Please wait...

<< Back

เจียงซู

(น. 138) ศาลเจ้าขงจื๊อ ข้าพเจ้าสงสัยว่า ขงจื๊อกับขนมเกี่ยวพันกันอย่างไร ผู้ว่าราชการบอกว่า ที่นั่นเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมต่างๆ รับประทานเสร็จแล้วไปได้ ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายดูแลความปลอดภัยก็บอกว่าไปได้ พักสักครู่ไปที่ศาลเจ้าขงจื๊อ เข้าทางประตูหน้าไปเป็นสวน มีรูปสำริดขงจื๊อ ในอาคารมีภาพประดับเปลือกหอยเล่าประวัติขงจื๊อในช่วงอายุ ต่างๆ ศาลนี้สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1034 ซ่อมใหม่ ค.ศ. 1984 ตอนนี้คงมีงานเทศกาลของศาล มีโคมรูปต่างๆ เช่น ซิ่วกับนกกระเรียน (ภาษาจีนกลางใช้ว่า โซ่ว) ดอกบัวมีนางฟ้า โคมเล็กหลายรูปแบบ มีสีต่างๆ สวยงาม แถวๆ นั้นมีของขายแยะจริงๆ แต่เขาไม่ได้ให้ไปซื้ออะไร วันนี้มีคนมาก ไปศาลเจ้าขงจื๊อแป๊บเดียวแล้วกลับที่พัก วันนี้เที่ยวเมืองหนานจิง (นานกิง) ทั้งวัน เลยขอเล่าประวัติของเมืองนี้ไว้สักเล็กน้อย นานกิงตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกทางตอนใต้ของแม่น้ำฉังเจียง (แยงซีเกียง) มีหลักฐานสมัยประวัติศาสตร์ให้ศึกษาย้อนหลังไปได้ 2,300 กว่าปี เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ต่างๆ

(น. 139) รวมทั้งพวกกบฏไท่ผิงและรัฐบาลก๊กมินตั๋ง จึงได้รับการเรียกขานว่า “นครแห่งเมืองหลวงสิบราชวงศ์” เมืองนานกิงมีหลายชื่อเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละสมัย เช่น จินหลิง มั่วหลิง เจี้ยนเยี่ย เจี้ยนคัง เจียงหนิง และหนานจิง เนื่องจากเคยมีชื่อว่า เจียงหนิง เมืองหนานจิง จึงมีชื่อย่อว่า หนิง และชื่อมณฑลเจียงซูก็มาจากอักษรคำแรกของเมืองเจียงหนิงกับเมืองซูโจว เมืองนานกิงล้อมรอบด้วยแม่น้ำลำคลองและภูเขาน้อยใหญ่ ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง ทางด้านเหนือมีแม่น้ำแยงซีไหลผ่าน ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือมีภูเขาจื่อจินซานหรือจงซานหนือจินหลิงซาน ที่เรียกกันว่า จื่อจินซาน ซึ่งแปลว่า ภูเขาม่วงอมทอง นั้น เพราะเป็นภูเขาที่มีแผ่นชั้นหิน (shale) สีม่วง เมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ หากมองระยะไกล จะเห็นเป็นสีม่วงอมทอง เขาจื่อจินซานทอดตัว


(น. 139) รูป 114 มีโคมไฟต่างๆ
Lanterns in various shapes.


(น. 140) รูป 115 เดินดูในศาลเจ้าขงจื๊อ
Touring the ground of the Shrine.

(น. 140) ยาว 7 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก แลดูเหมือนหนึ่งมังกรมหึมานอนขดอยู่กับที่ ส่วนทางตะวันตกมีภูเขาชิงเหลียงซาน แลดูเหมือนเสือดุร้ายหมอบอยู่ ในต้นราชวงศ์หมิงซึ่งตั้งเมืองหลวงอยู่ที่นานกิง จักรพรรดิหงอู่ (ค.ศ. 1368 – ค.ศ. 1398) โปรดให้สร้างกำแพงเมืองยาวถึง 34 กิโลเมตร ความสูงโดยเฉลี่ย 12 เมตร มีป้อมน้อยใหญ่รวม 10,000 กว่าป้อม และค่ายทหารขนาดเล็กอีก 200 ค่าย นับเป็นกำแพงเมืองหลวงที่ใหญ่โตที่สุด ยาวที่สุด และสูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน เมืองนานกิงเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงซู และเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลนี้

เจียงหนานแสนงาม หน้า141-142,144,156-158,166,169-171

(น. 141) เช้านี้ผู้ว่าราชการมณฑลเจียงซูสั่งขนมชนิดหนึ่งเป็นแป้ง ทำเป็นลูกกลมๆ คลุกงา คุยกันเรื่องเหตุการณ์สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในตอนนี้คือ ท่านนายกรัฐมนตรีจูหรงจีเยือนสหรัฐอเมริกา เยือนตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากมีเรื่องโคโซโวเป็นจุดสนใจของสหรัฐอเมริกา และยังมีปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองประเทศ เช่น เรื่องที่สหรัฐอเมริกาประณามจีนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และเรื่องที่กล่าวหาว่าจีนจารกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา


(น. 142) รูป 116 มหาวิทยาลัยหนานจิง
At Nanjing University.

(น. 142) ก่อน ค.ศ. 1994 มหาวิทยาลัยแบ่งเป็นสองส่วนคือ มหาวิทยาลัยส่วนกลาง และมหาวิทยาลัยจินหลิง ทั้งสองส่วนมีพื้นฐานทางวิชาการที่มั่นคง มารวมกันเป็นมหาวิทยาลัยนานกิงทุกวันนี้ ปัจจุบันมีสถาบัน 14 แห่ง คณะวิชา 36 คณะครอบคลุมวิชาการสาขาต่างๆ ตั้งแต่เกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และอื่นๆ ส่วนที่ได้เปรียบ คือ มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู ซึ่งมีทรัพยากรมนุษย์ดี ระดับการศึกษาจึงสูงกว่าที่อื่นๆ ในประเทศจีน ทำให้มหาวิทยาลัยนี้อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ มหาวิทยาลัยยังมี

(น. 144) เมื่อคืนท่านผู้ว่าราชการมณฑลเล่าความเป็นมาของมณฑลว่า มีความเจริญรวดเร็ว ผู้คนมีฐานะดีแต่ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นปัญหา การแก้ไขก็ต้องให้มหาวิทยาลัยช่วยคิดแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ เพื่อให้สามารถช่วยตนเองได้ มีความเจริญก้าวหน้า มหาวิทยาลัยทำหน้าที่ติดต่อกับประชาชนผู้อยู่ในวัฒนธรรมเดิม และติดต่อกับประเทศต่างๆ ในโลก เพื่อเรียนรู้ถึงมาตรฐาน ความเป็นไปในประชาคมระหว่างประเทศ และการเรียนรู้เทคโนโลยีนานา แล้วประสานกันเพื่อให้เกิดความสุขความเจริญก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน อธิการบดีกล่าวว่า ที่กล่าวมานี้นับว่าสำคัญมาก แม้ว่ามหาวิทยาลัยนี้ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง แต่ก็ตระหนักว่าจำเป็นต้องถือการพัฒนาท้องถิ่นเป็นสำคัญ รัฐบาลท้องถิ่นช่วยสนับสนุนมหาวิทยาลัยมาตลอด นอกจากต้องผลิตนักศึกษาให้มีคุณภาพแล้ว ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จะต้องช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลเจียงซูด้วย มหาวิทยาลัยร่วมมือกับมณฑลจัดตั้งวิสาหกิจที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงหลายแห่ง นักศึกษาที่รับเข้ามาเป็นชาวมณฑลนี้ร้อยละ 65 จะพยายามผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพมากขึ้น และหวังว่าผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์จะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑล

(น. 156)ไปพบเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลเจียงซู ที่ทำการของพรรคใหญ่โตกว่าที่ทำการรัฐบาลมณฑลมาก ท่านเลขาธิการกล่าวต้อนรับ และกล่าวต่อไปว่าข้าพเจ้ามาประเทศจีน 8 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 9 ถ้าจะพูดถึงมณฑลเจียงซูของเรานั้นมีคำพูดมาแต่โบราณว่า บนฟ้ามีสวรรค์ บนแผ่นดินมีซูหัง (หมายถึง ซูโจวในมณฑลเจียงซู และหังโจวในมณฑลเจ้อเจียง) ถึงแม้จะดี แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก ถ้าเป็นสวรรค์ก็คงจะต้องหมายถึงว่า คนมณฑลนี้ซึ่งเป็นคนขยันนั้น มี


(น. 157) รูป 120 พบเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลเจียงซู
Paying a call on the Secretary General of the Communist Party of Jiangsu.

(น. 157)เมตตา กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อ เรื่องขยันก็ต้องยกตัวอย่างว่าเมื่อสองสามปีก่อนมีการประกวดภาษาอังกฤษที่ลอนดอน คนได้ที่ 1 สมควรจะเป็นคนอังกฤษหรือเมริกัน แต่กลายเป็นนักศึกษาปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนานกิง เป็นนักศึกษาหญิงด้วย ท่านเล่าถึงใครต่อใครที่มาเยือนเจียงซู เช่น อดีตประธานาธิบดีบุช รัฐมนตรีอาวุโสลีกวนยู แล้วกล่าวต่อไปว่าท่านลีเลือกซูโจวเป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม เพราะทางใต้ของมณฑลนี้แรงงานมีฝีมือดี อยู่ในขั้นก้าวหน้า และเป็นเพราะข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ว่าในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงมณฑลนี้สอบจอหงวนได้มากที่สุดในประเทศจีน จึงแน่ใจได้ว่า ไม่เพียงก้าวหน้าทางการศึกษาและวัฒนธรรมในปัจจุบันเท่านั้น หากแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วย

(น. 158) มณฑลนี้นอกจากแก้ปัญหาปากท้องได้แล้วยังเลี้ยงที่อื่นได้ด้วย พื้นที่น้อยแต่ปริมาณผลผลิตต่อหัวสูง ขณะนี้กำลังปรับปรุงวิสาหกิจให้เป็นไปตามกลไกตลาดแบบสังคมนิยม เพื่อช่วยผลักดันการพัฒนากำลังการผลิต ที่นี่มีชาวต่างชาติมาลงทุนมาก แต่ช่องว่างระหว่างเจียงซูกับประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง ความเป็นอยู่ของประชาชนยังต่ำกว่าเขา

(น. 166) ตอนค่ำมีการเลี้ยงอาหารในอาคารนั้นเอง มีนายกเทศมนตรีเมืองหยังโจว ซู่เสอซุนเป็นเจ้าภาพ ตอนแรกก็เป็นพิธีการอย่างที่เคยคือ เจ้าภาพกล่าวต้อนรับ เล่าเรื่องว่าหยังโจวเป็นนครอยู่ภาคกลางของเจียงซู มีเนื้อที่ 6,600 ตารางกิโลเมตร ประชาชน 4,500,000 คน ตั้งอยู่บริเวณที่คลองใหญ่จากปักกิ่งมาบรรจบกับแม่น้ำแยงซี มีประวัติเก่าแก่มากว่า 2,480 ปี ในสมัยราชวงศ์ถังหยังโจวเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากฉังอาน เมืองนี้ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมเอาไว้ได้ เน้นนโยบายอนุรักษ์ด้านผังเมืองและสิ่งแวดล้อม มีโบราณสถานมากมาย

(น. 169) รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เดินไปอีกอาคารหนึ่งเพื่อดูการแสดง ในห้องการแสดงมีเวที ข้างๆ เวทีมีวงดนตรีประกอบด้วยเจิง ขิม ขลุ่ย ซอ พิณ และมีกีตาร์ไฟฟ้ากับออร์แกนด้วย
ผู้ประกาศยังเป็นผู้หญิงพูดเสียงสูง แต่ไม่สูงเท่าสมัยก่อน
การแสดงเป็นชุดสั้นๆ ดังนี้
1.ร้องงิ้วเรื่องผู้หญิงแต่งตัว แต่งหน้า ร้องผลัดกัน 3 คน และมีหางเครื่องด้วย

(น. 170)
2. เชิดหุ่นหยังโจว เป็นหุ่นรำพัด ตัวใหญ่ประมาณเท่าหุ่นอาจารย์สาคร เชิดคนเดียว หุ่นนี้หันหน้าได้ กะพริบตาได้ คนเชิดทำท่าทางเหมือนหุ่นรำตามไปด้วย
3. ระบำหาบรากบัว มีคนรำเป็นคนหาบคนหนึ่ง เป็นรากบัว 2 คน
4. เดี่ยวเจิง เพลงสู้ไต้ฝุ่น
5. ระบำเล่นลูกบอล เป็นระบำแขกซึ่งดูเป็นจีน เขาว่าคนที่แสดงได้รางวัลการแสดง

(น. 170) รูป 132 หลังอาหารมีการแสดง
There were cultural performances after dinner.

(น. 171)
6. ผู้หญิงร้องเพลงเดี่ยวชื่อเพลง ฟังเสียงฝน เขาว่าเป็นเพลงพื้นเมืองของหยังโจว คำร้องมาจากบทกวีสมัยราชวงศ์ซ่ง ฟัง เสียงเหมือนเพลงในหนังจีน ซุป (ศุภรัตน์) อธิบายว่าเพลงในภาพยนตร์และเพลงจีนยอดนิยมหลายเพลงนำแนวทำนองจากแถบมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ถือว่าแถวนี้เป็นแหล่งอารยธรรมจีนโบราณ คนแถวฮกเกี้ยน ไต้หวันก็ดี คนกวางตุ้งหรือฮ่องกงก็ดี มีความชื่นชมในวัฒนธรรมนี้ จึงศึกษาเลียนแบบ
7. เชิดหุ่น ฉางเอ๋อสะบัดชายเสื้อ คนเชิดหุ่นคนนี้มีชื่อเสียง เคยไปแสดงที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว หน้าตาฉางเอ๋อก็เขียนได้สวยมาก ที่เขาชมกันว่าหน้าตาสวยเหมือนหน้าหุ่น คงเป็นหุ่นพวกนี้
8. ระบำเผ่าทิเบต แต่ท่าทางเหมือนเต้นบัลเล่ต์ ชื่อระบำว่า Jolmo Lungma คำนี้ภาษาจีนใช้ว่า จูมู่หลังหม่าเฟิง เป็นชื่อที่ใช้เรียกยอดเขาเอเวอเรสต์ในเทือกเขาหิมาลัย

เจียงหนานแสนงาม หน้า 197-198,212

(น. 197) เมืองหยังโจวตั้งอยู่กลางมณฑลเจียงซูทางฝั่งเหนือของแม่น้ำฉังเจียง และอยู่ริมฝั่งคลองต้าอวิ้นเหอหรือคลองใหญ่ (Grand Canal) ที่ผ่านเมืองนี้ด้วย จักรพรรดิสุยหยังตี้เกณฑ์แรงงานมหาศาลมาขุดคลองนี้เพื่อเชื่อมการคมนาคมทางน้ำระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ โดยอาศัยแนวคลองหันโกวเป็นหลัก คลองต้าอวิ้นเหอเริ่มจากอำเภอทงเซี่ยนในปักกิ่ง ผ่านเทียนสิน มณฑลเหอเป่ย มณฑลซานตง มณฑลเจียงซู และมาสิ้นสุดที่หังโจวใน

(น. 198)มณฑลเจ้อเจียง รวมความยาว 1,794 กิโลเมตร เป็นคลองขุดที่เก่าแก่ และยาวที่สุดในโลก เชื่อมต่อแม่น้ำใหญ่ 5 สายคือ ไห่เหอ หวงเหอ (ฮวงโห) หวยเหอ ฉังเจียง และเฉียนถังเจียง ปัจจุบันนี้คลองต้าอวิ้นเหอเดินเรือได้ตลอดปีเฉพาะช่วงจากมณฑลเจียงซูถึงมณฑลเจ้อเจียง ช่วงอื่นๆ เดินเรือได้บางฤดูกาล และบางช่วงก็ตื้นเขินจากการที่แม่น้ำฮวงโหเปลี่ยนเส้นทาง สภาพทำเลที่ตั้งเช่นนี้ทำให้หยังโจวเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางเรือและเป็นเมืองพาณิชย์มาแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยราชวงศ์ถัง ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งข้าวและเกลือทะเล เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านงานเครื่องเขิน ดอกไม้ประดิษฐ์ด้วยผ้าไหม การเจียระไนหยก และการจัดสวนทำเขามอ สามารถประดิษฐ์เขามอให้มีลักษณะ 4 ฤดูต่างกันออกไป ปัจจุบันหยังโจวเป็นเมืองสำคัญของมณฑลเจียงซูทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

(น. 212) เจิ้นเจียงเป็นเมืองท่า มีทั้งอุตสาหกรรมและการค้า ส่วนการท่องเที่ยวและการคมนาคมก็สะดวกดี ด้านหนึ่งของเมืองเป็นแม่น้ำ อีกสามด้านมีภูเขาล้อม และเป็นจุดที่คลองใหญ่มาบรรจบแม่น้ำแยงซี มีทางรถไฟ ทางหลวง มีสนามบินอยู่ทั้งสองข้าง เป็นทางผ่านของทางด่วนเซี่ยงไฮ้-นานกิง มีท่าเรือสำคัญเป็นอันดับที่ 3 ในลุ่มแม่น้ำแยงซี มีสินค้าขนถ่าย 15 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตต้ากั่ง (ท่าใหญ่) เป็นท่าเรือที่เปิดสู่โลกภายนอกก่อนท่าอื่นๆ ในจีน หลังจากดำเนินตามนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศแล้ว ใน ค.ศ. 1998 มี GNP 39,100 ล้านหยวน รายได้ 14,700 หยวนต่อคน เป็นลำดับที่ 5 ของมณฑลเจียงซู ลำดับที่ 50 ของประเทศ เมืองระดับอำเภอที่ขึ้นกับเจิ้นเจียงก็มีความเจริญใกล้เคียงกัน

เจียงหนานแสนงาม หน้า 246

(น. 246) ท่านนายกเทศมนตรีเล่าประวัติตนเองว่าเกิด ค.ศ. 1949 เป็นคนเซี่ยงไฮ้ คนจีนรุ่นนี้ต้องประสบความทุกข์ลำบากมาก จบชั้นมัธยมแล้วก็ต้องไปทำงานหนักที่ชนบท แล้วจึงมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัย จบแล้วก็ทำงานที่มณฑลเจียงซูมาตลอด เป็นเลขานุการมณฑล รับผิดชอบทั้งหยังโจวและเจิ้นเจียง 6 ปี เพิ่งมาเป็นนายกเทศมนตรี ภรรยาซึ่งเรียนทางคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกายังอยู่ที่นานกิง พ่อแม่ พ่อตา แม่ยาย อยู่เซี่ยงไฮ้ ลูกชายคนเดียวเรียนที่มหาวิทยาลัยฝูตั้น (เซี่ยงไฮ้) นายกเทศมนตรีชอบการถ่ายรูป เป็นประธานคณะกรรมการการถ่ายภาพเผยแพร่วัฒนธรรม ปัจจุบันนี้ใช้กล้อง digital

เจียงหนานแสนงาม หน้า 262,275,281

(น. 262) ตอนบ่ายไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไหมปักและสถาบันวิจัยการปักผ้าไหม การปักผ้าไหมเป็นงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของจีน และมีมานานแล้ว ได้พบผ้าปักไหมในเจดีย์และในสุสานสมัยราชวงศ์ซ่ง การปักผ้าไหมส่วนใหญ่จะอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ที่มีชื่อเสียงมากมี 4 เมือง คือ ซูโจว มณฑลเจียงซู กวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ฉังซา มณฑลหูหนาน และเฉิงตู มณฑลเสฉวน จนเรียกขานกันว่า ซื่อต้าหมิงซิ่ว หรือ สี่ศิลปะปักอันเลื่องชื่อ เมื่อหลายปีก่อน สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการศิลปะปักผ้าไหมจากมณฑลหูหนาน ตั้งชื่อว่า วิจิตรบรรจงปัก ไหมเลิศลักษณ์จากหูหนาน ได้เชิญข้าพเจ้าไปเปิดงาน ครั้งนั้นได้เห็นงานงดงามจำนวนมาก ครั้งนี้ได้เห็นที่ซูโจว ซึ่งมีฝีมืองามยิ่งไม่แพ้กันเลย

(น. 275) เมื่อกลับถึงโรงแรม คุณหวังคนขับรถ ซึ่งทำงานในมณฑลเจียงซูมา 20 ปีแล้ว ให้ข้าพเจ้าเซ็นชื่อในสมุดที่ระลึก ในสมุดเล่มนั้น คนที่เซ็นก่อนข้าพเจ้าคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช

(น. 281) กลับโรงแรม มอบของที่ระลึกให้เจ้าหน้าที่ ที่ตามมาจากมณฑลเจียงซู เสร็จแล้ววิ่งในห้อง ทางเจิ้นเจียงเอาสมุดข้าพเจ้าขึ้นรถไฟมาให้แล้ว รู้สึกว่าเขาดีจริงๆ ถ้าเป็นที่อื่นคงทิ้งไปแล้ว ส่วนนาฬิกาใหม่ก็เดินดีมาก ซื้อแถวๆ นี้เอง แต่ made in Thailand ข้าพเจ้ามาซูโจวเพียง 30 กว่าชั่วโมง จึงยังชมเมืองสวนสวยแพรไหมงามนี้ไม่ครบถ้วน แต่ก็ได้เห็นแล้วว่าเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซูโจวตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซูติดกับฝั่งตะวันออกของทะเลสาบไท่หู มีคลองต้าอวิ้นเหอหรือคลองใหญ่ไหลผ่านทางตะวันตกของตัวเมือง รวมทั้งอยู่บนเส้นทางรถไฟเซี่ยงไฮ้-นานกิงด้วย ซูโจวมีประวัติให้ศึกษาย้อนหลังไปได้ถึงสมัยชุนชิว ในสมัยนี้เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นอู๋ ในสมัยราชวงศ์ฉินเปลี่ยนฐานะเป็นอำเภออู๋ สมัยราชวงศ์สุยปรับฐานะกลับมาเป็นเมืองชื่อว่า ซูโจว โดยได้ชื่อเมืองมาจากภูเขาของที่นี่

เจียงหนานแสนงาม หน้า286,300-301

(น. 286) ปัจจุบันมณฑลเจ้อเจียงมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ มี GNP เป็นที่ 4 ของประเทศรองจากมณฑลกวางตุ้ง เจียงซู ซานตง ปัจจุบันพัฒนาการค้าและอุตสาหกรรมมาก ใช้ระบบกลไกตลาดแบบสังคมนิยม มีการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน อุตสาหกรรมที่นี่มีด้านโทรคมนาคมและอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก สร้างเครื่องโทรศัพท์มือถือและเพจเจอร์ นอกนั้นมีเวชภัณฑ์ เครื่องจักร รถ รถตู้ รถจักรยานยนต์ เคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมันบางอย่าง เสื้อผ้า เครื่องไฟฟ้าจำพวกตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ มาดามเองเคยไปเมืองไทยเมื่อ ค.ศ. 1987 เพื่อไปดูการผลิตและได้นำเข้า compressor ตู้เย็นที่ไทยผลิตร่วมกับสหรัฐอเมริกาในนิยมอุตสาหกรรม

(น. 300) ซุป (ศุภรัตน์) ผู้ซึ่งชอบเรื่องมังกรหยกมากมาหา บอกว่าถามข้อมูลไก่ขอทานจากพวกชาวจีนที่รับประทานอาหารด้วยกัน เขาเล่าว่าไก่ขอทานเป็นอาหารที่มีชื่อของมณฑลเจียงซู มีทั้งที่ซูโจว หังโจว วิธีทำปรับปรุงมาจากวิธีปรุงไก่ของพวกขอทานสมัยราชวงศ์ชิง พวกขอทานขโมยไก่มา แต่ไม่มีหม้อหรือกระทะ

(น. 301)เลยเอาไก่ทั้งตัว มิได้ถอนขน พอกด้วยดินเหนียว แล้วเผาไฟ เมื่อไก่สุกแกะดินที่ติดขนและหนังออก ก็ได้เนื้อไก่แสนอร่อยกิน

เจียงหนานแสนงาม หน้า 312,324

(น. 312) มาดามจังเป็นคนเซ่าซิง ท่านจึงมากับข้าพเจ้า แต่ให้ข้าพเจ้านั่งรถกับมาดามเย่ว์ รถแล่นไปตามทางหลวงที่เดินทางต่อไปได้ถึงเมืองหนิงโป ผ่านสนามกีฬาที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง หอสมุดเจ้อเจียง ศูนย์การพาณิชย์ ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำเฉียนถัง มีทั้งสะพานรถแล่นและสะพานสำหรับรถไฟ โรงงานผลิตยา ผ่านภูเขาที่มีการระเบิดหินไปขายเซี่ยงไฮ้ แถวๆ เจียงซูไม่มีภูเขาหิน ต้องใช้หินแถวนี้

(น. 324) ไปบ้านบรรพบุรุษของท่านนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล บ้านหลังนี้บรรพบุรุษของท่านอยู่มาตั้งแต่ปีที่ 13 รัชกาลจักรพรรดิหงอู่แห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1380) ท่านโจวเอินไหลเองเกิดที่มณฑลเจียงซู เข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ตระกูลโจว ปัจจุบันชาวเมืองใช้เป็นที่แสดงนิทรรศการและจัดงานต่างๆ

เจียงหนานแสนงาม หน้า 339-340

(น. 339) เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1995 มีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 6 ในการประชุมสมัชชาครั้งนั้น สมาชิกได้เสนอความคิดเห็นว่ามณฑลยูนนานจะต้องพัฒนาอุตสาหกรรม 4 ด้านคือ
1. อุตสาหกรรมยาสูบ ต้องผลิตมากขึ้น ขณะนี้ผลิตได้ 40% ของผลผลิตทั่วประเทศ และส่งออกได้ 45%
2. การพัฒนาทรัพยากรชีวภาพ กำหนดให้มี 18 โครงการสำคัญ ทุกวันนี้บางโครงการพัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอควรแล้ว เช่น โครงการ
ดอกไม้สด ผลิตได้ 600 ล้านดอก ถือเป็นหนึ่งในสามของการผลิตทั่วประเทศ ฉะนั้นควรจะพัฒนาในด้านนี้เพื่อเพิ่มพูนรายได้ของประเทศให้มากขึ้น

Next >>