล่นฉิว เลี้ยวหักมุมไปมาอย่างช่ำชอง จะเป็นเพราะถนนดีขึ้นหรือจะเป็นเพราะว่าคราวก่อนใช้รถยี่ห้อหงฉีหรือธงแดงของจีน แต่เที่ยวนี้ไม่ใช่ หงเยี่ยนบอกว่าเดี๋ยวนี้หงฉีเขาก็ปรับปรุงดีขึ้นแล้ว แต่อาจจะมีข้อเสียที่จะกินน้ำมันมาก ท่านนายกหลี่เผิงยังใช้อยู่ ถ้าอยากนั่งต้องไปแถวๆ หังโจว เขายังชอบใช้กันอยู่ หงเยี่ยนได้ตามเสด็จสมเด็จป้าไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนคุณหลิวเคยไปกับน้องเล็กเมื่อหลายปีมาแล้ว
ออกไปนอกเมืองเป็นเขตชนบท ขณะนั้นเริ่มจะเข้าฤดูชุนเทียนหรือฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อบานสีชมพู ตามไร่นาจะปลูกผักต่างๆ ที่แถบนี้เป็นที่สูงๆ ต่ำๆ เป็นลูกคลื่น ฉะนั้นคนทำนาขั้นบันได (ซึ่งดีกว่าทำแบบไร่ ที่ไม่สนใจกับเส้นระดับ) ภาษาจีนเรียกว่า ชีเถียน ที่เห็นมากที่สุดคือ ผักน้ำมัน (โหยวช่าย) ออกดอกสีเหลือง พวกเราที่ไม่ทราบว่า
Next >>