Please wait...

<< Back

มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า130

(น.130) ครูฟั่นบอกว่าโทรศัพท์ไปที่ห้องสมุดชนกลุ่มน้อย ตอนแรกผู้อำนวยการยังไม่อยู่ คนอื่นๆ ไม่มีใครรู้เรื่อง พอผู้อำนวยการมาบอกว่าเขาก็ทำงานด้านศึกษาคัมภีร์ใบลานมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นบัญชีคัมภีร์สันสกฤตจากทิเบต ถ้ามีคงเป็นแค่รายชื่อคัมภีร์ที่พนักงานจดไว้เองเป็นส่วนตัว ไม่มีการจัดพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราว คัมภีร์โปตาลานั้นมีกองเป็นภูเขา ทำบัญชี 100 ปีก็ไม่เสร็จ แล้วต้องใช้เงินใช้คนเยอะแยะ พุทธสมาคมให้หนังสือเรื่อง ประติมากรรมพุทธศาสนาในมณฑลซานซี ดีมาก อธิบายเรื่องลวดลายต่างๆ สีที่ใช้เป็นอย่างไร อาจารย์จังเยี่ยนชิวให้ที่คั่นหนังสือ ซึ่งเป็นของที่ระลึกมหาวิทยาลัยปักกิ่งครบ 100 ปี และฉากเล็กๆ ด้านหนึ่งเป็นรูปหมีแพนด้า อีกด้านหนึ่งเป็นรูปกำแพงเมืองจีน ป้าจันมาทำกับข้าวให้เป็นไก่ผัดกะปิ อ้อยกับวิทยา (ทีวีช่อง 9) มาแล้ว เตรียมการว่าจะถ่ายทำข่าวอย่างไร บอกว่าจะมาพรุ่งนี้เช้าถ่ายตอนวิ่ง สักประเดี๋ยวครูฟั่นมาอีกบอกว่า นั่งรถไปฟังพยากรณ์อากาศในวิทยุ บอกว่าพรุ่งนี้จะมีพายุทราย ก็เลยไปซื้อผ้าพันคอไหมบางๆ ผืนใหญ่มา ถ้ามีพายุทรายก็ให้เอาผ้านี้คลุมหัว ทุ่มหนึ่งเดินไปโรงละครมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ไปทางห้องสมุดเลยออกไปอีกหน่อยหนึ่ง รองอธิการบดีฉือมารับ แนะนำหัวหน้าคณะบัลเล่ต์ของปักกิ่ง เขาบอกว่าคณะบัลเล่ต์นี้ตั้งมา 40 กว่าปีแล้ว มีความสัมพันธ์อันดีกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เวลามีการแสดงใหม่ๆ ก็จะมาแสดงที่มหาวิทยาลัยเสมอ ในโรงเรียนนาฏศิลป์เด็กเริ่มเรียนบัลเล่ต์ตั้งแต่อายุ 9 ปี แต่เดี๋ยวนี้พ่อแม่ชอบให้ลูกเรียนพิเศษบัลเล่ต์ ดนตรี วาดภาพ เริ่มตั้งแต่อายุ 4-5 ปี โรงละครแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1998 ตอนฉลองมหาวิทยาลัยปักกิ่งครบ 100 ปี รายการคืนนี้เป็นรายการรับฤดูชุนเทียน มี 3 รายการ

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า134,147,148

(น.134) วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2544 ตื่นขึ้นมาโผล่หน้าต่างดูข้างนอก อากาศดีลมพัดบ้างแต่ไม่ถึงกับรุนแรงนัก จึงแต่งชุดวิ่ง พอหกโมงลงไปวิ่งอากาศดีมาก มีลมบ้างแต่ไม่รุนแรง น้ำแข็งในทะเลสาบละลายไปมากแล้วจนกลายเป็นสระน้ำในทะเลสาบน้ำแข็ง มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนวิ่งจวนเสร็จแล้ว ลมพัดแรงมาก ต้องหรี่ตาวิ่ง ขึ้นมานั่งคิดเรียงความแล้วซ้อมสีซอ เปิดหน้าต่างฟังเสียงนกร้อง มีเสียงกาด้วย คณะจากสถานทูตมาสมทบ ทูตฟู่กับภรรยาอู๋จวิ้นก็มา และพวกอาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ไปที่วัดถานเจ้อ อยู่ห่างจากปักกิ่ง 45 กิโลเมตร เริ่มสร้างสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก (ค.ศ.265-316) 1,700 กว่าปีมาแล้ว แต่เดิมชื่อว่า วัดเจียฝู สมัยราชวงศ์ถังเรียกว่า วัดหลงเฉวียน วัดนี้สร้างก่อนสร้างเมืองปักกิ่งเสียอีก ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ใน ค.ศ.1692 สมัยจักรพรรดิคังซี เปลี่ยนชื่อเป็นวัดซิ่วอวิ๋น เรียกกันมาจนทุกวันนี้ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดถานเจ้อ เพราะมีบ่อน้ำและต้นเจ้อ (คือต้นหม่อนพันธุ์หนึ่ง) บนภูเขา สมัยราชวงศ์ชิงวัดนี้เป็นวัดหลวงที่สำคัญอันดับที่ 1 ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 มีพระสงฆ์มากกว่า 3,000 รูป ใน ค.ศ.1997 วัดนี้จึงมีผู้มาปฏิบัติศาสนกิจ วัดนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขา อาคารต่างๆ เรียงรายกันไปตามลำดับชั้นความสูงของภูเขา มีประตู สะพานหิน วิหารจตุโลกบาล วิหารมหาวีระ วิหารไวโรจนะ เป็นต้น
(น.147) รูป 167 ตอนบ่ายรัฐมนตรีเฉินจื้อลี่มาเยี่ยมที่หอพัก
(น.147) จากวัดไปตึกหัวรุ่นต้าซ่า ท่านทูตฟู่และกรรมการบริษัทเลี้ยงอาหารจีน เมื่อรับประทานเสร็จแล้วกลับหอพัก เขียนบันทึก ประมาณ 4 โมงครึ่งรัฐมนตรีเฉินจื้อลี่ และคณะจากกระทรวงศึกษาธิการกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาเยี่ยมที่ห้อง ได้สนทนากันพักใหญ่ ครูหวังสอนสนทนาภาษาจีนชมว่าพูดได้ดี
(น.148) เมื่อคณะรัฐมนตรีศึกษาธิการไปแล้ว ยังมีอีกคณะคือ คณะของอธิการบดีมหาวิทยาลัยโหไห่จากหนานจิงที่ข้าพเจ้าเคยไปเมื่อ ค.ศ.1999 พอดีทราบจากมาดามเฉียนว่าข้าพเจ้ามาอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเลยมาเยี่ยม เอารูปที่ถ่ายตอนที่ข้าพเจ้าไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยและเรื่องที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมาให้ เมื่อแยกไปกันหมดแล้ว ข้าพเจ้ามารับประทานอาหาร ป้าจันผัดข้าวผัดให้ และมีกระท้อนลอยแก้ว อ้อยบอกว่าคนกลัวว่าข้าพเจ้าจะผอม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่นี่มีของดีๆ กินทุกวัน วันนี้เห็นต้นไม้ลู่ลมพัดแรงก็เลยไม่วิ่ง มืดแล้วด้วย พอใครๆ ไปกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าอาบน้ำแล้วมาทำการบ้านภาษาจีน

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า162,164

(น.162) รูป 182 แต่ละแผนกมีคนมาอธิบายเป็นภาษาจีน
(น.162) เทคโนโลยีชีวภาพ ศาสตราจารย์เฉินจังเหลียง รองอธิการบดีด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผู้ซึ่งเคยต้อนรับข้าพเจ้าเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วมาอธิบายให้ จีนเริ่มต้นการวิจัยด้านการปลูกถ่ายยีนในด้านต่างๆ เช่น ในการผลิตพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และการผลิตยา (transgenic plant, transgenic animal & genetic engineering drugs) ในทศวรรษที่ 1980 มีโครงการหลายโครงการที่อาจารย์อธิบายให้ฟัง (แต่ว่าอธิบายเป็นภาษาจีน ก็เลยฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง) เช่น โครงการผลิตข้าวพันธุ์ผสม ผสมพันธุ์ข้าว Indica และ Japonica เข้าด้วยกัน สามารถเพิ่มผลผลิตและสร้างพันธุ์ที่ต้านทานโรคพืช (ได้ความว่ารสชาติไม่ดีมากนัก แต่ว่าช่วยให้ประชาชนมีพอกินมากขึ้น) การถ่ายทอดยีนฝ้ายช่วยให้ทนแมลง พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ฝ้ายของจีนเอง ได้เผยแพร่ให้เกษตรกรปลูกแล้ว พันธุ์ข้าวสาลีทนโรค
(น.164) ยาที่นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นผู้ผลิต เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดโลกาภิวัตน์ด้านเศรษฐกิจ การที่อารยธรรมของมนุษย์ก้าวหน้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ก็เพราะมนุษย์มีความรู้ในด้านสารสนเทศ (การรวบรวมข้อมูล) พัฒนาการด้านนี้รวดเร็วมากจีนเป็นประเทศหนึ่งที่ก้าวหน้าระดับโลก มีผลงานกว่า 240 โครงการที่จดลิขสิทธิ์ในระดับประเทศและระดับนานาชาติ จีนผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีความจำสูง การผลิตเรดาร์ติดดาวเทียมเพื่อศึกษาโลก ระบบโทรศัพท์ ระบบการสื่อสารด้วยใยแก้ว (fiber optic) ระบบโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย information super highway มี super server ที่ผลิตในจีน เช่น Dawning 3000 super server (ตอนนี้ดูไม่ค่อยละเอียด) เท่าที่เห็นมีการผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ semi-conductor ระบบ infrared adaptive optical observing สำหรับกล้องโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก (2.16 เมตร) อยู่ที่หอดูดาวปักกิ่งของสภาวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences) โครงการใช้คอมพิวเตอร์รวบรวมข้อมูลด้านการเกษตร มีข้อมูลพืชเศรษฐกิจทุกประเภท ข้อมูลเหล่านี้สามารถส่งทาง web ไปให้ศูนย์เกษตรในภูมิภาคต่างๆ ที่อาจจะขาดผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยเกษตรกรที่ยากจนได้ ระบบเช่นนี้เรียกว่า Agriculture Expert System Development Platform และ Agriculture Intelligent Technique (นึกถึงที่เรามีโครงการส่งข้อมูลทางการเกษตรไปให้ศูนย์เกษตรระดับตำบล) มีซอฟต์แวร์หลายอย่าง ผลิตใน NEUSOFT PARK ที่เสิ่นหยัง ซอฟต์แวร์สำหรับเขียนลายมือภาษาจีน ซอฟต์แวร์แปลภาษา ซอฟต์แวร์ที่แปลงคำพูดเป็นตัวหนังสือ คอมพิวเตอร์มือถือที่เขียนภาษาจีนแล้วแปลเป็นตัวอักษร ระบบ Telecommunication อินเตอร์เนต

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า177,178,186,187

(น.177) วันนี้ครูให้ข้าพเจ้าพูดเรื่องการแสดงละครไทย เมื่อเรียนเสร็จแล้ว อาจารย์เผย์มาเอาที่ช่วยแปลเกี่ยวกับอิทธิพลจีนในศิลปะไทยมา อาจารย์เผย์ไม่ทราบว่าบางคำจะใช้ภาษาจีนว่าอย่างไรดี เช่น คำว่า ไม้ประกับคัมภีร์ ตอนนี้ใช้คำว่า ปกคัมภีร์ไปก่อน ต้องโทรศัพท์ไปถามพุทธสมาคม ถามว่าเขาใช้ศัพท์เฉพาะว่าอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ข้าพเจ้าจะเตรียมไว้พูดปาฐกถา ในห้องข้าพเจ้ามีเครื่องส่งโทรสาร อ้อยส่งแฟกซ์ไปที่ออฟฟิซ ขอให้ส่งฟิล์มมาเพิ่มเติม ข้าพเจ้าไม่เคยส่งแฟกซ์เลยตั้งแต่มา อ้อยเลยทดลองเป็นคนแรก ข้าพเจ้าจะถ่ายซีร็อกซ์ที่ข้าพเจ้าเขียนปาฐกถาเรื่อง “วัฒนธรรมไทย” ก็เลยใช้เครื่องนี้ อาจารย์เผย์ไปแล้ว ข้าพเจ้ารับประทาน มีข้าว ซุปข้าวโพด พริกผัด ไข่ผัดพริก ข้าพเจ้าเอากระทงทองใส่ไก่ผัดตั้งฉ่ายที่ป้าจันทำมารับประทานด้วย รับประทานมะม่วงสุกเป็นของหวาน รับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ป้าจัน จี้ และครูฟั่นมา ถึงเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง อาจารย์จังกับอาจารย์หวังพาอาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง 4 คน คือ (น.177) รูป 195 อาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง 4 ท่าน มาสนทนาเรื่องปัญหาสตรี
(น.178) รูป 196 ดูสถิติการเข้าเรียนระดับต่างๆ
(น.178) 1. ศาสตราจารย์เว่ยกั๋วอิง เป็นบรรณารักษ์วารสารมหาวิทยาลัยปักกิ่งและเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาศาสตร์ของปักกิ่ง 2. รองศาสตราจารย์เจิ้งเจินเจิน เป็นอาจารย์การวิจัยประชากรศาสตร์ 3. ศาสตราจารย์แพทย์หญิงหวงหลินหง รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและอบรมสุขภาพสตรีและเด็ก มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ปักกิ่ง 4. ศาสตราจารย์แพทย์หญิง โจงฉงเล่อ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลหมายเลข 1 แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (เป็นกุมารแพทย์) ทั้ง 4 คนมาสนทนาเรื่องปัญหาสตรี อาจารย์เว่ยกั๋วอิง กล่าวว่าในจีนสตรีมีส่วนร่วมในทางการเมืองมากกว่าประเทศอื่น ในต่างประเทศมีการวิจัยเรื่องนี้ เมืองจีนก็มีเหมือนกัน จึงเปรียบเทียบเรื่องนี้ได้ (อาจารย์ยกตัวเลขมาเยอะแยะจะไม่ขอกล่าวในที่นี่) นอกจากสมาชิกสภาต่างๆ แล้ว กรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ก็มีผู้หญิงเป็นจำนวนมาก พนักงานของรัฐระดับผู้ใหญ่ก็มี เช่น ผู้ใหญ่ระดับรองนายกเทศมนตรีนครใหญ่ๆ ผู้ว่าราชการมณฑลและรอง
(น.186) ยังมีอยู่อีกโครงการคือ การปลูกถ่ายคุณสมบัติในการตรึงไนโตรเจนของพืชตระกูลถั่วไปให้พืชชนิดอื่น จากภาควิชานั่งรถออกไปนอกมหาวิทยาลัย ผ่านมหาวิทยาลัยชิงหัวออกนอกเมือง เห็นรถม้าเยอะแยะ ได้ความว่ารถม้าแล่นได้เฉพาะในชนบทห้ามเข้าปักกิ่ง บางทีมีกฎกำหนดเวลาว่ารถม้าแล่นได้เวลาไหน ไปที่บริษัท China PKU Weiming Biotechgroup มีคุณหลี่ผิงฟาง รองประธานมาต้อนรับ เนื่องจากทศวรรษ 1990 มีการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีชีวภาพก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของจีน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต้องอาศัยนวัตกรรม ในยุคใหม่นี้ต้องสร้างอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อเผชิญหน้ากับ “เศรษฐกิจที่อาศัยความรู้” ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ.1992 ดร.เฉินจังเหลียง และ ดร.จังไอ้หัว จากภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (PKU) ร่วมกันก่อตั้ง PKU (น.186) รูป 203 ไปบริษัท China PKU Weiming Biotechgroup
(น.187) Weiming Biotech Inc. ริมทะเลสาบเว่ยหมิงหูในบริเวณมหาวิทยาลัย มีแนวความคิดที่จะนำการวิจัยทางวิชาการมาสู่อุตสาหกรรมด้านไบโอเทค บริษัทเล็กๆ นี้พัฒนาไป 7 ปีกลายเป็นกลุ่มบริษัทพีเคยู เว่ยหมิงไบโอเทค ประกอบด้วยบริษัทไบโอเทคหลายบริษัท กลุ่มบริษัทเน้นการวิจัยพัฒนา นำเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ในด้านเภสัชกรรมที่ใช้พันธุวิศวกรรม ยาโบราณ ยาที่ประกอบด้วยสารเคมี เภสัชกรรมที่ใช้วิธีการผลิตทางวิศวเคมี วัคซีน น้ำยาอุปกรณ์สำหรับวินิจฉัยโรค พันธุวิศวกรรมด้านการเกษตร และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เนื่องจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งมีศักยภาพสูงในด้านทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการจัดการและด้านวิทยาศาสตร์ อาจารย์ทั้งสองท่านที่ได้กล่าวมาแล้วได้เริ่มต้นก่อตั้งกลุ่มบริษัทด้วยทุน 400,000 หยวน ร่วมมือขยาย (หรือเป็นเจ้าของ) ตั้งบริษัทต่างๆ ที่ปักกิ่ง เซินเจิ้น เซี่ยเหมิน และในมณฑลซานตง บริษัทลูกที่สำคัญได้แก่ เค่อซิ่ง (Kexing) ที่เซินเจิ้น (ค.ศ.1989) ได้รับเลือกเป็นอุตสาหกรรมตัวอย่างในโครงการ 863 บริษัทเค่อซิ่ง ซานตง ผลิตยาเช่นเดียวกัน บริษัทไบโอเทคที่เซี่ยเหมิน ผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรได้แก่ พริกหวาน ยาสูบ ไม้ดอก และมะเขือเทศ และผลิตสินค้าอาหารเสริมสุขภาพ โครงการใหม่คือ การสร้าง PKU Biocity เป็นศูนย์กลางของบริษัททำงานด้านการวิจัย พัฒนา และนำผลสู่อุตสาหกรรม ในบริเวณที่มีโครงการพัฒนาเศรษฐกิจปักกิ่ง (พัฒนาในเวลา ค.ศ.1996-2010) คือที่ที่เราไป คุณหลี่อวดว่าสภาพแวดล้อมดี มีทะเลสาบ มีสวนหย่อมอยู่ตรงกลางตึก (ที่ตั้งชื่ออย่างนี้เพราะปักกิ่งเป็นเมือง)

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า192,193,194,197,210,212,213

(น.192) ครูให้หนังสือที่เขียนเองเกี่ยวกับพุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีกเล่มมีผู้ร่วมเขียนหลายคนเกี่ยวกับสถานที่น่าสนใจในปักกิ่ง สนทนาภาษาจีน เรียนเรื่องของศาสตราจารย์จี้เซี่ยนหลิน เพราะเราจะไปหาท่านที่บ้านบ่ายนี้ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจถือว่าเป็นคนพิเศษ ท่านเป็นคนซานตง เริ่มแปลหนังสือภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุน้อย ต่อมาเรียนวรรณคดีตะวันตก ที่จริงสอบได้ทั้งที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและมหาวิทยาลัยซิงหัว แต่เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยซิงหัว แปลบทกวีของเฮอลเดอรีน (Holderin) เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัย ไปที่มหาวิทยาลัยเกอร์ทิงเกน (Gottingen) ได้เรียนภาษาสันสกฤตจนจบปริญญาเอก เขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับไวยากรณ์ในหนังสือมหาวัสตุ เรียนสันสกฤตแล้วยังเรียนภาษาบาลี (เรียนภาษารัสเซีย ยูโกสลาเวีย อาหรับ) กลับมาสอนภาษาสันสกฤต เขียนหนังสือเกี่ยวกับศกุนตลาของกาลิทาส ไปที่พม่าเยี่ยมสมาคมค้นคว้าเกี่ยวกับพม่า เขียนเกี่ยวกับปัญจตันตระ ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมทำอะไรไม่ค่อยได้ แอบแปลรามายณะภายหลังเขียนเกี่ยวกับรามายณะต่อไป ค้นคว้าเรื่องความสัมพันธ์จีน อินเดีย ศึกษาพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นบุคคลตัวอย่าง เนื่องจากศึกษามาก เขียนหนังสือไม่หยุดทั้งๆ ที่ทำงานบริหารด้านการสอน เป็นนักวิชาการที่ทำได้ครบถ้วนพร้อมทุกอย่าง ทั้งเป็นนักเขียนนักวิจัย ครู ผู้บริหาร เวลานี้อายุ 90 ปีแล้ว เตรียมเรื่องพบอธิการบดีคืนนี้ ครูหวังบอกว่าให้ดูเทปที่พูดกับรัฐมนตรีเฉินจื้อลี่ และเห็นว่าตรงไหนที่ยังเขียนไม่ดีให้แก้ไข ที่ข้าพเจ้าพูดวันนั้นครูฟังแล้วเขียนออกมาให้เป็นบทสนทนา ศัพท์ไหนที่ข้าพเจ้าพูดไม่ออกหรือใช้คำผิดก็แก้ให้เสร็จ แล้วเขียนให้ด้วยว่าอ่านอย่างไร แปลว่าอะไร บางตอนที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำว่ารัฐมนตรีหมายถึงอะไร ครูเขียนให้ เช่น ข้าพเจ้าบอกว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เช้าขึ้นก็เรียนมวยจีน รัฐมนตรีบอกว่า สมัยเรียนหนังสือกระทรวงศึกษาธิการให้เรียนมวยจีน ครู
(น.193) เล่าว่าสมัยนั้นเป็นช่วงข้าวยากหมากแพง (ค.ศ.1960-1963) ไม่มีอะไรกินเลย นักเรียนนักศึกษาสุขภาพไม่ดี รัฐบาลไม่ให้วิ่ง ไม่ให้ว่ายน้ำ ให้รำมวยจีนเพราะช้าหน่อย เรียนเสร็จรับประทานอาหาร ขนาดบอกแล้วว่ารับประทานคนเดียว ก็ยังเอาอาหารมาเยอะ มีข้าว กระดูกหมูผัดเปรี้ยวหวาน ที่จริงจะไปว่าเขาก็ไม่ได้ว่าเอาอาหารมากเกินไป ข้าพเจ้าเอาไก่ผัดตั้งฉ่ายที่ป้าจันทำใส่กระทงทอดรับประทานด้วย แล้วยังรับประทานสตรอเบอรี่ใส่นม ตอนบ่ายอ้อยมาถึงก่อนนั่งคุยกันไป สักประเดี๋ยวประพจน์ ซุป และครูฟั่นมา ซุปขอดูต้นฉบับบันทึกที่ข้าพเจ้าเขียนถึงกิจกรรมในแต่ละวันที่มาแสวงหาวิชาความรู้ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง อ้อยดูด้วย เขาก็เลยขอเอาไป xerox เราขอให้ครูฟั่นช่วยแปลปาฐกถาของรัฐมนตรีเฉินจื้อลี่ เป็นภาษาฝรั่งเศส ส่วนประพจน์ช่วยเลือกรูปที่ข้าพเจ้าจะใช้พูดปาฐกถา ครูสอนสีซอมา ข้าพเจ้าให้ดูซออีกคันหนึ่ง คันแรกหาหมอนซอไม่เจอ พอดีเอาของซออีกคันหนึ่งมาใส่ ครูก็เลยบอกวิธีรักษาซอว่าให้ใส่กล่องอย่างดี หยิบออกมาสีทุกวัน ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดให้ดี เอาผ้าแพรบางๆ ห่อ กินขนมห้ามสีซอต้องล้างมือให้ดีก่อน ไม่ให้คันชักสกปรก ซอคันที่สองที่รัดอกเป็นด้ายธรรมดา ครูบอกว่าไม่สวยให้เอาสายเอกซอด้วงของไทยรัดแทน การวางหมอนซอก็ต้องมีวิธีไม่ให้ครูดกับหน้าซอ ตำแหน่งที่วางซอจะเหลี่ยมกับซอ 8 เหลี่ยม ไม่เหมือนกัน ตอนแรกครูให้สีเพลง jingle bell ก่อน แล้วสีเพลงแข่งม้า (ไซ่หม่า) ซึ่งข้าพเจ้ายังรู้สึกว่ายาก แล้วกลับไปเพลงง่ายๆ อีก ปัญหาเดิมยังแก้ไม่ตกทั้งมือซ้ายมือขวา ครูให้เสื้อผ้าไหมลายเป็นรูปของโบราณ มีไม้แขวนเสื้อทำด้วยไผ่ ดูแปลก แต่แรกดูไม่ออกว่าเป็นอะไรนึกว่าเป็นคันชักซอขนาดใหญ่ๆ ครูให้เดาว่าอะไร ข้าพเจ้าคิดอีกทีบอกว่าเป็นไม้แขวนเสื้อ เป็นอันว่าทายถูก เสื้อนี้แขวนไว้ดูเล่นก็ได้สวมก็ได้ นอกนั้นเป็นหนังสือบทกวีเล่มหนึ่ง
(น.194) รูป 208 เรียนซีซอเอ้อร์หู
(น.194) มีโน้ตเพลงจีน 3 เล่ม ครูให้นามบัตรผู้อำนวยการวิทยาลัยดนตรี บอกว่าผู้อำนวยการคนนี้เป็นนักร้อง ข้าพเจ้าบอกว่าร้องเพลงจีนไม่เป็นสักเพลง ช่างภาพที่กระทรวงศึกษาส่งมาบอกว่าเขาร้องได้ แล้วร้องให้ฟัง เนื้อเพลงเป็นบทกวีโบราณ ร้องเสียงดีมาก ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินเพลงแบบนี้เลย เวลา 4 โมงครึ่ง อาจารย์หลายท่านมาพาข้าพเจ้าไปที่หอพักอาจารย์ เดินผ่านอาคารเตี้ยๆ อาจารย์จังอธิบายว่าสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นที่ประทับของเจ้าหญิง มีหลังหนึ่งเป็นสมาคมศิษย์เก่าจากยุโรปและอเมริกา ศิษย์เก่าจากเอเชียไม่ยักมีสมาคม เดินสวนกับผู้สูงอายุคนหนึ่งได้ทราบทีหลังว่าเป็นนักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงมาก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งเหมือนกัน
(น.197) ทำไมเรียนภาษาสันสกฤต ท่านอธิบายว่าวัฒนธรรมใหญ่ๆ มีวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมอินเดีย ทั้งสองวัฒนธรรมมีความเกี่ยวข้องกัน จีนรับวัฒนธรรมหลายอย่างจากอินเดียที่เห็นชัดเจนคือพุทธศาสนา ท่านเล่าเรื่องการสอนภาษาสันสกฤตในมหาวิทยาลัยปักกิ่งว่าเรียนกันมา 4 รุ่นแล้ว พูดชื่อคนโน้นคนนี้ข้าพเจ้าไม่รู้จัก สรุปได้ว่าแต่ละรุ่นมีคนเรียนไม่มากนัก รวมๆ กันทั้งหมดมี 18 คน ตอนนี้ก็ยังมีคนเรียนกับท่าน มาเรียนที่บ้าน ข้าพเจ้าบอกว่าตอนที่ข้าพเจ้าเรียนภาษาบาลีก็ไปเรียนที่บ้านอาจารย์แย้ม ข้าพเจ้าถามว่าท่านสอบเข้าได้ทั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่งและมหาวิทยาลัยซิงหัว ทำไมไม่เรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ไปเรียนที่ซิงหัว (ซึ่งส่วนใหญ่เรียนด้านวิศวะ) อาจารย์จี้ (ซึ่งลูกศิษย์เรียกกันว่า จี้เหล่า หมายถึง อาจารย์ผู้ใหญ่) บอกว่าสมัยนั้นมหาวิทยาลัยซิงหัวมีความสัมพันธ์อันดีกับมหาวิทยาลัยเกอร์ทิงเกนในเยอรมนี ท่านคิดว่าจะมีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ ตอนที่ไป เรียนทั้งภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาพระเวท ภาษาปรากฤต ภาษา Hybrid Sanskrit ซึ่งเป็นภาษาที่ท่านชำนาญ
(น.197) รูป 211 ห้องหนังสือของอาจารย์จี้
(น.210) รูป 223 เดินเล่นหลังอาหารเย็น
(น.210)อากาศดีเลยไปเดินเล่นข้างล่าง คนออกไปเดินเล่นกันเยอะ บางคนเล่นดนตรี เดินขึ้นไปบนเกาะอีก อนุสาวรีย์ที่เห็นนั้นเป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกมหาวิทยาลัยปักกิ่งครบรอบ 100 ปี เรือนเล็กๆ เป็นเรือนของรองอธิการบดี สมัยทศวรรษที่ 1920 (สมัยนั้นเรียก เยี่ยนจิง) ชื่อ Henry Luce มูลนิธิ Luce มาซ่อมให้ มีคนเดินไปเดินมา อ่านภาษาอังกฤษดังๆ บางคนก็นั่งกอดกัน ป้าจันบอกว่าเขาหนาว
(น.212) กลับขึ้นมาอัครราชทูตสุรพิทย์พาคุณชายดิศนัดดากับท่านผู้หญิงบุตรีมา คุยกันไปพักหนึ่ง อึ่ง อารยา แถม พี่ไก่ (พาสินี) อ้วน (วัลลิยา) ซุป ประพจน์ ครูฟั่นมากันหมด ประพจน์กับครูฟั่นไปซื้อหนังสือ ประมาณทุ่มหนึ่งเดินไปโรงละครปักกิ่ง มีศาสตราจารย์เจ้าฉุนเชิง รองนายกสภามหาวิทยาลัยปักกิ่งมารับ วันนี้มีการแสดงการร้องเพลงจากภาคตะวันตกของจีน ส่วนมากเป็นเพลงซินเจียง เสริมด้วยเพลงชิงไห่ เป็นเพลงที่หวังลั่วปิน (ค.ศ.1913-1996) นักแต่งเพลงมีชื่อเสียง เป็นผู้คัดเพลงมาปรับปรุง ซุปบอกว่าอ่านข้อมูลจากอินเตอร์เนต ได้ความว่า หวังลั่วปินอยู่ในวงดุริยางค์ทหารของฝ่ายคอมมิวนิสต์ (กองทัพปาลู่จวิน) ไปปฏิบัติงานทางภาคตะวันตกแถบมณฑลกานซู่ ซินเจียง ชิงไห่ จึงมีความรู้และประทับใจเพลงพื้นบ้านของภาคตะวันตก เป็นนักดนตรีที่เก่ง ประพันธ์เพลงไว้ 100 กว่าเพลง ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในเพลงพื้นบ้านชิงไห่และซินเจียง เพลงของเขาเป็นที่นิยมของชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พวกชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน วันนี้นักร้องเพลงประสานเสียงและนักร้องเพลงเดี่ยวร้องได้ไพเราะมาก แถมร้องเพลงฝรั่งที่แปลเนื้อร้องเป็นภาษาจีน พบอาจารย์จัง สอนเขียนตัวหนังสือในโรงละคร ข้าพเจ้าบอกครูว่า มีคนมาขอให้เขียนตัวอักษรมาก ครูหวังรั่วเจียงว่าจะเตรียมคำถามที่นักข่าวจะสัมภาษณ์ กลับหอพัก เขาไปกันหมดแล้วข้าพเจ้าอาบน้ำ เขียนบันทึก ดูทีวี เห็นวิธีเด็กสมัยนี้เรียนเปียโน (ไฟฟ้า) ต่อคอมพิวเตอร์ เรียนในจอ ครูคนหนึ่งนั่งหน้าจอสอนนักเรียนทั้งชั้น ทำอะไรไม่ไหวแล้วนอนดีกว่า
(น.213) รายชื่อผู้ร่วมสัมมนา “วัฒนธรรมและการศึกษาไทย” 9 มีนาคม 2544 1. รองศาสตราจารย์ ฟู่เจิงโหย่ว อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย มหาวิทยาลัยปักกิ่ง รองผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง หัวหน้าภาควิชาวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์ คณะภาษาตะวันออก 2. นายจินหย่ง นักศึกษาภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย คณะภาษาตะวันออก (ปริญญาตรี) 3. นายหวังฮุย นักศึกษาภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย คณะภาษาตะวันออก (ปริญญาตรี) 4. นางสาวหวังเอี้ยน นักศึกษาภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย คณะภาษาตะวันออก (ปริญญาตรี) 5. นางอู๋ชุนเหมย นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า218,220

(น.218) รูป 228 นักเรียนไทยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
(น.218) ขึ้นมารับประทานบะหมี่สำเร็จรูปญี่ปุ่น สตรอเบอรี่ นม แล้วถึงได้อาบน้ำ สักประเดี๋ยว ซุป ท่านทูต พี่หนูเล็กมา ครูฟั่นก็มาแล้ว ข้าพเจ้าซ้อมเขียนตัวหนังสือให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งยังไม่ดี ไปที่ห้องรับรองหลินหูซวนริมทะเลสาบ ข้าพเจ้ามาทีไรก็ไปที่นั่นทุกที พบนักเรียนไทยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มีนักเรียนทุนกระทรวงต่างประเทศคนเดียวที่เรียนประวัติศาสตร์ นอกนั้นเรียนภาษาจีน กลับมาที่หอพัก ตอนที่เดินเห็นคนยังเล่นสเกตอยู่เลย อาจารย์จังบอกว่าอันตรายมาก
(น.220) รูป 230 น้ำแข็งละลายไปครึ่งทะเลสาบแล้ว ส่วนที่ยังเป็นน้ำแข็งก็ยังมีคนลงไปเล่นสเกต
(น.220) ส่วนข้าพเจ้าฟังเทปเพลงหุ่นกระบอกสามก๊กที่ครูสิริชัยชาญส่งมาให้ พลางเขียนคำปราศรัยขอบคุณมหาวิทยาลัยปักกิ่งในวันเลี้ยงอำลา เรียนมา 4 อาทิตย์แล้วจะต้องพูดให้ได้เรื่องได้ราวดีกว่าเมื่อวันแรกมา ข้าพเจ้าเขียนหนังสือจีนช้ามากยังใช้ไม่ได้ ขนาดมาอยู่นี่แล้วยังฝึกน้อยเกินไป เขียนไปเขียนมาพวก “แขก” ที่จะมารับประทานข้าวมาแล้ว คุณดอนไปรับประทานกับคุณชายดิศนันดา พี่หนูเล็ก อารยา อึ่ง พี่ไก่ อ้วน ซุป ประพจน์ ก็เลยมากัน มีอาหารสถานทูตและอาหารจานเด็ดของข้าพเจ้าอย่างเดิมคือ ไก่กระเทียมพริกไทยรากผักชีใส่น้ำมันหอย ผัดผักใส่แบรนด์ ที่แปลกคือไข่เจียวหมูสับ ไอศกรีมพี่ไก่ซื้อมา กาแฟดอยตุง เสร็จแล้วออกไปเดินเล่นรอบหนึ่งขึ้นมาสักพัก จึงกลับกันไป

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า231,232

(น.231) เขาไปกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าลองเขียนตัวอักษรอีกทียังไม่เข้าท่าเลย เขียนได้ชั่วโมงหนึ่งก็เลิก เปลี่ยนมาเตรียมเรื่องที่จะให้สัมภาษณ์ จี้กับป้าจันมาเก็บของไปเสียบ้าง ถึงเวลา อีก 10 นาที 6 โมง ไปโรงแรมแชงกรีลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพเลี้ยง ท่านบอกว่าเลือกที่โรงแรมนี้ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ข้าพเจ้าจะได้ไม่ลำบาก พูดถึงจะไปทิเบต ท่านบอกว่ามีฝรั่งคนหนึ่งมีโอกาสต้องไปทิเบตทุกปี ไปเก็บอะไรก็ไม่ทราบ แสดงว่าเรื่องของพืชที่ทิเบตก็น่าสนใจ ข้าพเจ้าสนใจเรื่องสัตว์ที่ทิเบตด้วยว่ามีนักวิจัยจีนไปวิจัยบ้างหรือไม่ มีการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่นั่นบ้างหรือไม่ พูดถึงที่น่าไปอื่นๆ เช่น ภูเขาฉังไป๋ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแต่ต้องไปหน้าร้อน ข้าพเจ้าเคยไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนหน้าหนาวขึ้นไปบนภูเขานี้ไม่ได้ ที่ตุนหวงก็มีการค้นคว้าเพิ่มเติม มีหนังสือใหม่ๆ ที่น่าสนใจเช่นกัน พูดกันถึงเรื่องคนอายุยืน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกตัวอย่างศาสตราจารย์จี้เซี่ยนหลิน คนชอบถามว่าท่านออกกำลังกายอย่างไร (เช่น คนแก่มักจะเดินเล่น หรือรำมวยจีน) ท่านว่าไม่ออกกำลังใดๆ ทั้งสิ้น ที่จริงแล้วออกกำลังกายคือ ทำงานบ้านกวาดบ้าน ซักผ้า ทำทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ไม่จ้างลูกจ้าง สำหรับคนอายุ 90 ปี เท่านี้ก็นับว่ามากแล้ว ในเรื่องการศึกษาท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ไปเรียนที่ Aachen ที่ Tubingen Gottingen ก็ไปแล้ว ถูกถามเรื่องศาสนา ตอนนี้คนจีนมีอิสระเรื่องนับถือศาสนา มีหลายศาสนา เช่น พุทธศาสนา อิสลาม คริสต์ มีศาสนาเต๋า แต่ลัทธิขงจื้อนั้นทางจีนถือว่าเป็นลัทธิความเชื่อถือไม่ใช่ศาสนา ผู้นำจีนถึงจะไม่นับถือศาสนา ส่วนมากก็ไหว้พระ จะเป็นอะไรไป
(น.232) ท่านสนใจปัญหาเรื่องสตรี มีหน้าที่ไปประชุมในเรื่องนี้ นอกนั้นกำลังสนใจการศึกษาของเด็กประถมศึกษา ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา เช่น MIT ฮาร์วาร์ด ค้นคว้าเรื่องกลไกสมองของเด็กโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย และการใช้วิธีการด้านจิตวิทยา สามารถช่วยเด็กที่มีปัญหาได้ กระทรวงศึกษาธิการจีนสนใจการร่วมมือกับฝรั่งเศส ถ้าข้าพเจ้ามีโอกาสก็น่าจะไปศึกษาวิธีของเขาที่สอนในโรงเรียนประถมศึกษาที่เรียกว่า hands on คือเด็กได้หยิบจับทดลองจริงๆ อาจารย์เฮ่าผิง ผู้ช่วยอธิการบดี เป็นรองประธานและเลขาธิการของมูลนิธิการศึกษา มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่มีโอกาสเจอข้าพเจ้า ฝากหนังสือที่เขาแต่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาให้ (ฝากไว้กับหงเอี้ยน) อาจารย์จี้เซี่ยนหลินเป็นคนเขียนคำนำให้ กลับมาที่หอพัก มีแต่ป้าจันและจี้มารอกลับพร้อมท่านทูต เพราะคนอื่นๆ ไม่มาแล้ว เตรียมเรื่องนักข่าวจะสัมภาษณ์ จะรีบเขียน จะได้ให้ครูจังอิงดูพรุ่งนี้

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า234,236,237,239

(น.234) ครูแก้การบ้านที่ส่ง แก้คำกล่าวขอบคุณที่ข้าพเจ้าส่งเมื่อวานนี้ จากนั้น เรียนในหนังสือ ทบทวนศัพท์ ครูอ่านเรื่องหน้า 105-106 ให้ข้าพเจ้าสรุป เสร็จแล้วอ่านพลางอธิบายพลาง ทำแบบฝึกหัดที่ครูพิมพ์มาเพิ่มเติม บอกว่าไม่มีเวลาแล้วไม่ต้องทำการบ้าน พรุ่งนี้จะเรียนบทที่ 5 เรื่องการคมนาคม การท่องเที่ยว ข้าพเจ้าบอกครูจังอิงว่า ขอให้ครูพู่กันจีนเขียนตัวอย่างให้ วันที่ 15 ตอนเช้าเชิญมาช่วยข้าพเจ้า กำลังให้ครูดูที่ข้าพเจ้าเขียนคำตอบนักข่าว พอดีครูหวังมา บอกว่ายังมีอีกหลายกิจกรรมคือ ข้าพเจ้าจะต้องกล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่ให้ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ ข้าพเจ้าบอกเนื้อหาที่จะบรรยายปาฐกถาและครูหวังทั้งจดทั้งอัดเทปจะเอาไปเขียนศัพท์ที่ถูกต้อง ก่อนที่จะบรรยายจะต้องมีคำนำเข้าสู่เรื่อง ครูเขียนมาให้เสร็จดีแล้ว และซ้อมอ่านส่วนแรกที่ข้าพเจ้าเขียนเป็นภาษาไทย อาจารย์เผย์แปลเป็นภาษาจีน ตกลงส่วนนี้ใช้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าเติม (เขียนต่อ) ยังไม่ได้ให้อาจารย์เผย์ แต่แรกข้าพเจ้าเขียนให้ แต่ครูหวังบอกว่าโทร.ไปบอกให้อาจารย์เผย์มาเลยดีกว่า ส่วนหลัง (คำบรรยาย) ต้องย่อมาก เพราะจะต้องพูดในเวลาไม่ยาวเกินไป (40-45 นาที) อึ่งเอาคอมพิวเตอร์ที่สแกนภาพที่จะใช้ประกอบการบรรยายมา ทดลองฉายที่ห้องสมุด บอกว่าค่อนข้างยาว แต่ว่าคัดเอาออกได้ บ่ายนี้จะมาอีกพร้อมๆ กับทุกคน ตอนเที่ยงอาจารย์เผย์มา ข้าพเจ้าให้อาจารย์เผย์แปลหัวข้อ ส่วนคำบรรยายค่อยว่ากันทีหลัง บ่ายสี่โมงมาซ้อมกันอีกที ครูหวังบอกว่าที่จริงข้าพเจ้าไม่ควรจะดูกระดาษตอนนักข่าวสัมภาษณ์ เพราะว่าข้าพเจ้าพูดดีกว่า อ่าน เขียน เป็นการเตรียมเท่ากัน ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ ทางมหาวิทยาลัยอยากจะเก็บภาพที่ข้าพเจ้าวาดเอาไว้ วันนี้จะต้องพูดกับครูหลิวผิง ครูหวังให้ข้าพเจ้าเซ็นชื่อในเมนูที่เลี้ยงทูตต่างๆ และที่มหาวิทยาลัยห้องอาหารอยากได้ ดูด้วยว่าข้าพเจ้าเขียนผิดอย่างไร
(น.236) ครูบอกว่าครูเขียนรูปมีความหมายทางพุทธศาสนา เพราะครูนับถือพุทธศาสนา และบอกว่าทั้ง 4 อย่างใช้ชงชาได้ ข้าพเจ้าไม่เคยดื่มชากล้วยไม้ ครูว่าครูก็ไม่เคยเหมือนกัน ข้าพเจ้าบอกครูว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งขอให้ข้าพเจ้าเขียนภาพให้มหาวิทยาลัย ครูบอกว่าจะเขียนรูปอะไรดี รูปดอกบัว รูปไม้ไผ่ อะไรก็ได้ ข้าพเจ้าเลือกไผ่เพราะเป็นไม้โตเร็ว เปรียบเสมือนความรู้และปัญญาที่งอกงาม นี่ข้าพเจ้าว่าเอาเองไม่ใช่จีนว่า อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าได้ยินเรื่องจีนโบราณสมัยราชวงศ์ซ่งเล่าว่า มีศิลปินคนหนึ่งชื่อว่า เหวินถง เป็นคนที่ชอบเขียนรูปไผ่เป็นพิเศษ เขาปลูกต้นไผ่ไว้มากมายในสวนของเขาเพื่อจะได้ดูขั้นตอนการเจริญเติบโตของไผ่ และลักษณะของต้นไผ่ในฤดูกาลต่างๆ เขารู้จักไผ่ดีจนกระทั่งหยิบพู่กันขึ้นมาครั้งใด ก็มีภาพต้นไผ่อยู่ในสมอง จึงสามารถเขียนไผ่ได้เหมือนกับต้นไผ่จริง เรื่องนี้เป็นที่มาของคำพังเพยว่า ซยง โหย่ว เฉิง จยู๋ แปลว่า วางแผนการเอาไว้เรียบร้อย (ข้าพเจ้าคิดจะปลูกไผ่เอาไว้ดูเหมือนกัน) (น.236) รูป 239 ภาพที่วาดให้มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
(น.237) ครูเขียนให้ดูก่อนภาพหนึ่งใช้แต่สีเขียวกับสีดำและผสมน้ำ ต้องเขียนแบบมีกำลังภายใน ลากเส้นยาวๆ ด้วยด้านข้างของพู่กัน ใช้สีดำเขียนรูปข้อไม้ไผ่ ทิศทางของกิ่งและใบต้องให้เหมาะสม ไม่ซ้ำซาก ต้องเขียนภาพสีอ่อนสีแก่ แสดงระยะ เมื่อเสร็จแล้วครูให้เขียนคำว่า เกา เฟิง เลี่ยง เจี๋ย -ตัวอักษรจีน- (แปลว่า รสนิยมลีลาสูงสง่า คุณธรรมงามพิสุทธิ์) เป็นคำที่นิยมเขียนเวลาเขียนภาพต้นไผ่ และเขียนว่ามอบให้มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ครูให้วาดอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพใช้สีเขียวดำผสมกันเหมือนกัน เป็นภาพดอกบัว ครูวาดภาพใบบัวกับบัวตูมเอาไว้ ให้ข้าพเจ้าเติมภาพบัวบาน บัวต้องมีก้าน ข้าพเจ้ายังติดเขียนภาพต้นไผ่ ก้านบัวจึงออกมาประหลาด ครูแก้ให้นิดหนึ่งดูดีขึ้น (น.237) รูป 240 เขียนรูปดอกบัวรูปนี้ให้ครู
(น.239) อาจารย์หวัง อาจารย์เผย์ มาช่วยเตรียมเรื่องที่ข้าพเจ้าจะบรรยาย อึ่ง ประพจน์ เอา Slide มา ยิ่งทำยิ่งงง ถึงเวลาที่จะต้องไปกระทรวงต่างประเทศ ไปที่กระทรวงต่างประเทศ เป็นอาคารใหม่สวยงามมาก ท่านรัฐมนตรีถังเจียเสวียนเลี้ยง ท่านเคยต้อนรับข้าพเจ้าเมื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีท่านรองอธิการฉือ (มหาวิทยาลัยปักกิ่ง) ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ (คุณเถียน) ฯลฯ เมื่อรับประทานเสร็จข้าพเจ้าบอกคุณเถียนว่าเมื่อวานนี้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเหว่ยอวี้บอกว่าจะไปที่ฝรั่งเศส ฟังไปฟังมารู้สึกว่าจะไปฝรั่งเศสเวลาเดียวกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจะได้นัดพบกัน และขอชื่อสถานที่ที่ท่านแนะนำให้ไปดู กลับมาถึงหอพัก อารยาให้ข้าพเจ้าเซ็นรูป ประพจน์ช่วยเรียงรูปสำหรับที่จะพูดพรุ่งนี้ (จี้กับป้าจันรออยู่) พอทำเสร็จประพจน์เอาคอมพิวเตอร์ (ซึ่งขอยืมจากสถานทูต) กลับไปด้วย จะเอามาใหม่พรุ่งนี้เช้า เมื่อเขาไปกันหมดแล้วข้าพเจ้าเขียนบันทึก เพราะว่าวันนี้พรุ่งนี้มีเรื่องราวต่างๆ นานาเกิดขึ้นมากมาย เสร็จแล้วซ้อมอ่าน จะซ้อมต่อก็ง่วง (น.239) รูป 243 ดอกไม้วันนี้

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า241,242,247,248

(น.241) วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2544 ตื่นขึ้นมาเร็วยังไม่ทันจะตีห้า ตี 5 ก็ลุกขึ้นได้ แล้วรับประทานสาลี่กับน้ำส้ม ฝึกเขียนตัวอักษรที่จะให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งพลาง ฟังเทปที่ครูหวังอัดให้ ถึงเวลาลงไปรำมวยจีน วันนี้ซ้อมตั้งแต่ต้นจนจบ ครูบอกว่าพรุ่งนี้จะให้เต้นเองไม่ให้ดูครูแล้ว ไม่ทราบจะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นมาอาบน้ำแล้วออกมาซ้อมกล่าวปราศรัย ครูฟั่นมาสักประเดี๋ยว อาจารย์เผย์ อาจารย์หวัง อาจารย์จังอิงก็มา ประพจน์กับอึ่งยังอยู่ช่วยเรียงภาพที่ใช้ประกอบการบรรยาย ซ้อมกันจนเหนื่อย ประสาทกินด้วย ประพจน์กับอาจารย์จังอิงไปอัดเทปเพลงไทยมาประกอบการบรรยายอาจารย์เผย์รีบไปพิมพ์ให้
(น.242) รูป 244 มาถึงมหาวิทยาลัย
(น.242) ตอนกลางวันรับประทานกับประพจน์ รับประทานเสร็จ อึ่ง จี้ ซุป พี่ไก่ อ้วย อารยา แต่งชุดไทยสวยงามมา แล้วไปนั่งที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ข้าพเจ้าตามไปทีหลัง รองอธิการบดีฉือกับนายกสภามหาวิทยาลัย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเฉินจื้อลี่มานั่งคุยกันอยู่ สักประเดี๋ยวรองประธานเฉียนมาถึง ถึงเวลาแต่งตัวชุดปริญญา อาจารย์จังซิ่วหวนมาเป็นพี่เลี้ยง เข้าไปที่ห้องประชุม รองอธิการบดีเชิญข้าพเจ้า รองประธานเฉียน รัฐมนตรีเฉิน นายกสภามหาวิทยาลัยขึ้นไปบนเวที นายกสภาฯอ่านคำประกาศเกียรติคุณแล้วมอบปริญญา เสร็จแล้วข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณ กล่าวจบแล้วกลับนั่งในห้องรับรอง ซ้อมอีก ออกมากล่าวปาฐกถา กว่าจะผ่านได้ยุ่งไปหมด ข้าพเจ้าอ่านไม่ค่อยจะออก ยิ่งอ่านไม่ได้ยิ่งประสาท ในที่สุดไม่ดูแล้ว พูดเอาเองนอกบทผิดๆ ถูกๆ ก็พอไปได้ กลับเข้าห้องรับรอง ครูอาจารย์บอกว่าใช้ได้ๆ ให้สอบผ่าน อึ่งบอกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยืม
(น.247) รูป 251 เชิญพวกอาจารย์เลี้ยงที่สถานทูต
(น.247) ถึงเวลากลับหอพักแต่งชุดปริญญาชวนคนถ่ายรูป คนอื่นๆ ลาไปช่วยเตรียมงานเลี้ยงที่ข้าพเจ้าให้จัดที่สถานทูตคืนนี้ มีอึ่งอยู่กับข้าพเจ้า ถึงเวลาไปสถานทูต วันนี้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณาจารย์ และผู้ที่ช่วยให้ข้าพเจ้าได้มาศึกษาที่นี่ ทั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงความมั่นคง มาร่วมในงานเลี้ยงที่จัดขึ้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเอาโปรแกรมที่จะไปฝรั่งเศสมาให้ดู และมีหนังสือเกี่ยวกับโครงการสอนวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาตามวิธีใหม่ พอดีเป็นเวลาตรงกับที่ข้าพเจ้าไปฝรั่งเศส ท่านว่าให้นัดกับทางยูเนสโก
(น.248) รูป 252 ถ่ายรูปหลังงานเลี้ยง
(น.248) นายกสภามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ศาสตราจารย์หวังเต๋อปิง เป็นแพทย์ทางด้านโลหิตวิทยา เคยไปประชุมเมืองไทย คุยเรื่องโรคต่างๆ รู้สึกท่านจะถูกใจ เช่น คุยเรื่องกลุ่มเลือด เรื่องโรคทาลัสซีเมียซึ่งในประเทศไทยมีมาก ทางใต้ของจีนก็พบมากเช่นเดียวกัน เรื่องมาลาเรียชนิดต่างๆ เวลานี้มียาชิงเห่าสู้อย่างเดียวที่ใช้ได้ ท่านรัฐมนตรีเฉินเรียนมาทางด้านฟิสิกส์ ถ่ายรูปร่วมกัน ข้าพเจ้าแต่งครุยปริญญา นับว่าแปลกมากที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งให้ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ข้าพเจ้า ผู้นำชาติต่างๆ บางชาติมหาวิทยาลัยปักกิ่งยังไม่ให้ รับประทานเสร็จแล้ว ทั้งจีนไทยถ่ายรูปกับข้าพเจ้าใส่ครุยปริญญา เสร็จแล้วข้าพเจ้าขึ้นไปดูห้องข้างบน เข้าห้องน้ำป้าจัน แล้วกลับมาหอพัก มีท่านทูต พี่หนูเล็ก ป้าจัน จี้มาส่ง วันนี้ทำอะไรไม่ค่อยไหวรู้สึกว่าจะตื่นเต้นเกินไป

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า256,257,262

(น.256) กลับมาหอพัก ซ้อมดนตรี เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดไทยสำหรับงานคืนนี้ อาจารย์จังซิ่วหวนมาอธิบายรายการ เราพากันเดินไปที่ห้องอาหารเฉาหยวน เซ็นชื่อรับบัตรแล้วไปชั้นบนเข้าไปในห้องเล็กๆ นักศึกษา 2 คนมาสัมภาษณ์ให้เล่าถึงชีวิตสมัยอยู่มหาวิทยาลัยและข้อแนะนำเด็กๆ สมัยนี้ที่มีแรงกดดันมาก เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งต้องแย่งกันทั้งประเทศ ข้าพเจ้าแนะนำว่าแข่งขันกันอย่างนี้เป็นเรื่องดี เพราะว่ามีเพื่อนเก่งจะได้ชวนกันเก่ง ถ้ามีเพื่อนขี้เกียจก็จะพลอยขี้เกียจ และไม่พยายามทำให้ดี การพยายามมากๆ ก็อาจจะมีแรงกดดันได้ ก็จะต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าสอบเข้ามาได้ก็ต้องไม่แพ้คนอื่น เป็นนักศึกษาจะต้องมีความคิดความเห็นของตัวเอง สนุกกับการศึกษาหาความรู้ คิดหาเหตุผล ช่วยเหลือกันและกัน ทำกิจกรรมต่างๆ มีเพื่อนแยะๆ ต้องบริหารร่างกาย คลายเครียดด้วยการเล่นกีฬาอะไรก็ได้ (น.256) รูป 260 น้ำพุในสวน
(น.257) นักศึกษาถามเรื่องการศึกษาหลายๆ ภาษา แล้วมาเลือกภาษาตะวันออกเพราะอะไร ตอบว่าข้าพเจ้าสนใจแนวความคิดของชาวตะวันออก เขาว่าของตะวันตกก็เรียน ชอบความคิดอย่างไรมากกว่ากัน ข้าพเจ้าตอบไม่ถูกเพราะชอบเหมือนกัน ภาษาตะวันตกสำคัญมากเพราะหนังสือความรู้ต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษมากมาย website ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ รู้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็ไม่พอ เช่น ดูทีวีมีเหตุการณ์อย่างหนึ่ง โทรทัศน์ของแต่ละประเทศแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราควรฟังหลายๆ ทาง และมาคิดตัดสินใจว่าเราควรจะคิดอย่างไร นักศึกษาที่มาสัมภาษณ์นั้นคนหนึ่งเรียนทางกฎหมาย อีกคนหนึ่งเรียนภาษารัสเซีย (น.257) รูป 261 นักศึกษามาสัมภาษณ์
(น.262) รูป 266 นายกสภามหาวิทยาลัยให้ประกาศนียบัตร
(น.262) หลังจากนั้นมอบของขวัญ ข้าพเจ้าให้เทปเพลงซอด้วงที่กรมศิลปากรส่งมาให้ และแผ่นซีดีเพลงนางลอยที่ข้าพเจ้าร้อง 10 ปีมาแล้ว เดี๋ยวนี้ร้องไม่ได้แล้ว มหาวิทยาลัยมอบประกาศนียบัตรที่เรียนภาษาจีนสำเร็จ ข้าพเจ้ามอบภาพที่เขียนรูปไผ่ให้มหาวิทยาลัย นักเขียนพู่กันจีนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งชื่อศาสตราจารย์เฉินยู่หลง ท่านอายุ 81 ปีแล้ว มอบแผ่นตัวอักษรพู่กันจีนที่ท่านเขียน ศูนย์วิจัยภาษาไทยให้บทกวีอาจารย์เผย์แต่งเอง (แต่ไม่ได้เขียนเอง) อาจารย์ศูนย์วิจัยพลศึกษาให้ชุดแต่งรำมวยจีน ห้องอาหารเฉาหยวนให้ตำราอาหารจีนประเภทต่างๆ ถ่ายรูปเป็นกลุ่มๆ ถึงกลุ่มศูนย์ภาษาไทยทำไมอาจารย์โป๋ไม่มา ได้ความว่าภรรยาคลอดลูกวันนี้เอง

เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอกหน้า 269,271

(น.266) บริเวณมหาวิทยาลัยสวยงาม สงบดี เห็นนักเรียนมาอ่านหนังสือกันในสวน ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยมีวิทยาเขตที่ไหน แต่นี่ถึงจะใหญ่โตมโหฬาร แต่อาคารไม่พอแน่นอน ยังกะสวนสาธารณะ ตำรวจบอกว่ามีบริเวณข้างนอกอีก เช่น คณะฟิสิกส์ก็อยู่ข้างนอก เกือบๆ จะ 8 โมงเช้ากลับขึ้นไปที่ห้อง คุณเฉิงโหยวเจียงตำรวจปักกิ่งเอาหนังสือเรื่องเมืองไทยมาให้เซ็น เขาบอกว่าเขาดูแลปานชานลามะด้วย เลยมีโอกาสไปทิเบตบ่อยๆ เขาบอกว่าไปทิเบตควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ วันแรกๆ ต้องเดินช้าๆ พอชินแล้วจึงทำอะไรได้ ข้าพเจ้าอธิบายเรื่องเมืองไทย เกือบ 9 โมงยังไม่มีใครมา ปรากฏว่าคนที่มาก่อนคืออาจารย์จังที่สอนพู่กันจีนมาก่อนใคร บอกว่าห้องอาหารเฉาหยวนขอให้เซ็นชื่อในสมุด ในสมุดนั้นมีลายเซ็นของรัฐมนตรีเก่า อธิการบดีเก่า หลี่เทียนอิง หันซูหยิน นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล กิมย้ง และนักประพันธ์ต่างๆ ครูบอกว่านักเขียนตัวอักษรนอกจากชื่อ นามสกุล แล้วมักนิยมใช้ตราที่เขียนคำที่ไพเราะ เช่น เจียงซานตัวเจียว แม่น้ำและภูเขาสวยงาม เป็นคำที่ประธานเหมาชอบ อาจารย์ให้ตราที่อาจารย์ใช้มานานแล้ว เขียนให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งว่า หมิน จู่ เคอ เสวีย แปลว่า ประชาธิปไตยและวิทยาศาสตร์ กำลังเขียนให้สถานทูต อาจารย์จังบอกว่าเขียนหนังสือตัวโตต้องมีตราใหญ่ๆ ข้าพเจ้ายังไม่มี พอดีมาดามเฉียนเดินเข้ามาบอกว่ามีของให้ คือ มีตราอันโตให้ อาจารย์จังบอกว่าสำนวนจีนว่า ขาดน้ำก็ได้ฝน มาดามยังให้ที่ทับกระดาษ รวมทั้งฝากของไปถวายสมเด็จแม่ด้วย คุยอยู่ด้วยสักพักหนึ่งก็ไป พอมาดามเฉียนไปแล้ว อาจารย์จี้กลับมาเขียนกันใหม่จนเสร็จ พอเสร็จแล้วลงไปที่ห้องหงเอี้ยน ศาสตราจารย์เฉินซู่เผิงกับศาสตราจารย์
(น.269) รูป 271 รองอธิการเฉินเอาหนังสือเกี่ยวกับ Biotechnology ที่แต่งสำหรับโรงเรียนมัธยมมาให้
(น.269) ที่ลาซามีการศึกษาด้านรังสี (Radiation Measurement) รังสีจากดวงอาทิตย์มีปัญหาต่อผิวหนังต้องป้องกัน เขาสังเกตกันว่าดอกไม้ที่นั่นใหญ่กว่าที่อื่น กลางวันอุ่น กลางคืนหนาว ทางตะวันออกของทิเบตมีเครือข่าย GPS มาก มีปัญหาด้านแผ่นดินไหวมากกว่าที่อื่น ก็เลยต้องศึกษาอย่างดี มีเวลาน้อย ข้าพเจ้าเลยให้การบ้านอาจารย์เฉินซู่เผิงให้ช่วยหาข้อมูลพิเศษ ได้แล้วไว้ที่สถานทูต ตอนเที่ยงศาสตราจารย์เฉินจังเหลียงมา เพิ่งไปประชุมสภายังติดป้ายสมาชิกสภาอยู่เลย ข้าพเจ้าให้อักษรที่ข้าพเจ้าเขียนให้มหาวิยาลัยปักกิ่ง เขาบอกว่าจะเอาไปไว้พิพิธภัณฑ์ ดร.เฉินบอกว่ามีหนังสือมาให้ข้าพเจ้า 5 เล่ม เกี่ยวกับชีววิทยาสาขาต่างๆ ที่เป็นวิทยาการสมัยใหม่ เช่น การทำโคลนนิ่ง การตัดแต่งยีน (นำยีนอย่างหนึ่งไปใส่อีกอย่างหนึ่ง) ฯลฯ เป็นหนังสือที่รัฐมนตรีเฉินจื้อลี่ขอให้เขียนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายให้ก้าวทันโลกในยุคนี้ มีอีก 4 เล่มยังเขียนไม่เสร็จ
(น.271) ตกลงข้าพเจ้าไม่ได้ซื้อ หนังสือที่เลือกเอาไว้ทางร้านให้ฟรี! กลับที่หอพัก ดูเก็บของเป็นครั้งสุดท้าย ของรับประทานต่างๆ ไม่เอากลับทิ้งไว้ รู้สึกใจหายอยู่มาตั้งเดือนอย่างสบายทุกอย่าง ลงไปข้างล่างหงเอี้ยนบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ข้าพเจ้าว่าไม่เป็นไรจะลงไปคุยกับนักเรียน อาจารย์ฟู่ อาจารย์เหริ่นพาลูกศิษย์มา ข้าพเจ้าพบพวกเขา ตอนนี้เขาเพิ่งเข้ามาเรียน เรียนภาษาไทยได้เพียง 5 เดือน แต่พูดได้คล่องปีหน้าก็เรียนจบแล้ว พวกเขาบอกว่าเดือนสิงหาคมจะมารับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแย้งว่าตอนนี้ปิดเทอมใหญ่ เขาบอกว่าบ้านอยู่ปักกิ่งมาได้ พวกนักเรียนไทยก็มา แต่มาตอนจะต้องไปอยู่แล้ว อาจารย์เฮ่าผิงมาส่ง พวกคนทำงานที่ตึกนี้ก็มาส่งกัน ไปสนามบิน ทูตฟู่และภรรยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์เหว่ยอวี้) มาส่ง พวกครูๆ มาส่งกัน อาจารย์เผย์ให้กิ่งหลิวมีความหมายว่าให้กลับมาอีก อาจารย์จังซิ่วหวน อาจารย์จังอิง อาจารย์หวังรั่วเจียง คุณเถียน (กระทรวงศึกษาธิการ) เสี่ยวอาน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ฯลฯ ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินกลับ ทูตดอนและพี่หนูเล็กขึ้นมาส่งบนเครื่องบิน ข้าพเจ้าคิดว่ามาคราวนี้ได้ประโยชน์ในด้านการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีนมาก ทำอย่างไรให้รักษาความรู้ไว้ได้เพื่อนจะได้เรียนต่อเมื่อมาครั้งหน้า

Next >>